25 แนวคิด จากหนังสือ ไม่ต้องลาออก ก็ประสบความสำเร็จได้

1. อันที่จริงแล้ว โลกของคนทำงานออฟฟิศก็ไม่ใช่โลกที่แย่ ถ้าเราใช้ชีวิตแบบมนุษย์เงินเดือนอย่างถูกวิธี และหนังสือเล่มนี้ กำลังจะบอกเล่า “เคล็ดลับการประสบความสำเร็จ” ในการทำงานและใช้ชีวิตของมนุษย์เงินเดือน

2. สิ่งสำคัญในการทำงาน คือการสร้างทัศนคติ หรือ Mindset ที่ถูกต้องให้กับตนเอง เราต้องเชื่อว่า “มันเป็นไปได้” งานยากไม่ใช่งานที่น่ากลัว แต่คือโอกาสดีดีที่เราได้รับ และเราสามารถทำมันได้ เมื่อบอกกับตัวเองเช่นนี้ โอกาสที่จะทำงานสำเร็จก็มีมากกว่าครึ่ง

3. สร้างคุณค่าให้กับงานของเรา คนทำงานรับเงินเดือน มักคิดว่าตนเองไม่มีโอกาสจะสร้างสรรค์สิ่งใดมากนัก เพียงทำงานตามระบบ ซึ่งอันที่จริงแล้วไม่ใช่  ทุกงานมีเกียรติ  มีคุณค่า และมีความฝันอยู่ในนั้น ถ้าคุณอยากประสบความสำเร็จในการทำงาน  คุณต้อง “ตั้งเป้าหมายในชีวิตให้ชัดเจน”  มุ่งมั่นที่จะเป็นคนที่เก่งที่สุดในสายงานของคุณ  รู้และเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่างานที่ทำมี “คุณค่า” อย่างไรต่อองค์กร หรือผู้คน  สิ่งเหล่านี้จะทำให้คุณรักและลุ่มหลงในการทำงาน มีแรงขับเคลื่อนจากภายใน

4. การทำงานที่ดีเริ่มต้นจากปัญหา เพราะงานทุกชิ้นนั้นมักทำไปเพื่อแก้ปัญหาใดปัญหาหนึ่ง ดังนั้นก่อนเริ่มทำงานคุณจำเป็นต้องเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าทำเรื่องนี้เพื่ออะไร ระบุจุดประสงค์ให้ชัด เพื่อใช้เป็นแกนหลักในการลำดับความคิด ไปจนถึงการเลือกวิธีที่จะแก้ปัญหา ซึ่งก็คือกลยุทธ์และแผนปฏิบัติงานที่ดี

5. อย่าสร้างข้อจำกัดให้ตนเอง เทคโนโลยีมีไว้เพื่อช่วยเหลือคุณ แต่หากไม่มีหรือมีไม่ดีมากพอ คุณก็ต้องฝึกฝนให้ตัวเองสามารถทำงานได้   ยกตัวอย่างเช่น ลองถามตัวคุณเองว่า คุณสามารถ พรีเซ็นต์งานได้หรือไม่ ถ้าไม่มีคอมพิวเตอร์ ถ้าคำตอบคือไม่ได้ จงไปฝึกฝนเพื่อยกเลิกข้อจำกัดเช่นนี้  จำไว้ว่า ยิ่งมีข้อจำกัดน้อยเท่าไร งานก็มีโอกาสประสบความสำเร็จได้มากขึ้นเท่านั้น  เพาะเราต้องเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับคว้าโอกาสที่จะมาถึง ไม่ใช่มัวแต่นั่งรอโอกาส และพบว่าเมื่อมันมาถึง เราก็มีข้อจำกัดมากมายเกินกว่าจะคว้าไว้ได้

6. จงหาครูที่ดี เพราะการเรียนรู้ไม่ได้จบเพียงการสำเร็จการศึกษา  ในการทำงานเราต้องเรียนรู้เพิ่มเติมตลอดเวลา จงมองหา “ครู” ที่ทำงานเก่ง ถ่ายทอดงานได้ดี และมีทัศคติที่ดีในการทำงาน

7. ไม่มีใครทำอะไรได้ทุกอย่าง แม้เราจะเชื่อมั่นว่า ทุกสิ่งเป็นไปได้  แต่เราก็ต้องไม่หลงลืมว่า ทุกคนต่างมีทางที่ถนัดของตนเอง  เราอาจทำได้ทุกสิ่งที่อยากทำ แต่ต้องใช้เวลาฝึกฝนนาน ในขณะที่หากเรารู้ว่าเรามีความถนัด โดดเด่นด้านใด  ชอบด้านใด และมุ่งพัฒนาจุดนั้น เราจะประสบความสำเร็จในทักษะนั้นๆ อย่างรวดเร็ว

8. จงเป็นทีมงานที่ดี  รู้จักให้กำลังใจซึ่งกันและกันในวันที่งานมีปัญหา  รู้จักการมีน้ำใจ เกรงใจ และเห็นใจ เพื่อนร่วมงานอยู่เสมอ  สิ่งที่ควรต้องระวังมากๆ นั้นคือ การขอความช่วยเหลือที่อาจมากจนเกินไป และเมื่อไม่ได้รับการตอบสนองก็ขุ่นเคืองใจ  เราอาจลืมไปว่าไม่มีใครมี “หน้าที่” ต้องช่วยเรา เขาสามารถช่วยหรือไม่ช่วยก็ได้ตามความสมัครใจ และความพร้อม เอาใจเขามาใส่ใจเรา เราจะไม่โกรธเคืองแม้ได้รับการปฏิเสธ

9. WORK- LIFE BALANCE ไม่ได้แปลว่า จะต้องทำงานและใช้ชีวิตส่วนตัว  50 : 50  หรือทำงานเฉพาะในเวลางานเสมอไป  เพราะถ้าคุณทำงานแค่ภายในเวลางาน คุณก็จะเป็นพนักงานธรรมดาคนหนึ่ง  แต่ถ้าอยากที่จะโดดเด่น  ให้ลืมเรื่องเวลางานไปซะ และทำงานตามเป้าหมายของคุณ  WORK- LIFE BALANCE  ที่ดี คือ การดูแลรักษาสมดุลของชีวิต  รีเฟรชตนเองให้ “พร้อม”  ทั้งร่างกายและจิตใจ พักผ่อนให้เพียงพอ รักษาสุขภาพให้แข็งแรง อยู่เสมอ ไม่ต้องระบุแบ่งแยกเวลางานที่ชัดเจนก็ได้

10. งานเสร็จ ไม่ได้แปลว่างานสำเร็จ การทำงานเพียงเพื่อให้เสร็จตามภารกิจที่มอบหมาย ไม่สามารถการันตีได้ว่างานของคุณประสบความสำเร็จ ดังนั้น  เพื่อสร้าง “คุณค่า” ที่มากกว่าให้กับงานของคุณ คุณต้องรู้ว่า เป้าหมายของงานที่ทำนั้น เพื่ออะไร อะไรคือการประสบความสำเร็จ และมุ่งมั่นที่จะทำสิ่งนั้น การทำงานอย่างเห็นคุณค่าของงาน จะทำให้งานนั้นมี “ความหมาย” และนั่นคือหนทางสู่การทำให้สำเร็จได้อย่างแท้จริง

11. อย่ารักสบาย จงเลือกทำงานที่ท้าทายอยู่เสมอ ต่อให้เป็นงานเดิมก็อย่าหยุดนิ่ง จงมองหาลู่ทางที่จะทำงานให้ได้ประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น กระบวนการคิดแบบไม่หยุดนิ่ง จะกระตุ้นให้เรารักที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ และพัฒนาต่อยอดงานอย่างไม่รู้จบ

12. รู้ทักษะที่จำเป็นสำหรับการเลื่อนขั้น อายุการทำงานเป็นเพียงส่วนหนึ่งในการเลื่อนสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้น แต่สิ่งที่จำเป็นและสำคัญมากกว่านั้นคือ “ความพร้อมและความโดดเด่น” ในการทำงาน  ถ้าอยากจะเลื่อนขั้น คุณต้องเรียนรู้ว่างานในตำแหน่งที่สูงขึ้นนั้นจำเป็นต้องใช้ทักษะอะไร  มีหน้าที่และบทบาทที่แตกต่างจากเดิมอย่างไร เช่น จำเป็นต้องมีความรู้เบื้องต้นของงานในแผนกมี  ทักษะการวางแผน  ทักษะการนำเสนอ  การเจรจา ฯลฯ ซึ่งทักษะเหล่านี้งานปรกติของคุณอาจ ไม่ต้องใช้ คุณจำเป็นต้องพัฒนาด้วยตนเอง และมองหาโอกาสในการแสดงศักยภาพเหล่านี้ออกมา

13. พัฒนาจุดแข็งให้ตนเอง สร้างคุณค่าให้ตนเองโดยการเป็นพนักงานที่บริษัท “ต้องการ”  ซึ่งสิ่งสำคัญคือ ทักษะและความสามารถที่โดดเด่น  ลองประเมินตนเองว่ามีทักษะความสามารถด้านใด และอยู่ในระดับใด แล้วมุ่งพัฒนาตนเองให้ “โดดเด่น” อยู่เสมอ  อย่าลืมทบทวนว่าทักษะที่เราโดดเด่นนั้น สอดคล้องกับงานที่รับผิดชอบหรือไม่  เพราะหากเราโดดเด่นในทักษะที่ไม่เกี่ยวข้องกับงาน โอกาสที่จะแสดงความสามารถก็มีน้อย และอาจหมายถึงเราอยู่ผิดที่ผิดทาง

14. จัดลำดับงาน แบบ A B C D E การจัดลำดับความสำคัญเป็นเครื่องมือที่ทรงประสิทธิภาพในการทำงานเสมอ  และเทคนิคที่แนะนำคือ  การจัดลำดับความสำคัญ แบบ A – งานที่สำคัญมากและจำเป็นต้องทำ / B- งานที่ควรจะทำ  / C –งานที่ทำได้ก็จะดี   / D- งานที่ควรส่งต่อให้คนอื่นทำ /  E-งานที่ควรตัดทิ้งไปเสีย  เมื่อจัดลำดับแล้วเราจะมองเห็นภาพรวมของงาน ถึงแม้เราจะไม่มีเวลามากพอที่จะทำทุกสิ่ง แต่เรามีเวลาพอสำหรับจัดการสิ่งที่สำคัญและจำเป็นเสมอ    

15. พัฒนาสู่การเป็น Expert เคล็ดลับในการเป็นผู้เชี่ยวชาญ คือ คุณต้อง “หลงรัก” ในงานที่ทำ ใช้ชีวิตอยู่กับมันอย่างมีความหมาย  พยายามที่จะประสบความสำเร็จในเนื้องานมากกว่าอยากรวยหรืออยากดัง  มีครูหรือ MENTOR ที่จะช่วยแนะนำ บอกเตือนเพื่อการปรับปรุง  สามารถต่อยอดการทำงานจนเป็นทักษะ สร้างชุดความรู้ของตนเอง และฝึกฝน ทดลองเพื่อสร้างชุดความรู้ใหม่ๆ จนกลายเป้นความเชี่ยวชาญ

16. เสี่ยวก่อนเก่ง พื้นฐานสำคัญของการเป็นคนที่เก่ง คือ การมีประสบการณ์ลองผิดลองถูกและเรียนรู้จากความไม่รู้  สิ่งสำคัญคือ เราต้องระมัดระวัง การ “หลงตนเอง” ว่าเรารู้ หรือการไม่กล้ายอมรับว่า “ไม่รู้” เพราะกลัวเสียภาพลักษณ์ การหลงตน จะสร้างกลไกในการปกป้องตนเอง ทำให้เกิดการโต้กลับเมื่อเจอสถานการณ์ที่ไม่ปกติ แทนที่จะเปิดรับและพร้อมเรียนรู้  กลไกการปกป้องตนเองนี้แหละที่เป็นอันตราย ดังนั้น อย่าอายและอย่ากลัวที่จะบอกว่า “ไม่รู้”

17. รู้วิธีทำงานกับคนแต่ละเกรด การทำงานต้องสัมพันธ์กับผู้คนที่หลากหลาย  คนที่ทำงานเก่ง คือคนที่รู้ว่า อีกฝ่ายคือคนประเภทไหน และจะทำอย่างไรให้เขาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ  เราไม่จำเป็นต้องใช้วิธีเดียวกันสำหรับคนทุกคน แต่เรียนรู้และเลือกวิธีที่เหมาะสมสำหรับคนแต่ละแบบได้

18. การให้เกียรติเพื่อร่วมงาน หัวใจเริ่มต้นของการนำไปสู่การให้เกียรติซึ่งกันและกัน อยู่บทพื้นฐานความเชื่อที่ว่า ทุกตำแหน่งหน้าที่มีความสำคัญสำหรับองค์กร  และทุกคนมีความสามารถที่โดดเด่นของตนเอง ปลาไม่จำเป็นต้องขึ้นต้นไม้เก่ง  คนทุกคนก็ไม่จำเป็นต้องเก่งในเรื่องเดียวกัน การให้เกียรติกัน จะนำมาสู่ความเชื่อใจในการทำงาน และทีมงานที่ทรงพลัง

19. ทำงานให้มากกว่าหน้าที่ เราควรทำงานที่ได้รับมอบหมายตามหน้าที่ให้ดีที่สุด แต่ไม่ได้หมายความว่า ตัวเรามีคุณค่าเพียงแค่นั้น ในหลายๆ สถานการณ์ เราสามารถใช้ทักษะความสามารถเพื่อสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ที่อยู่นอกเหนือคำว่า “หน้าที่”  เป็นโอกาสดีที่จะได้ฝึกฝนกระบวนการคิดสร้างสรรค์  ได้แสดงออกซึ่งความสามารถที่โดดเด่น สร้างคุณค่าและมูลค่าให้กับตนเอง  ดังนั้น อย่าจำกัดตัวเองไว้กับกรอบภาระงาน

20. วางแผนการเงินให้ดี การบริหารและรักษาวินัยทางการเงินเป็นเรื่องสำคัญของมนุษย์เงินเดือน   เพื่อให้สามารถใช้ชีวิตได้อย่างราบรื่น  เทคนิคบริหารการเงินนั้นมีมากมาย คุณสามารถเลือกที่เหมาะสมกับตนเอง  เพื่อทำให้คุณไม่รู้สึกตึงหรือหย่อนเกินไป  สิ่งสำคัญคือระวังเงินไหลไปตามอารมณ์ชั่ววูบ เช่น การสังสรรค์ การใช้บัตรเครดิตจนลืมตัว  ปัญหาทางการเงินนั้น ส่งผลอย่างยิ่งต่อการทำงาน เพราะเมื่อคุณเป็นหนี้ รู้สึ ตึงเครียด จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อการทำงาน

21. พกสมุดจดอยู่เสมอ สมุดจดเป็นเสมือนคู่มือในการทำงาน  ที่ใช้บันทึกสาระสำคัญจากการประชุม สรุปงานต่างๆ และเป็นแผนที่สำหรับเขียนไอเดียต่างๆ  ดังนั้น เราควรมีสมุดโน้ตไว้ในมือ ถึงแม้ว่าจะมีเครื่องมือเทคโนโลยีที่ทันสมัย แต่กูรูด้านพัฒนาตนเองก็มักเชื่อว่า เมื่อคิดงาน ให้คิดในกระดาษ เพราะมันช่วยเสริมสร้างความคิดให้ลื่นไหล แล้วค่อยทำให้งานนั้นเป็นรูปเป็นร่างในคอมพิวเตอร์

22. จัดโต๊ะทำงานในอยู่เสมอ เพราะโต๊ะทำงานก็เหมือน “บ้าน” และเป็นสถานที่ที่คุณใช้เวลาอยู่กับมันมากที่สุด ดังนั้น โต๊ะทำงานควรทำให้คุณรู้สึกสบายใจ  คุณควรใช้เวลาก่อนกลับบ้านสัก 10 นาทีในแต่ละวันเพื่อจัดโต๊ะทำงานให้เรียนร้อย เพื่อที่เช้าวันรุ่งขึ้นคุณจะรู้สึกสดชื่นเมื่อมาทำงาน นอกจากนี้  โต๊ะทำงานยังเป็น โต๊ะสั่งการ ที่คุณต้องจัดเตรียมให้มีอุปกรณ์ที่พร้อมใช้งาน  สามารถดำเนินงานได้โดยไม่ติดขัด

23. รู้จักใช้เทคโนโลยี การใช้เทคโนโลยีนั้น มีหลักสำคัญอยู่ 2 ประการ คือ  อย่างหวังพึ่งเทคโนโลยีมากเกินไป จนรู้สึกว่าคุณไม่สามารถทำอะไรได้เลย หากไม่มีเทคโนโลยีช่วย   คุณต้องพร้อมสำหรับการทำงานแม้ในวันที่ขาดอุปกรณ์เสริมสำคัญอย่างคอมพิวเตอร์ พาวเวอร์พ้อย  ในขณะเดียวกัน ก็ “รู้จักใช้เทคโนโลยีให้เป็นประโยชน์”  เรียกว่าใช้ให้ “คุ้ม”   ยกตัวอย่างเช่น สมาร์ทโฟนที่เรามักมี “เอาไว้เล่น”  ให้รู้จักใช้ “เอาไว้ทำงาน” เพราะมีแอพที่ช่วยเสริมให้การทำงานของคุณสะดวกรวดเร็วอยู่มากมาย

24. แต่งตัวให้เป็น การแต่งตัวสะท้อนความเป็นมืออาชีพของคุณ  เป็นความประทับใจและภาพลักษณ์ที่เอื้อต่อการทำงาน  และยิ่งไปกว่านั้น การแต่งตัวเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างทัศนคติที่ดีต่อตนเองด้วย   คุณจะรู้สึกอิสระผ่อนคลาย เมื่อสวมชุดสบายๆ  ในขณะที่รู้สึกมั่นคง สุขุมขึ้นเมื่อใส่ชุดสุภาพ  ดังนั้นรสนิยมในการแต่งตัวจึงเป็นสิ่งที่คนทำงานออฟฟิศไม่ควรมองข้าม แม้ออฟฟิศหลายแห่งจะให้อิสระอย่างมากในการแต่งตัว แต่ตัวคุณต้องเป็นคนเลือกว่าเอง ว่าจะแต่งตัวอย่างไรให้เอื้อประโยชน์ต่อการทำงานของคุณ

25. ซ้อมและเตรียมพร้อมก่อนขาย (หรือพรีเซ็นต์) การนำเสนองานก็คือ “เวที” ที่เราใช้แสดงความสามารถและสร้างความน่าเชื่อถือให้กับตัวเรา ทุกนาทีที่นำเสนอคือภาพลักษณ์ของตัวเรา ดังนั้นเราต้องเตรียมพร้อมสำหรับการนำเสนอและซ้อมอยู่เสมอ  แม้ในงานที่เราทำซ้ำๆ เดิมๆ ก็ไม่เคยเหมือนเดิมในทุกครั้ง  การซ้อมจะทำให้เราได้ลองทวนเพื่อลดความผิดพลาดที่จะเกิดขึ้น
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่