เหตุเกิดเมื่อวันที่ 5 มกราคม 2562 เวลา 17.50 น. เมื่อผมและลูก 2 คน ลูกสาว 5 ขวบ กับลูกชาย 3 ขวบ ไปรับภรรยาที่เดินทางมาจากกรุงเทพ เที่ยวบิน VZ108 มาถึงสนามบินเชียงใหม่ เวลา 17.40 น.
หลังจากที่เจอภรรยาแล้วก็พากันมาที่ทางออกประตู 2 เพื่อข้ามถนนไปที่จอดรถของทางสนามบิน โดยที่ภรรยาอุ้มลูกสาว ส่วนผมจูงลูกชาย ขณะที่ข้ามทางม้าลายในสนามบินนั้น ก็ได้เดินสวนกับชาวต่างชาติที่ลากกระเป๋า จู่ๆ ลูกชายผมก็ร้องไห้โดยไม่ทราบสาเหตุ ก็คิดว่าสงสัยชาวต่างชาติคนนั้นเหยียบเท้าลูกชายหรือเปล่า ก็เลยถอดรองเท้าเขาดูว่ามีรอยอะไรไหม ปรากฏว่าเจอตะปูแทงทะลุรองเท้าของลูกผม เลือดออกเต็มรองเท้าไปหมด ก็เลยรีบพากันมาที่รถที่จอดอยู่ใกล้ๆ หาน้ำเปล่ามาล้างแผล และพยายามห้ามเลือด ซึ่งภรรยาผมพกน้ำเกลือที่ใช้ล้างจมูกมาด้วย ก็เลยเอาน้ำเกลือมาล้างแผลด้วย
ช่วงนั้นผมก็เดินไปแจ้ง รปภ ของสนามบินว่าเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ทาง รปภ ก็มาหาที่รถผม 2 คน และแนะนำว่าไปห้องพยาบาล เพื่อทำแผลเบื้องต้นก่อน ภรรยาผมก็เลยอุ้มลูกชายเดินตาม รปภ ไป ส่วนผมก็จัดการเก็บของและอุ้มลูกสาวเพื่อจะเดินตามหลังไป ตอนนั้นก็ได้เอาตะปูให้ รปภ อีกคนดู เขาก็บอกว่าสงสัยช่างเก็บอุปกรณ์ไม่หมด รปภ คนนี้ก็ของยืมตะปูกับรองเท้าเพื่อเอาไปถ่ายรูปก่อน พอผมอุ้มลูกสาวเพื่อจะเดินเข้าไปในตัวอาคารอีกครั้ง ก็เจอ รปภ เอาตะปูกับรองเท้ามาคืน ผมก็เลยถามย้ำอีกครั้งว่ามีช่างมาซ่อมแซมบริเวณนี้เหรอ คราวนี้ รปภ ตอบว่าอาจจะมีรถช่างขับผ่านแล้วทำตะปูหล่น ซึ่งตอนนั้นก็ไม่อยากคาดคั้นคำตอบ เพราะอยากไปดูอาการของลูกชายมากกว่า ก็เลยสอบถามทางไปห้องพยาบาล ซึ่งรปภก็พาเดินไปส่งถึงที่ห้องพยาบาล
เมื่อไปถึงห้องพยาบาล พยาบาลก็ล้างแผลเสร็จแล้วกำลังจะปิดผ้าก็อซปิดแผล ทางพยาบาลก็บอกว่าแผลไม่ลึกแต่ควรจะพาไป รพ เพื่อฉีดป้องกันบาดทะยัก พอทำแผลเสร็จก็เพิ่งนึกได้ว่ายังไม่ได้ล้างรองเท้าที่เลอะเลือดอยู่ ก็เลยเอารองเท้าไปล้างที่ห้องน้ำใกล้ๆ เดินกลับมาอีกที ผมก็บอกภรรยาว่ารีบไปรพ กันเถอะ ภรรยาก็บอกว่าเจ้าหน้าที่ให้รอก่อน เพราะมีค่าใช้จ่าย ผมก็งงเลยว่ามีค่าใช้จ่ายอะไร มาทำแผลมีค่าใช้จ่ายด้วยเหรอ พอเจ้าหน้าที่ปริ้นกระดาษเสร็จก็เอามายื่น บอกว่ามีค่าทำแผล 100 บาท
ตอนนั้นยอมรับเลยว่า ผมโกรธมาก เลยต่อว่าไปว่า ผมมาใช้บริการของการท่าอากาศยาน ลูกชายผมประสบเหตุก็เพราะความสะเพร่าของการท่า ที่มีตะปูอยู่บนทางม้าลาย ผมต้องจ่ายเงินค่าทำแผลด้วยเหรอ ทางพยาบาลก็แจ้งว่าปกติก็ไม่เก็บ แต่เพิ่งเปลี่ยนนโยบายให้เก็บตั้งแต่วันที่ 2 มกราคม ที่ผ่านมา แล้วทางพยาบาลก็ขอโทษผมที่ไม่ได้บอกก่อนว่ามีค่าใช้จ่ายก่อนที่จะทำแผล เพราะถ้าทราบก่อนก็คงไม่เดินจากลานจอดรถ มาที่ห้องพยาบาลหรอก เพราะยังไงผมก็ต้องพาลูกชายไปรพ อยู่ดี
จึงอยากทราบว่านโยบายของการท่าอากาศยานเชียงใหม่ คืออะไรครับ ต่อให้เกิดเหตุฉุกเฉินต่างๆ คุณก็จะคิดค่าใช้จ่ายเหรอครับ ภาษีสนามบินที่คุณเก็บทุกๆครั้งเนี่ย ไม่ครอบคลุมถึงความปลอดภัยของคนมาใช้บริการของการท่า เหรอครับ แล้วการท่า คิดจะรับผิดชอบอะไรบ้างไหมครับ
อยากให้เป็นอุทาหรณ์สำหรับคนที่ใช้บริการสนามบินต่างๆ ว่า ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนครับ
ตั๋วเครื่องบินของภรรยาเพื่อยืนยันว่ามาใช้บริการสนามบินจริงครับ

รายละเอียดของการรักษาพยาบาล ซึ่งการคือการล้างด้วยน้ำเกลืออีกรอบ ทายาเบตาดีน และปิดแผล

นี่คือ ใบเสร็จค่าปฐมพยาบาลครับ
อุทาหรณ์ เมื่อลูกชายวัย 3 ขวบ ประสบเหตุที่สนามบินเชียงใหม่ และต้องเสียเงินกับการปฐมพยาบาลจากทางสนามบิน
หลังจากที่เจอภรรยาแล้วก็พากันมาที่ทางออกประตู 2 เพื่อข้ามถนนไปที่จอดรถของทางสนามบิน โดยที่ภรรยาอุ้มลูกสาว ส่วนผมจูงลูกชาย ขณะที่ข้ามทางม้าลายในสนามบินนั้น ก็ได้เดินสวนกับชาวต่างชาติที่ลากกระเป๋า จู่ๆ ลูกชายผมก็ร้องไห้โดยไม่ทราบสาเหตุ ก็คิดว่าสงสัยชาวต่างชาติคนนั้นเหยียบเท้าลูกชายหรือเปล่า ก็เลยถอดรองเท้าเขาดูว่ามีรอยอะไรไหม ปรากฏว่าเจอตะปูแทงทะลุรองเท้าของลูกผม เลือดออกเต็มรองเท้าไปหมด ก็เลยรีบพากันมาที่รถที่จอดอยู่ใกล้ๆ หาน้ำเปล่ามาล้างแผล และพยายามห้ามเลือด ซึ่งภรรยาผมพกน้ำเกลือที่ใช้ล้างจมูกมาด้วย ก็เลยเอาน้ำเกลือมาล้างแผลด้วย
ช่วงนั้นผมก็เดินไปแจ้ง รปภ ของสนามบินว่าเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ทาง รปภ ก็มาหาที่รถผม 2 คน และแนะนำว่าไปห้องพยาบาล เพื่อทำแผลเบื้องต้นก่อน ภรรยาผมก็เลยอุ้มลูกชายเดินตาม รปภ ไป ส่วนผมก็จัดการเก็บของและอุ้มลูกสาวเพื่อจะเดินตามหลังไป ตอนนั้นก็ได้เอาตะปูให้ รปภ อีกคนดู เขาก็บอกว่าสงสัยช่างเก็บอุปกรณ์ไม่หมด รปภ คนนี้ก็ของยืมตะปูกับรองเท้าเพื่อเอาไปถ่ายรูปก่อน พอผมอุ้มลูกสาวเพื่อจะเดินเข้าไปในตัวอาคารอีกครั้ง ก็เจอ รปภ เอาตะปูกับรองเท้ามาคืน ผมก็เลยถามย้ำอีกครั้งว่ามีช่างมาซ่อมแซมบริเวณนี้เหรอ คราวนี้ รปภ ตอบว่าอาจจะมีรถช่างขับผ่านแล้วทำตะปูหล่น ซึ่งตอนนั้นก็ไม่อยากคาดคั้นคำตอบ เพราะอยากไปดูอาการของลูกชายมากกว่า ก็เลยสอบถามทางไปห้องพยาบาล ซึ่งรปภก็พาเดินไปส่งถึงที่ห้องพยาบาล
เมื่อไปถึงห้องพยาบาล พยาบาลก็ล้างแผลเสร็จแล้วกำลังจะปิดผ้าก็อซปิดแผล ทางพยาบาลก็บอกว่าแผลไม่ลึกแต่ควรจะพาไป รพ เพื่อฉีดป้องกันบาดทะยัก พอทำแผลเสร็จก็เพิ่งนึกได้ว่ายังไม่ได้ล้างรองเท้าที่เลอะเลือดอยู่ ก็เลยเอารองเท้าไปล้างที่ห้องน้ำใกล้ๆ เดินกลับมาอีกที ผมก็บอกภรรยาว่ารีบไปรพ กันเถอะ ภรรยาก็บอกว่าเจ้าหน้าที่ให้รอก่อน เพราะมีค่าใช้จ่าย ผมก็งงเลยว่ามีค่าใช้จ่ายอะไร มาทำแผลมีค่าใช้จ่ายด้วยเหรอ พอเจ้าหน้าที่ปริ้นกระดาษเสร็จก็เอามายื่น บอกว่ามีค่าทำแผล 100 บาท
ตอนนั้นยอมรับเลยว่า ผมโกรธมาก เลยต่อว่าไปว่า ผมมาใช้บริการของการท่าอากาศยาน ลูกชายผมประสบเหตุก็เพราะความสะเพร่าของการท่า ที่มีตะปูอยู่บนทางม้าลาย ผมต้องจ่ายเงินค่าทำแผลด้วยเหรอ ทางพยาบาลก็แจ้งว่าปกติก็ไม่เก็บ แต่เพิ่งเปลี่ยนนโยบายให้เก็บตั้งแต่วันที่ 2 มกราคม ที่ผ่านมา แล้วทางพยาบาลก็ขอโทษผมที่ไม่ได้บอกก่อนว่ามีค่าใช้จ่ายก่อนที่จะทำแผล เพราะถ้าทราบก่อนก็คงไม่เดินจากลานจอดรถ มาที่ห้องพยาบาลหรอก เพราะยังไงผมก็ต้องพาลูกชายไปรพ อยู่ดี
จึงอยากทราบว่านโยบายของการท่าอากาศยานเชียงใหม่ คืออะไรครับ ต่อให้เกิดเหตุฉุกเฉินต่างๆ คุณก็จะคิดค่าใช้จ่ายเหรอครับ ภาษีสนามบินที่คุณเก็บทุกๆครั้งเนี่ย ไม่ครอบคลุมถึงความปลอดภัยของคนมาใช้บริการของการท่า เหรอครับ แล้วการท่า คิดจะรับผิดชอบอะไรบ้างไหมครับ
อยากให้เป็นอุทาหรณ์สำหรับคนที่ใช้บริการสนามบินต่างๆ ว่า ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนครับ
ตั๋วเครื่องบินของภรรยาเพื่อยืนยันว่ามาใช้บริการสนามบินจริงครับ
รายละเอียดของการรักษาพยาบาล ซึ่งการคือการล้างด้วยน้ำเกลืออีกรอบ ทายาเบตาดีน และปิดแผล
นี่คือ ใบเสร็จค่าปฐมพยาบาลครับ