ดูแผนหลัง 3 นัดล่าสุด ทำให้นึกถึงนัดที่ เสมอ อิหร่าน ในการแข่งขัน ฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก เฉยเลยคับ
เลยลองค้นคลิปเก่าๆมาดู นัดนั้นเล่นกันค่อนข้างดีนะ ได้ลุ้นหลายลูก เสียดายลูกหลุดเดี่ยวของ ตะวัน มากๆ
พอได้ย้อนดู จับข้อสังเกตบางอย่างที่น่าสนใจได้
1) ทีมชุด 2002 ทีมเวิร์ค ค่อนข้างดี
เหตุผลเพราะชุด 2002 เป็นชุดดรีมทีม ได้เล่นร่วมกันมายาวนาน ซึ่งชุด 2019 แม้ในการเตรียมทีมที่ผ่านมา จะไม่ได้ลงซ้อมแบบฟูลทีม แผนก็ปรับไปปรับมา แต่จากการจัดตัวล่าหสุดก็มีหลายคนเล่นร่วมกันมายาวนาน ทั้งในทีมชาติและสโมสร ทำให้คิดว่า ทีมเวิร์คน่าจะสูงในระดับหนึ่ง
2)การโจมตีจาก WB ทั้ง2 ข้างของไทย ถือว่าเป็นอาวุธทีเด็ด
เห็นนิเวส เติมเกมส์รุกแล้วเกือบสอดเข้าไปยิงได้ 2-3 รอบ แล้วทำให้นึดถึงทริสตองโด ที่โอเวอแลป ขึ้นไปจนสุดเส้นหลังหลายรอบ และสามารถ แอสซิสในนีดสำคัญๆ หลายครั้ง
3) ไทยไม่เคยขาดกองกลางพรสวรรค์
นัดไทยเจอ อิหร่านปี 2002 ไทยเกือบยิง อิหร่านได้จากการกระชากหลุดเดี่ยวของตะวัน เข้าไป และมี ซิโก้ ว่างอยู่ข้างๆ แต่ ตะวัน เลือกยิงไปติสเซฟ ออกไปอย่างน่าเสียดาย เห็นการเล่นและคลาสของตะวันแล้ว น่าเสียดายจริงๆที่แกไม่มีโอกาสไปค้าแข้งในลีคสูงๆ
4) การเลี้ยงบอลจี้เข้าหาฝั่งตรงข้ามที่หายไป
เห็นบอลไทยยุคใหม่แล้ว สิ่งที่ขาดไปจริงๆ คือการเล่นบอลในพื้นที่สุดท้ายตรงบริเวร ริมเส้นเข้ามาบริเวรตรงกลาง แทบไม่มีการใช้การเลี้ยงจี้ เพื่อกินพื้นที่เข้ามา ซึ่งการเลี้ยงจี้กินแดนเข้ามา เพื่อให้มีพื้นที่ให้ด่านหลัง ให้ WB ทำการ โอเวอแลป หรือ การบีบให้ แบ๊คเขาถอยร่นเข้าำป มันเป็นวิธีที่ทั่วโลกใช้กัน ตั้งแต่บอลสมัยเก่า ยันบอลสมันใหม่ ตั้งแต่สมัยที่แยกตำแหน่งปีก กับกองหน้า ให้แยกจากกัน แต่ไทยยุคหลังๆแทบไม่มี
5) บอลสมัยใหม่ ความฟิตสำคัญมาก
บอลยุคก่อน การเคลื่อนที่เป็นกลุ่ม น้อยกว่าบอลสมัยใหม่มาก แต่ถึงอย่างนั้น ตั้งแต่นาที่ที่ 70 หลายคนก็เริ่มหมดแรงก็เริ่มเดินเล่น แต่บอลสมัยใหม่ การเพลสการแย่งบอลการวิ่งไล่ เกิดขึ้นทั้งเกมส์ ทั้ง 90 นาที ไม่ว่าจะเป็นกาาวิ่งขยับคุมโซน การวิ่งไล่บอล การปะทะแย่งบอล การสปริ้นเข้าไปเพื่อทำประตู ดังนั้น การพัฒนานักเตะให้มีแรงวิ่งได้ ตลอด 90 นาทีสำคัญมาก
แถมมมมมม
คลิป นัดฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก 2002
ไทย- อิหร่าน
แผน หลัง 3 กับ 2WB ของคู่กับทีมชาติไทยมายาวนาน + แถมคลิป ไทย-อิหร่าน สมัย 2002
เลยลองค้นคลิปเก่าๆมาดู นัดนั้นเล่นกันค่อนข้างดีนะ ได้ลุ้นหลายลูก เสียดายลูกหลุดเดี่ยวของ ตะวัน มากๆ
พอได้ย้อนดู จับข้อสังเกตบางอย่างที่น่าสนใจได้
1) ทีมชุด 2002 ทีมเวิร์ค ค่อนข้างดี
เหตุผลเพราะชุด 2002 เป็นชุดดรีมทีม ได้เล่นร่วมกันมายาวนาน ซึ่งชุด 2019 แม้ในการเตรียมทีมที่ผ่านมา จะไม่ได้ลงซ้อมแบบฟูลทีม แผนก็ปรับไปปรับมา แต่จากการจัดตัวล่าหสุดก็มีหลายคนเล่นร่วมกันมายาวนาน ทั้งในทีมชาติและสโมสร ทำให้คิดว่า ทีมเวิร์คน่าจะสูงในระดับหนึ่ง
2)การโจมตีจาก WB ทั้ง2 ข้างของไทย ถือว่าเป็นอาวุธทีเด็ด
เห็นนิเวส เติมเกมส์รุกแล้วเกือบสอดเข้าไปยิงได้ 2-3 รอบ แล้วทำให้นึดถึงทริสตองโด ที่โอเวอแลป ขึ้นไปจนสุดเส้นหลังหลายรอบ และสามารถ แอสซิสในนีดสำคัญๆ หลายครั้ง
3) ไทยไม่เคยขาดกองกลางพรสวรรค์
นัดไทยเจอ อิหร่านปี 2002 ไทยเกือบยิง อิหร่านได้จากการกระชากหลุดเดี่ยวของตะวัน เข้าไป และมี ซิโก้ ว่างอยู่ข้างๆ แต่ ตะวัน เลือกยิงไปติสเซฟ ออกไปอย่างน่าเสียดาย เห็นการเล่นและคลาสของตะวันแล้ว น่าเสียดายจริงๆที่แกไม่มีโอกาสไปค้าแข้งในลีคสูงๆ
4) การเลี้ยงบอลจี้เข้าหาฝั่งตรงข้ามที่หายไป
เห็นบอลไทยยุคใหม่แล้ว สิ่งที่ขาดไปจริงๆ คือการเล่นบอลในพื้นที่สุดท้ายตรงบริเวร ริมเส้นเข้ามาบริเวรตรงกลาง แทบไม่มีการใช้การเลี้ยงจี้ เพื่อกินพื้นที่เข้ามา ซึ่งการเลี้ยงจี้กินแดนเข้ามา เพื่อให้มีพื้นที่ให้ด่านหลัง ให้ WB ทำการ โอเวอแลป หรือ การบีบให้ แบ๊คเขาถอยร่นเข้าำป มันเป็นวิธีที่ทั่วโลกใช้กัน ตั้งแต่บอลสมัยเก่า ยันบอลสมันใหม่ ตั้งแต่สมัยที่แยกตำแหน่งปีก กับกองหน้า ให้แยกจากกัน แต่ไทยยุคหลังๆแทบไม่มี
5) บอลสมัยใหม่ ความฟิตสำคัญมาก
บอลยุคก่อน การเคลื่อนที่เป็นกลุ่ม น้อยกว่าบอลสมัยใหม่มาก แต่ถึงอย่างนั้น ตั้งแต่นาที่ที่ 70 หลายคนก็เริ่มหมดแรงก็เริ่มเดินเล่น แต่บอลสมัยใหม่ การเพลสการแย่งบอลการวิ่งไล่ เกิดขึ้นทั้งเกมส์ ทั้ง 90 นาที ไม่ว่าจะเป็นกาาวิ่งขยับคุมโซน การวิ่งไล่บอล การปะทะแย่งบอล การสปริ้นเข้าไปเพื่อทำประตู ดังนั้น การพัฒนานักเตะให้มีแรงวิ่งได้ ตลอด 90 นาทีสำคัญมาก
แถมมมมมม
คลิป นัดฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก 2002
ไทย- อิหร่าน