บทบรรณาธิการ:ปัจจัยชี้ขาดการเลือกตั้ง .... ไทยรัฐออนไลน์
อะไรเป็นประเด็นสำคัญที่สุด ในการเลือกตั้งครั้งนี้ คำตอบส่วนหนึ่งน่าจะได้จากนิด้าโพลครั้ง
ล่าสุด ที่ถามความเห็นประชาชน ถึงนโยบายที่ต้องการเห็นมากที่สุด คนส่วนใหญ่
(72.56%)
อยากเห็นนโยบายการแก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง และหนี้สินของประชาชน รองลงไปได้แก่
นโยบายควบคุมราคาสินค้า ลดการผูกขาด และการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชัน
ส่วนจุดยืนทางการเมืองของประชาชน จากผลการสำรวจของ 3 สำนักวิจัยและเผยแพร่โดยซุปเปอร์โพล
คนส่วนใหญ่ (57.9%) ระบุว่าเป็นพลังเงียบ ไม่ได้ตัดสินใจเลือกข้างใดข้างหนึ่ง แต่ถ้ามีการเลือกตั้งใน
วันนี้ จะเลือกพรรคเพื่อไทย 38.3% พรรคอนาคตใหม่ 24.4% พรรคประชาธิปัตย์ 22.8% มีเพียง 4.7%
จะเลือกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)
หลายคนอาจจะไม่เชื่อ ทำไมพรรค พปชร.จึงมีคะแนนนิยมน้อย ทั้งๆที่เป็นพรรคที่โตอย่างทันตา หลังจาก
ประกาศสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช.เป็นนายกรัฐมนตรี ดร.นพดล กรรณิกา ผอ.
ซุปเปอร์โพล วิเคราะห์ว่า คสช.เคยมีฐานสนับสนุนกว่า 80% แต่วันนี้ลดลงไปมาก อยู่ในขอบเขตที่ล่อ
แหลมเพลี่ยงพล้ำ อาจกระทบถึง พปชร.หรือไม่?
ที่น่าสนใจเรื่องหนึ่งคือคะแนนนิยมของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ถูกพรรคอนาคตใหม่แซงขึ้นมา แม้จะเพียง
เล็กน้อยก็ตาม ล่อแหลมที่สุดคือ กทม. ฐานเสียงสำคัญของพรรคประชาธิปัตย์ หากถูกพรรคเพื่อไทยและ
อนาคตใหม่เจาะได้ อาจกลายเป็นเรื่องใหญ่ พรรคประชาธิปัตย์จะต้องตรวจสอบ และประกาศจุดยืนทาง
การเมืองให้ชัดเจน ยังยืนหยัดประชาธิปไตยและต่อต้านอำนาจนิยมหรือไม่
แต่ขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่จะหยั่งรู้คะแนนนิยมของพรรคการเมือง เนื่องจากมีคนเกือบ
60% ที่ระบุตนเป็น
“พลังเงียบ” ยังไม่ตัดสินใจจะสนับสนุนฝ่ายใด โอกาสจึงยังเปิดกว้างสำหรับทุกพรรค ที่จะแข่งขันกัน
เสนอนโยบายสำคัญในการแก้ปัญหาของชาติโดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง ที่ดูเหมือนรัฐบาลจะมอง
ว่าไม่มีปัญหา ยังเดินหน้าลดแลกแจกแถมกันต่อไป
แต่ขณะเดียวกัน ดูเหมือนว่าสองพรรคใหญ่คือพรรคเพื่อไทยกับประชาธิปัตย์ จะได้ยินเสียงประชาชน จึง
เน้นปัญหาเศรษฐกิจในการหาเสียง พรรคประชาธิปัตย์ประกาศนโยบาย 6 ข้อ เป็นกลไกปรับปรุงมาตรฐาน
การครองชีพของคนทุกกลุ่ม โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ เช่น แจกผู้ถือบัตรสวัสดิการ
เดือนละ 800 บาท ประกันราคาข้าวตันละ 10,000 บาท
คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แห่งพรรคเพื่อไทย เล่าว่า ไปพบปะประชาชนทั้งใน กทม. ขอนแก่น เชียงใหม่
และภูเก็ต พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเศรษฐกิจไม่ดี พรรคจึงขออาสาแก้ไข ต้องติดตามดูกันต่อไป เลือกตั้งครั้งนี้
ปัจจัยชี้ขาดจะเป็นปัญหาเศรษฐกิจ หรืออำนาจรัฐ หรือรัฐธรรมนูญ ที่แกนนำพรรค พปชร.อ้างว่า
“ออกแบบมาเพื่อพวกเรา”.
https://www.thairath.co.th/content/1455125
บทบรรณาธิการ ...ไทยรัฐออนไลน์ / คอลัมน์ FootNote ...ข่าวสดออนไลน์.../sao..เหลือ..noi
อะไรเป็นประเด็นสำคัญที่สุด ในการเลือกตั้งครั้งนี้ คำตอบส่วนหนึ่งน่าจะได้จากนิด้าโพลครั้ง
ล่าสุด ที่ถามความเห็นประชาชน ถึงนโยบายที่ต้องการเห็นมากที่สุด คนส่วนใหญ่ (72.56%)
อยากเห็นนโยบายการแก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง และหนี้สินของประชาชน รองลงไปได้แก่
นโยบายควบคุมราคาสินค้า ลดการผูกขาด และการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชัน
ส่วนจุดยืนทางการเมืองของประชาชน จากผลการสำรวจของ 3 สำนักวิจัยและเผยแพร่โดยซุปเปอร์โพล
คนส่วนใหญ่ (57.9%) ระบุว่าเป็นพลังเงียบ ไม่ได้ตัดสินใจเลือกข้างใดข้างหนึ่ง แต่ถ้ามีการเลือกตั้งใน
วันนี้ จะเลือกพรรคเพื่อไทย 38.3% พรรคอนาคตใหม่ 24.4% พรรคประชาธิปัตย์ 22.8% มีเพียง 4.7%
จะเลือกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)
หลายคนอาจจะไม่เชื่อ ทำไมพรรค พปชร.จึงมีคะแนนนิยมน้อย ทั้งๆที่เป็นพรรคที่โตอย่างทันตา หลังจาก
ประกาศสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช.เป็นนายกรัฐมนตรี ดร.นพดล กรรณิกา ผอ.
ซุปเปอร์โพล วิเคราะห์ว่า คสช.เคยมีฐานสนับสนุนกว่า 80% แต่วันนี้ลดลงไปมาก อยู่ในขอบเขตที่ล่อ
แหลมเพลี่ยงพล้ำ อาจกระทบถึง พปชร.หรือไม่?
ที่น่าสนใจเรื่องหนึ่งคือคะแนนนิยมของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ถูกพรรคอนาคตใหม่แซงขึ้นมา แม้จะเพียง
เล็กน้อยก็ตาม ล่อแหลมที่สุดคือ กทม. ฐานเสียงสำคัญของพรรคประชาธิปัตย์ หากถูกพรรคเพื่อไทยและ
อนาคตใหม่เจาะได้ อาจกลายเป็นเรื่องใหญ่ พรรคประชาธิปัตย์จะต้องตรวจสอบ และประกาศจุดยืนทาง
การเมืองให้ชัดเจน ยังยืนหยัดประชาธิปไตยและต่อต้านอำนาจนิยมหรือไม่
แต่ขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่จะหยั่งรู้คะแนนนิยมของพรรคการเมือง เนื่องจากมีคนเกือบ 60% ที่ระบุตนเป็น
“พลังเงียบ” ยังไม่ตัดสินใจจะสนับสนุนฝ่ายใด โอกาสจึงยังเปิดกว้างสำหรับทุกพรรค ที่จะแข่งขันกัน
เสนอนโยบายสำคัญในการแก้ปัญหาของชาติโดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง ที่ดูเหมือนรัฐบาลจะมอง
ว่าไม่มีปัญหา ยังเดินหน้าลดแลกแจกแถมกันต่อไป
แต่ขณะเดียวกัน ดูเหมือนว่าสองพรรคใหญ่คือพรรคเพื่อไทยกับประชาธิปัตย์ จะได้ยินเสียงประชาชน จึง
เน้นปัญหาเศรษฐกิจในการหาเสียง พรรคประชาธิปัตย์ประกาศนโยบาย 6 ข้อ เป็นกลไกปรับปรุงมาตรฐาน
การครองชีพของคนทุกกลุ่ม โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ เช่น แจกผู้ถือบัตรสวัสดิการ
เดือนละ 800 บาท ประกันราคาข้าวตันละ 10,000 บาท
คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แห่งพรรคเพื่อไทย เล่าว่า ไปพบปะประชาชนทั้งใน กทม. ขอนแก่น เชียงใหม่
และภูเก็ต พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเศรษฐกิจไม่ดี พรรคจึงขออาสาแก้ไข ต้องติดตามดูกันต่อไป เลือกตั้งครั้งนี้
ปัจจัยชี้ขาดจะเป็นปัญหาเศรษฐกิจ หรืออำนาจรัฐ หรือรัฐธรรมนูญ ที่แกนนำพรรค พปชร.อ้างว่า
“ออกแบบมาเพื่อพวกเรา”.
https://www.thairath.co.th/content/1455125