สวัสดีครับ ครั้งนี้ขออนุญาตพาทุกท่านไปดูสนามกอล์ฟในเมืองดาลัดกันครับ
เหมือนเดิมนะครับ พาดูสนามแบบทั่วๆไปมากกว่าจะเจาะเลย์เอาท์แต่ละหลุม และถ่ายด้วยกล้องมือถือครับ
เกริ่นกันซักเล็กน้อย...
ดาลัดเป็นเมืองเล็กๆตั้งอยู่บนแนวเทือกเขาในจังหวัดลัมด่ง ประเทศเวียดนาม เนื่องจากตั้งอยู่บนที่สูงระดับ 1500 ม.เหนือระดับน้ำทะเล อากาศจึงเย็นสบายตลอดทั้งปี ที่นี่ไม่มีบ้าน ร้านอาหาร หรือโรงแรมห้าดาวที่ไหนติดแอร์แม้แต่ที่เดียว ขับรถก็เปิดกระจกขับกันทั้งนั้นเพราะอากาศเย็นสบายนั่นเอง กลางวันถ้าวันไหนมีแดดอาจจะรู้สึกร้อนเล็กน้อยแต่ก็ไม่เท่าเมืองไทยหรอกครับ
และนั่นก็คิอไฮไลต์ของการตีกอล์ฟที่นี่ คือตีกอล์ฟแบบอากาศเย็นๆนั่นเอง
แต่เห็นอยู่ ตจว. แบบนี้แต่ใจกลางเมืองก็เจริญและคึกคักไม่แพ้เมืองใหญ่เลยนะครับ เมืองนี้ถือเป็นเมืองท่องเที่ยว มีความสวยงาม มีตึกรามบ้านช่องสไตล์ฝรั่งเศส ดอกไม้งดงามบานทั้งปี มีทะเลสาบ มีวิวสวยๆเต็มไปหมด จะเสียอยู่อย่างก็คือตอนนี้คนเริ่มเยอะไปหน่อยทั้งนักท่องเที่ยวและคนท้องถิ่น เดี๋ยวดูรูปท้ายๆรีวิวครับ
เอาล่ะครับ ข้อมูลเมืองดาลัดแค่นี้พอ เดี๋ยวจะไม่ใช่กระทู้กอล์ฟละ กลับมาที่เรื่องกอล์ฟกันดีกว่า
สนามกอล์ฟที่เมืองดาลัดมีอยู่สองสนามด้วยกัน ที่หนึ่งอยู่ใจกลางเมือง อีกที่หนึ่งออกไปนอกใจกลางเมืองเล็กน้อย ที่ๆเราจะไปคือตัวสนามที่อยู่ใจกลางเมืองครับ
สนามนี้ชื่อว่า Dalat Palace Golf Club ตั้งอยู่ใจกลางเมืองจริงๆ ติดริมทะเลสาบหลักของเมืองเลย สร้างตั้งแต่ปี 1922 เป็นสนามแรกของประเทศเวียดนาม ออกแบบโดยชาวฝรั่งเศสให้คนฝรั่งเศสที่มาอยู่ในเมืองยุคนั้นตีกอล์ฟกัน แต่เป็นจักรพรรดิบ่าวด่าย (กษัตริย์องค์สุดท้ายของเวียดนาม) ที่เข้ามาทำให้สนามแห่งนี้สมบูรณ์ แต่ตัวมันเองก็ไม่ได้ถูกใช้งานตลอดเวลาเนื่องจากมีสงคราม ทำให้สนามแห่งนี้ปิดๆเปิดๆตลอดช่วง 70 ปีต่อมา
คลับเฮ้าส์หลังปัจจุบันถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 1956 และตัวสนามก็ถูกรีโนเวทใหม่ทั้งหมดในปี 1994 กลายเป็นสนามระดับแชมป์เปี้ยนชิพ 18 หลุม 7009 หลา พาร์ 72
เอาละครับไปดูสนามกันดีกว่า
อย่างที่บอกไปสนามนี้มันอยู่ใจกลางเมืองจริงๆ ทำให้เดินทางสะดวกมาก ไม่ว่าจะอยู่โรงแรมไหนในกลางเมือง นั่งรถไม่น่าเกิน 15 นาทีก็ถึง และนี่คือเหตุผลหลักที่ผมเลือกสนามนี้เพราะจะได้ไปง่าย ตีเสร็จก็ไปเที่ยวต่อ
วันที่ผมไปตีก็เลือกเอาวันธรรมดากะว่าคนไม่น่าเยอะ ผมไปดูลาดเลาก่อนวันอาทิตย์เห็นรถจอดเยอะมากๆ พนักงานต้อนรับก็บอกว่ามาวันจันทร์คนไม่เยอะ ไม่ต้องจองมาได้เลย
แต่เอาเข้าจริงๆผมว่าก็มีนักกอล์ฟพอสมควรเลยทีเดียว ไม่ได้น้อยอย่างที่คิด จากหน้าคลับเฮาส์รูปแรกเมื่อเปิดประตูเข้าไปจะเจอล็อบบี้เล็กๆ เล็กมากเลยหล่ะ
มีของวางโชว์ประมาณว่านี่คือโปรช็อปให้พอเป็นพิธี
ถ้าใครไม่มีลูกกอล์ฟ ที่นี่ก็มีมือสองขายแต่ไม่แนะนำให้ซื้อครับ แพงมากประมาณ 300 บาทไม่น่าถึง 10 ลูก เตรียมมาเองดีกว่า
พอเดินรอบๆคลับเฮาส์นิดนึง เปิดประตูไปทางด่านซ้ายของคลับเฮาส์จะเจอที่นั่งและวิวของหลุม 18 ครับ มีโมเดลปั้นหยาบๆของสนามไว้ให้ดู ก็น่ารักดีครับ
เพราะอากาศดีเมืองนี้เลยมีดอกไม้สวยๆมากมาย สนามนี้ก็เอามาปลูกหรือมาวางไว้เต็มไปหมด
มาดูราคากันนิดนึงครับ อันนี้คือราคาที่ผมจ่าย ผมเช่าไม้กอล์ฟด้วย ขอพูดถึงเฉพาะ walk in วันธรรมดาละกันนะครับ รายละเอียดที่เหลือดูรูปประกอบนะครับ
18 หลุม ราคา 2,300,000 ด่ง (3200 บาท)
แคดดี้ 600,000 ด่ง (850 บาท)
รถ 800,000 ด่ง (1100 บาท)
ไม้กอล์ฟ 850,000 ด่ง (ทั้งวัน) (1200 บาท)
ไปถึงเค้าจะขอบัตรคิวที่แคดดี้ให้มาตอนลงจากรถ จากนั้นจะให้เรากรอกแบบฟอร์มก่อน เสร็จแล้วยังไม่ต้องจ่ายเงินนะครับ ที่เวียดนามเป็นแบบนี้หมด ที่นี่เค้าจะให้บัตรใส่ซองหนังมา เราไม่ต้องพกเงินลงสนามครับ จะกินอะไรก็โชว์บัตรนี้เค้าจะบันทึกเอาไว้ชำระตอนเล่นเสร็จกลับบ้านทีเดียวเลย สะดวกมาก ไม่รู้เมืองไทยมีใครทำแบบนี้บ้างหรือยัง
จากนั้นเค้าจะชี้ทางให้เราเดินไปเลือกไม้กอล์ฟ ซึ่งตั้งอยู่ที่โรงแคดดี้หลังคลับเฮาส์นั่นเอง ชุดที่ผมเลือกเป็นตัวนี้ครับ
ทั้งชุดมีเวดจ์มาให้ตัวเดียวคือ 56 ครับ แต่ผมตีแล้วรู้สึกแปลกๆ เอาไม้มาดูก้านดูโน่นนี่เยอะ จนแคดดี้รู้สึก เลยบอกว่า
"เมดอินไชน่าครับพี่"
"หา แปลว่าของปลอมเหรอ"
"ครับพี่"
แป่ววววว ทำไมสนามกอล์ฟระดับนี้ใช้ของปลอมอ่ะ อืมม ผมไม่ค่อยอยากจะเชื่อเท่าไหร่ เพราะมันก็ดูเหมือนอยู่มาก เพียงแต่สีลอกเต็มไปหมด แต่ก็อาจจะเป็นเพราะการใช้งานก็เป็นได้ เอาเป็นว่าถ้าไม่ติดอะไรเอาของตัวเองไปตีก็ดีครับ ถ้าไม่ได้ผมว่ามันก็พอตีได้แหละ ไม่ได้แย่จนตีไม่ได้ขนาดนั้น
เสร็จแล้วเข้าไปเปลี่ยนเสื้อที่ห้องล็อกเกอร์ซึ่งอยู่ข้างหลังคลับเฮาส์เลย
ข้อเสียมากๆคืออ่างล้างมือ ที่เป่าผม มีอยู่จุดเดียวนั่นก็คือตรงประตูทางเข้าเลย ไม่มีอะไรบังทั้งนั้น ประตูทางเข้าเปิดตลอดเวลา ตรงนั้นคนเดินผ่านไปมาตลอด เป่ารองเท้าก็ตรงนั้น คนอื่นผมไม่รู้ แต่ผมส่วนตัวชอบนุ่งผ้าขนหนูไปเป่าผม ทำนู่นนี่นั่นเรียบร้อยแล้วค่อยไปแต่งตัว เล่นมาตั้งตรงทางเข้าเลยก็รู้สึกไม่ส่วนตัวเท่าไหร่
อ้อกุญแจล็อกเกอร์ต้องขอที่พนักงานต้อนรับตั้งแต่แรกเลยนะครับ
นี่คือหน้าตาสกอร์การ์ดครับ
เอาล่ะครับไปดูสนามกันเลยดีกว่า ที่นี่หลุมแรกอยู่ตรงข้ามประตูคลับเฮาส์เลย
วันนั้นผมไปตีคนเดียว แต่รุ่นน้องผมขอเข้าไปถ่ายรูปให้ สนามก็ใจดีให้เข้าไปฟรีไม่คิดเงินอีกต่างหาก แต่ที่แท่นทีมีก๊วนหนึ่งกำลังจะออกแล้ว แต่แคดดี้ผมเป็นผู้ชายซึ่งจัดจ้านสนามพอสมควร จัดการให้ผมขึ้นตีทันที
ผมนี่ยังไม่ได้วอร์มอะไรเลย แถมไม่ได้ตีมานานมากแล้วประมาณปีครึ่งได้มั้ง มาถึงถามผมว่าพี่จะออกหมุดอะไร (ที่เวียดนามเค้าจะเรียกเราว่าพี่ แทนตัวเองว่าน้อง) ผมบอกหมุดขาวดีกว่า บอกระยะ 147 หลา ผมขอเหล็ก 7 คิดว่าระยะมันต้องมีหายบ้างไม่ได้ตีมานาน แต่เอาเข้าจริงตีไปเกี่ยวเข้าซ้ายตกลงหลังกรีนไปนิดนึง
สภาพกรีนที่นี่ดีกว่าครั้งที่แล้วที่ผมไปตีที่ฮานอยตามกระทู้ที่เคยโพสไป มีรอยบ้างแต่กรีนเร็วจี๋เลย
แต่ทรายแด้งๆแดง แน่นปั๊กเลย
อากาศที่นี่ดีจริงๆครับ วันนั้นไม่มีแดดเลย เช้าๆเย็นเจี๊ยบแต่ไม่ถึงกับหนาว ใครอยากแต่งตัวเท่ๆแบบคนตีกอล์ฟที่เมืองนอกละก็ มาที่นี่ได้แต่งสมใจครับ และแต่งได้ทั้งปีด้วย
ตัวสนามจะเป็นลักษณะมีขึ้นและมีลงตามสภาพภูมิประเทศ ต้นไม้ส่วนใหญ่จะเป็นต้นสนตามธรรมชาติของเมืองนี้ บางทีตีหลุดไปนิดหน่อย ตีสู้ยากเหมือนกันเพราะจะโดนกิ่งมันบล็อกทางเอาไว้
แต่ถ้าถามว่าสนามยากไหม ระดับฝีมือกระจอกแบบผมบอกได้เลยว่าไม่ยากเลย แฟร์เวย์ออกจะกว้าง แถมส่วนใหญ่จะตรงๆด้วย ดอกเลคก็มีบ้างแต่มีไม่กี่หลุม คาดว่าส่วนหนึ่งก็น่าจะเพราะโครงสร้างเดิมด้วย ออกแบบมาตั้งแต่ 1922 ก็คงปรับจากแบบเดิมไม่มากเท่าไหร่
รีวิว พาไปดูสนามกอล์ฟ Dalat Palace ที่เมือง Dalat ประเทศเวียดนาม
เหมือนเดิมนะครับ พาดูสนามแบบทั่วๆไปมากกว่าจะเจาะเลย์เอาท์แต่ละหลุม และถ่ายด้วยกล้องมือถือครับ
เกริ่นกันซักเล็กน้อย...
ดาลัดเป็นเมืองเล็กๆตั้งอยู่บนแนวเทือกเขาในจังหวัดลัมด่ง ประเทศเวียดนาม เนื่องจากตั้งอยู่บนที่สูงระดับ 1500 ม.เหนือระดับน้ำทะเล อากาศจึงเย็นสบายตลอดทั้งปี ที่นี่ไม่มีบ้าน ร้านอาหาร หรือโรงแรมห้าดาวที่ไหนติดแอร์แม้แต่ที่เดียว ขับรถก็เปิดกระจกขับกันทั้งนั้นเพราะอากาศเย็นสบายนั่นเอง กลางวันถ้าวันไหนมีแดดอาจจะรู้สึกร้อนเล็กน้อยแต่ก็ไม่เท่าเมืองไทยหรอกครับ
และนั่นก็คิอไฮไลต์ของการตีกอล์ฟที่นี่ คือตีกอล์ฟแบบอากาศเย็นๆนั่นเอง
แต่เห็นอยู่ ตจว. แบบนี้แต่ใจกลางเมืองก็เจริญและคึกคักไม่แพ้เมืองใหญ่เลยนะครับ เมืองนี้ถือเป็นเมืองท่องเที่ยว มีความสวยงาม มีตึกรามบ้านช่องสไตล์ฝรั่งเศส ดอกไม้งดงามบานทั้งปี มีทะเลสาบ มีวิวสวยๆเต็มไปหมด จะเสียอยู่อย่างก็คือตอนนี้คนเริ่มเยอะไปหน่อยทั้งนักท่องเที่ยวและคนท้องถิ่น เดี๋ยวดูรูปท้ายๆรีวิวครับ
เอาล่ะครับ ข้อมูลเมืองดาลัดแค่นี้พอ เดี๋ยวจะไม่ใช่กระทู้กอล์ฟละ กลับมาที่เรื่องกอล์ฟกันดีกว่า
สนามกอล์ฟที่เมืองดาลัดมีอยู่สองสนามด้วยกัน ที่หนึ่งอยู่ใจกลางเมือง อีกที่หนึ่งออกไปนอกใจกลางเมืองเล็กน้อย ที่ๆเราจะไปคือตัวสนามที่อยู่ใจกลางเมืองครับ
สนามนี้ชื่อว่า Dalat Palace Golf Club ตั้งอยู่ใจกลางเมืองจริงๆ ติดริมทะเลสาบหลักของเมืองเลย สร้างตั้งแต่ปี 1922 เป็นสนามแรกของประเทศเวียดนาม ออกแบบโดยชาวฝรั่งเศสให้คนฝรั่งเศสที่มาอยู่ในเมืองยุคนั้นตีกอล์ฟกัน แต่เป็นจักรพรรดิบ่าวด่าย (กษัตริย์องค์สุดท้ายของเวียดนาม) ที่เข้ามาทำให้สนามแห่งนี้สมบูรณ์ แต่ตัวมันเองก็ไม่ได้ถูกใช้งานตลอดเวลาเนื่องจากมีสงคราม ทำให้สนามแห่งนี้ปิดๆเปิดๆตลอดช่วง 70 ปีต่อมา
คลับเฮ้าส์หลังปัจจุบันถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 1956 และตัวสนามก็ถูกรีโนเวทใหม่ทั้งหมดในปี 1994 กลายเป็นสนามระดับแชมป์เปี้ยนชิพ 18 หลุม 7009 หลา พาร์ 72
เอาละครับไปดูสนามกันดีกว่า
อย่างที่บอกไปสนามนี้มันอยู่ใจกลางเมืองจริงๆ ทำให้เดินทางสะดวกมาก ไม่ว่าจะอยู่โรงแรมไหนในกลางเมือง นั่งรถไม่น่าเกิน 15 นาทีก็ถึง และนี่คือเหตุผลหลักที่ผมเลือกสนามนี้เพราะจะได้ไปง่าย ตีเสร็จก็ไปเที่ยวต่อ
วันที่ผมไปตีก็เลือกเอาวันธรรมดากะว่าคนไม่น่าเยอะ ผมไปดูลาดเลาก่อนวันอาทิตย์เห็นรถจอดเยอะมากๆ พนักงานต้อนรับก็บอกว่ามาวันจันทร์คนไม่เยอะ ไม่ต้องจองมาได้เลย
แต่เอาเข้าจริงๆผมว่าก็มีนักกอล์ฟพอสมควรเลยทีเดียว ไม่ได้น้อยอย่างที่คิด จากหน้าคลับเฮาส์รูปแรกเมื่อเปิดประตูเข้าไปจะเจอล็อบบี้เล็กๆ เล็กมากเลยหล่ะ
มีของวางโชว์ประมาณว่านี่คือโปรช็อปให้พอเป็นพิธี
ถ้าใครไม่มีลูกกอล์ฟ ที่นี่ก็มีมือสองขายแต่ไม่แนะนำให้ซื้อครับ แพงมากประมาณ 300 บาทไม่น่าถึง 10 ลูก เตรียมมาเองดีกว่า
พอเดินรอบๆคลับเฮาส์นิดนึง เปิดประตูไปทางด่านซ้ายของคลับเฮาส์จะเจอที่นั่งและวิวของหลุม 18 ครับ มีโมเดลปั้นหยาบๆของสนามไว้ให้ดู ก็น่ารักดีครับ
เพราะอากาศดีเมืองนี้เลยมีดอกไม้สวยๆมากมาย สนามนี้ก็เอามาปลูกหรือมาวางไว้เต็มไปหมด
มาดูราคากันนิดนึงครับ อันนี้คือราคาที่ผมจ่าย ผมเช่าไม้กอล์ฟด้วย ขอพูดถึงเฉพาะ walk in วันธรรมดาละกันนะครับ รายละเอียดที่เหลือดูรูปประกอบนะครับ
18 หลุม ราคา 2,300,000 ด่ง (3200 บาท)
แคดดี้ 600,000 ด่ง (850 บาท)
รถ 800,000 ด่ง (1100 บาท)
ไม้กอล์ฟ 850,000 ด่ง (ทั้งวัน) (1200 บาท)
ไปถึงเค้าจะขอบัตรคิวที่แคดดี้ให้มาตอนลงจากรถ จากนั้นจะให้เรากรอกแบบฟอร์มก่อน เสร็จแล้วยังไม่ต้องจ่ายเงินนะครับ ที่เวียดนามเป็นแบบนี้หมด ที่นี่เค้าจะให้บัตรใส่ซองหนังมา เราไม่ต้องพกเงินลงสนามครับ จะกินอะไรก็โชว์บัตรนี้เค้าจะบันทึกเอาไว้ชำระตอนเล่นเสร็จกลับบ้านทีเดียวเลย สะดวกมาก ไม่รู้เมืองไทยมีใครทำแบบนี้บ้างหรือยัง
จากนั้นเค้าจะชี้ทางให้เราเดินไปเลือกไม้กอล์ฟ ซึ่งตั้งอยู่ที่โรงแคดดี้หลังคลับเฮาส์นั่นเอง ชุดที่ผมเลือกเป็นตัวนี้ครับ
ทั้งชุดมีเวดจ์มาให้ตัวเดียวคือ 56 ครับ แต่ผมตีแล้วรู้สึกแปลกๆ เอาไม้มาดูก้านดูโน่นนี่เยอะ จนแคดดี้รู้สึก เลยบอกว่า
"เมดอินไชน่าครับพี่"
"หา แปลว่าของปลอมเหรอ"
"ครับพี่"
แป่ววววว ทำไมสนามกอล์ฟระดับนี้ใช้ของปลอมอ่ะ อืมม ผมไม่ค่อยอยากจะเชื่อเท่าไหร่ เพราะมันก็ดูเหมือนอยู่มาก เพียงแต่สีลอกเต็มไปหมด แต่ก็อาจจะเป็นเพราะการใช้งานก็เป็นได้ เอาเป็นว่าถ้าไม่ติดอะไรเอาของตัวเองไปตีก็ดีครับ ถ้าไม่ได้ผมว่ามันก็พอตีได้แหละ ไม่ได้แย่จนตีไม่ได้ขนาดนั้น
เสร็จแล้วเข้าไปเปลี่ยนเสื้อที่ห้องล็อกเกอร์ซึ่งอยู่ข้างหลังคลับเฮาส์เลย
ข้อเสียมากๆคืออ่างล้างมือ ที่เป่าผม มีอยู่จุดเดียวนั่นก็คือตรงประตูทางเข้าเลย ไม่มีอะไรบังทั้งนั้น ประตูทางเข้าเปิดตลอดเวลา ตรงนั้นคนเดินผ่านไปมาตลอด เป่ารองเท้าก็ตรงนั้น คนอื่นผมไม่รู้ แต่ผมส่วนตัวชอบนุ่งผ้าขนหนูไปเป่าผม ทำนู่นนี่นั่นเรียบร้อยแล้วค่อยไปแต่งตัว เล่นมาตั้งตรงทางเข้าเลยก็รู้สึกไม่ส่วนตัวเท่าไหร่
อ้อกุญแจล็อกเกอร์ต้องขอที่พนักงานต้อนรับตั้งแต่แรกเลยนะครับ
นี่คือหน้าตาสกอร์การ์ดครับ
เอาล่ะครับไปดูสนามกันเลยดีกว่า ที่นี่หลุมแรกอยู่ตรงข้ามประตูคลับเฮาส์เลย
วันนั้นผมไปตีคนเดียว แต่รุ่นน้องผมขอเข้าไปถ่ายรูปให้ สนามก็ใจดีให้เข้าไปฟรีไม่คิดเงินอีกต่างหาก แต่ที่แท่นทีมีก๊วนหนึ่งกำลังจะออกแล้ว แต่แคดดี้ผมเป็นผู้ชายซึ่งจัดจ้านสนามพอสมควร จัดการให้ผมขึ้นตีทันที
ผมนี่ยังไม่ได้วอร์มอะไรเลย แถมไม่ได้ตีมานานมากแล้วประมาณปีครึ่งได้มั้ง มาถึงถามผมว่าพี่จะออกหมุดอะไร (ที่เวียดนามเค้าจะเรียกเราว่าพี่ แทนตัวเองว่าน้อง) ผมบอกหมุดขาวดีกว่า บอกระยะ 147 หลา ผมขอเหล็ก 7 คิดว่าระยะมันต้องมีหายบ้างไม่ได้ตีมานาน แต่เอาเข้าจริงตีไปเกี่ยวเข้าซ้ายตกลงหลังกรีนไปนิดนึง
สภาพกรีนที่นี่ดีกว่าครั้งที่แล้วที่ผมไปตีที่ฮานอยตามกระทู้ที่เคยโพสไป มีรอยบ้างแต่กรีนเร็วจี๋เลย
แต่ทรายแด้งๆแดง แน่นปั๊กเลย
อากาศที่นี่ดีจริงๆครับ วันนั้นไม่มีแดดเลย เช้าๆเย็นเจี๊ยบแต่ไม่ถึงกับหนาว ใครอยากแต่งตัวเท่ๆแบบคนตีกอล์ฟที่เมืองนอกละก็ มาที่นี่ได้แต่งสมใจครับ และแต่งได้ทั้งปีด้วย
ตัวสนามจะเป็นลักษณะมีขึ้นและมีลงตามสภาพภูมิประเทศ ต้นไม้ส่วนใหญ่จะเป็นต้นสนตามธรรมชาติของเมืองนี้ บางทีตีหลุดไปนิดหน่อย ตีสู้ยากเหมือนกันเพราะจะโดนกิ่งมันบล็อกทางเอาไว้
แต่ถ้าถามว่าสนามยากไหม ระดับฝีมือกระจอกแบบผมบอกได้เลยว่าไม่ยากเลย แฟร์เวย์ออกจะกว้าง แถมส่วนใหญ่จะตรงๆด้วย ดอกเลคก็มีบ้างแต่มีไม่กี่หลุม คาดว่าส่วนหนึ่งก็น่าจะเพราะโครงสร้างเดิมด้วย ออกแบบมาตั้งแต่ 1922 ก็คงปรับจากแบบเดิมไม่มากเท่าไหร่