Honda Cbr 150R (การเปลี่ยนถ่ายจากสปอร์ต 2 จังหวะสู่ 4 จังหวะ)

ที่มาของรูป
https://www.facebook.com/groups/960078604050837


กระแสลมเปลี่ยนทิศ เป็นการเปรียบเทียบกับทิศทางของวงการมอเตอร์ไซค์ในประเทศในช่วงยุค 2540 เป็นต้นมา เมื่อกฏหมายมลพิษที่ออกมาควบคุมค่าไอเสียที่ปล่อยออกจากรถมีค่ามาตาฐานที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ผสมกับทิศทางการรักษ์โลก ทำให้ค่ายรถมอเตอร์ไซค์ต่างๆ ในประเทศไทยจำเป็นที่ต้องโบกมืออำลาเครื่องยนต์ 2 จังหวะที่รุ่งเรื่องเป็นเวลานาน และค่อยๆ ก้าวเข้าสู่ยุค 4 จังหวะอย่างเต็มตัว

เมื่อก้าวสู่ยุค 4 จังหวะอย่างเต็มตัว สิ่งที่น่าแปลกใจอย่างมากในตลาดรถประเภทสปอร์ต 150cc มีเพียงแค่ Honda เพียงค่ายเดียวเท่านั้นที่ยังคงส่งรถเข้ามาทำตลาดรถประเภทสปอร์ตต่อ ในส่วนของทางค่าย Kawasaki, Suzuki และ Yamaha ล้วนที่จะหยุดการทำตลาดรถประเภทนี้ไปโดยสิ้นเชิง

สำหรับรถสปอร์ตขนาด 150cc ของทางค่าย Honda มีจุดเริ่มต้นจากรุ่น Nsr150R ซึ่งเปิดตัวขึ้นครั้งแรกในปี 2532 จวบจนกาลเวลาเลยผ่านมาถึงปี 2545 ที่ทางค่ายได้ส่งรถสปอร์ต 150cc ที่เป็น 4 จังหวะเข้ามาทำตลาดแทน หากนับวันเวลาของรถตระกูล Nsr จะพบว่ามีอายุทางการตลาด 13 ปีโดยประมาณเลยทีเดียว

Cbr150R คือรุ่นรถอย่างเป็นทางการที่ทางค่าย Honda ส่งเข้าสู่ท้องตลาด โดยทำการเปิดตัวในปี 2545 ซึ่งมีเครื่องยนต์เป็น 4 จังหวะ 1 ลูกสูบ แคมคู่ (DOCH) 4 วาล์ว (4 Valve) ระบายความร้อนด้วยน้ำ ควมจุกระบอกสูบอยู่ที่ 149.4 cc มีระยะชักที่ 63.5*47.2 มม และมีกำลังอัดอยู่ที่ 11.0 : 1 สามารถทำแรงม้าสูงสุดได้ที่ 16.9 แรงม้าต่อรอบเครื่อง 9,000 รอบ/นาที และสามารถทำแรงบิดสูงสุดที่ 13.7 กก.ม-. ที่ 7,000 รอบ/นาที

ความเร็วแรงที่หายไปพร้อมกับยุค 2 จังหวะ ทั้งนี้เราไม่อาจปฏิเสธได้ถึงกำลังเครื่อง 4 จังหวะที่ไม่อาจต่อกรกับเครื่องยนต์ 2 จังหวะได้เลย หากนำรถที่มีขนาด CC เท่ากันมาเปรียบเทียบ ทั้งนี้สำหรับรถตระกูล Nsr150 มีแรงม้าที่ 31-39 โดยมาณ แต่ในส่วนของ Cbr150R มีแรงม้าอยู่ที่ 16.9 แรงม้า

นอกจากนี้น้ำหนักตัวของเจ้า Cbr150R มีน้ำหนักถึง 135 กิโลกรัม ซึ่งหนักกว่ารถตระกูล Nsr150 ที่มีน้ำหนักเฉลี่ยอยู่ที่ 115-122 กิโลกรัมโดยประมาณ เมื่อนำมาลบกันจะเห็นถึงความแตกต่างของน้ำหนักระหว่าง Nsr150 และ Cbr150R ราว 10 กิโลกรัมโดยประมาณเลยทีเดียว

ดังนั้นหากจะลองจับคู่หาคู่แข่งในค่าย Honda ที่ Cbr150R จะพอต่อสู้ได้อย่างสูสีในช่วงเวลาเลี่ยนยุค อาจจะต้องมองไปที่รถกระเทยตระกูล Nova R หรือ Nova Tena เพียงเท่านั้น เนื่องจากมีแรงม้าสูงสุดอยู่ที่ 14 แรงม้า ซึ่งมีความใกล้เครื่องกับ Cbr150R ที่มีแรงม้าที่ 16.9 แรงม้า ทั้งนี้ยังมีองค์ประกอบในเรื่องน้ำหนักของรถเนื่องจากทั้ง Nova R และ Tena มีน้ำหนักตัวอยู่ที่ 88.5 กิโลกรัมโดยประมาณ ซึ่งได้เปรียบ Cbr150R เป็นอย่างมาก แต่สำหรับ Cbr150R มีความได้เปรียบตรงมี 6 เกียร์ ในส่วนของ Nova R และ Tena มีเพียง 4 เกียร์เพียงเท่านั้น

ทั้งนี้ Cbr150R มีข้อได้เปรียบที่ดีที่สุดคือ การบริโภคน้ำมันที่ประหยัดกว่าตระกูล 2 จังหวะเป็นอย่างมาก รวมไปถึงไม่มีค่าน้ำมัน 2t อีกด้วย

เป็นเรื่องที่ปกติสำหรับการออกรถรุ่นใหม่ไม่ว่าจะเป็นจักรยานยนต์หรือรถยนต์ โดยงานออกแบบดีไซค์จะมีการพัฒนาให้ดูมีความทันสมัย หากเมื่อเรานำรถไปจอดเปรียบเทียบกันระหว่างรุ่นใหม่และรุ่นเก่าจะเห็นถึงความแตกต่างอย่างชัดเจน ซึ่งก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่างานออกแบบที่ใหม่กว่าก็ต้องได้เปรียบงานที่เก่ากว่าเป็นเรื่องธรรมดา

สุดท้ายนี้ Cbr150R ถือเป็นจุดเริ่มต้นของรถสปอร์ตขนาด 150cc ที่มีเครื่องยนต์เป็น 4 จังหวะ ในประเทศไทยนับตั้งแต่เข้าสู่ยุคที่มีกฏหมายควบคุมมลพิษ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นมีทั้งข้อดีและข้อด้อยผสมกันตามปกติ เรามิอาจจะหาถึงความสมบูรณ์ของสิ่งใดๆ ที่มีได้ในโลกได้ เพียงแต่ว่าเราจะยอมรับการเปลี่ยนแปลงและปรับตัวกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้มากเพียงใด

ลิงค์ข้อมูลสำหรับรุ่นรถที่เขียนไปแล้ว เพื่อง่ายต่อการอ่าน

http://bit.ly/2PxTZMZ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่