บทความ : ทำไมไทยยังห่างชั้นเอเชีย

นึกขึ้นได้เคยเขียนไว้เมื่อปี2016  ตอนนั้นไม่ค่อยมีคนสนใจ


[ ทำไมไทยแพ้ญี่ปุ่น??? ] (ชอบกด Like ใช่กด Share)
>>>คงมีแฟนบอลกว่าค่อนประเทศที่ได้ดูการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก ระหว่างไทย กับ ญี่ปุ่น และก็ทราบผลไปแล้วว่า ญี่ปุ่นบุกมาซั่มเราถึงราชมังฯไป2ประตูต่อ0
หลังเกมส์มีนานาทรรศนะมากมายทั้งในโซเชียล เว็บบอร์ด และตามร้านที่เปิดให้แฟนบอลชมเกมส์นัดนี้
หลายๆเสียงก็ค่อนแคะไปในทางที่ไม่ดี ประมาณว่าไทยเราเล่นได้ไม่ดีเลย จ่ายบอลเสียง่าย ไล่บอลไม่เก่ง ยิงประตูไม่เป็น บลาๆๆๆ
.
>>>วันนี้ผมจะเปรียบเทียบให้ดูง่ายๆนะครับว่าทำไมนัดนี้ไทยถึงแพ้ญี่ปุ่น ขอเปรียนกับระดับชั้นการศึกษาของไทยแล้วกัน สมมติ อาเซียนของเราคือ ม.ต้น แน่นอนพี่ใหญ่สุดในอาเซียนตอนนี้คือไทยและเวียดนาม ถูกต้องมีเวียดนามด้วย เพราะเรายังสลัดเวียดนามไม่หลุดห่างจนจะมองข้ามได้เหมือนทีมอื่นๆ ทีนี้ทีมที่เหลือในอาเซียนก็คือ ม.1 และ ม.2 ที่เราและเวียดนามเอาชนะได้อย่างไม่ยากเย็น แน่นอนว่าตอนนี้เราอยู่ ม.3 เราทนงตนว่าข้าแน่สุดแล้ว (ลองนึกอารมณ์ตัวเองตอนนั้นดู) เลยปีนกำแพงไปเพื่อท้าสู่กับญี่ปุ่นทีมที่อยู่ในระดับ ม.5 ถ้าเทียบกันในระดับแรงกิ้งโลกนะครับ นึกออกมั้ยครับ ม.3 เจอกับ ม.5 ผลจะเป็นยังไง ที่ผ่านมา เจอซาอุ อันนี้ขอเทียบเป็น ม.4 แล้วกันเพราะเราทำได้ดีแต่ยังไม่สามารถยืนทาบรัศมีได้อย่างเต็มภาคภูมิ การเจอกับพี่ ม.5 นั้น ถ้าน้อง ม.3 ไม่เทพลงทั้งทีมคืออยู่ในฟอร์มที่พีคสุดๆ การเอาชนะพี่ ม.5ได้คงยาก คือไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ แต่มันทำได้ยากนั่นเอง
.
>>>อย่ามองว่าทักษะเราก็ดีทำไมไม่เอามาใช้ ผมเข้าใจว่าหลายคนมองว่าทักษะคือการสับขาหลอก การหลอกล่อแบบโรนัลโด้ เลี้ยงเก่งๆเหมือนซีดาน จ่ายบอลฉลาดเหมือน เมสซี่ ซึ่งผมเชื่อว่านักเตะหลายๆคนทำได้ แต่ทักษะที่เอามาใช้จริงๆนั้นไม่ใช้เรื่องพวกนี้ แต่มันคือทักษะการเล่นฟุตบอลเป็นทีม การเคลื่อนที่ที่ดี ที่ไม่ใช่การวิ่งไปทั้งสนาม แต่เป็นการวิ่งไปยังตำแหน่งที่ถูกต้อง รูปแบบการเล่นที่หลากหลาย และการควบคุมเกมส์ให้เป็นของเรา ดังที่ญี่ปุ่นทำให้ดู วันนี้ถ้าเรากลับมาแข่งในอาเซียน เราก็คงชนะได้ไม่ยาก ความรู้สึกแบบนั้นมันเกิดกับญี่ปุ่นที่มองว่าเราคือ ม.3 ที่เค้า ม.5 คงเล่นด้วยไม่ยากมาก และเค้าก็ไม่ประมาทด้วย สังเกตจากการเพลสซิ่งที่ไม่ปล่อยให้เราตั้งเกมส์เลย พอเจออย่างนี้ ซึ่งเราไม่เคยเจอมาก่อนในอาเซียน หรือแม้แต่ในไทยลีก ก็ไม่มีทีมไหนเพลสซิ่งโหดขนาดนี้ เราก็จบ น้อง ม.3ไม่มีประสบกาม เอ้ย.การณ์ เรื่องนี้ก็ไปไม่เป็นเหมือนกัน
.
>>>ผมมองว่าเราทำได้ดีแล้วระดับนึงทั้งการเล่นกับซาอุ และญี่ปุ่นในนัดนี้ เพียงแต่ว่าประสบการณ์ของเรานั่นเองที่ยังไม่มากพอ สิ่งที่เราทำคือการสู้ตามแนวทางที่เรามี แต่ญี่ปุ่นเค้ามีมากกว่าเราเท่านั้นเอง นี่เป็นสิ่งที่เราต้องเก็บไว้และนำมาใช้ในนัดต่อๆไป

.
>>>มันเหมือนกับการที่เราชนะทีมอาเซียนแบบสบายเกือกเลยทำให้แฟนบอลมองว่าเรานั้นเข้าใกล้ท๊อปเอเชียเข้าแล้ว แต่ความจริง มันคือการกระเถิบไป แต่ยังไกล เหมือนที่ บุรีรัมย์ทำเมื่อ2-3ปีก่อน แต่ก็ไม่ถึงจุดนั้น เพราะเรามั่นใจมากเกินไป
.
>>> เรื่องร่างกายก็สำคัญ สังเกตจากญี่ปุ่นเค้าร่างสูงแต่เค้าก็มีกล้ามเนื้อที่เหมาะสมกับรูปร่าง เป็นกล้ามเนื้อที่เป็นธรรมชาติ ไม่ใช่เกิดจากการเร่งหรือพัฒนากล้ามเนื้อขึ้นมา ทำให้เค้าคล่องและเร็วกว่าเราทั้งที่สูงกว่าเราด้วยซ้ำ ซึ่งเรื่องนี้เราคงต้องใช้เวลาหลายปีเพื่อให้คนรุ่นถัดไปมีร่างการแบบนั้นได้
.
>>>เกมส์กับญี่ปุ่นเป็นตัวบอกเราได้อย่างดีว่าเราอยู่ระดับไหนของเอเชีย แต่ใช่ว่านั่นจะทำให้เราท้อ แต่เป็นการบอกให้เรารู้ว่าเราต้องเตรียมตัวอีกแค่ไหน เพื่อเข้าใกล้เค้าให้มากเรื่อยๆ นักฟุตบอลของเราก็จะได้มีแรงกระตุ้นที่จะพัฒนาตัวเองหลังจากที่ขึ้นมาเป็นผู้นำอาเซียนแล้วดูเหมือนว่าการพัฒนาจะช้าลงไป
.
>>>ผมไม่อยากว่าใครที่ออกมาบ่นนัดนี้ว่าดูบอลไม่เป็น แต่อย่าลืมว่าวันนี้เราเจอกับญี่ปุ่นทีมที่อยู่แนวหน้าของโลก ในขณะที่เรายังหมิ่นเหม่ อยู่กับขอบอาเซียนอยู่เลย แต่ก็ไม่ได้บอกว่าเราจะหวังชนะใครเค้าไม่ได้ เพราะ น้อง ม.3 อาจทำเซอไพร้ ชนะพี่ ม.4 ,ม.5 ได้เหมือนกัน เพียงแค่มันไม่ง่ายเท่านั้นเอง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่