มาถึงตอน 3 กันแล้วค่าาา
ตอนที่กำลังเขียนบล็อกนี้ก็คือคืนก่อนวันเดินทางกลับไทย เราลาพักร้อนยาวตั้งแต่พรุ่งนี้จนถึง 7 ม.ค. เอาให้ฉ่ำไปเลย 5555 ที่ลายาวได้ขนาดนี้เพราะบริษัทที่นี่ในช่วง X'mas week เค้าไม่ทำงานกันแล้ว เราก็เลยได้วันลาเพิ่มฟรีมา 10 กว่าวันรวมเสาร์อาทิตย์ ดีงามมม
วันนี้ 13 ธ.ค. 2561 เป็นวันทำงานวันสุดท้ายของปี เป็นวันที่เหนื่อยมากเพราะมีประชุมเช้า บ่าย เย็น เป็นวันที่หนาวมากวันที่ 2 ของสัปดาห์เพราะอุณภูมิจู่ๆก็ลดต่ำลงเหลือ 0-1 องศา และเป็นวันที่มีความสุขมากเพราะจะได้กลับไทยไปหาแม่และก็น้องหมาที่ตอนนี้จาก 3 เหลือ 2 ตัวแล้ว :'(
อยากจะเล่าผ่านมุมมองคนไทยเวลาคนยุโรปประชุมกัน บรรยากาศเป็นยังไงบ้างในการประชุมแบบตัวเป็นๆ
- ประชุมเยอะเหมือนคนไทย แต่ละวัน agenda อัดแน่น ไม่ค่อยมีเวลานั่งโต๊ะทำงาน
- ด้วยความตรงต่อเวลาทั้งเริ่มและเลิกประชุม และวิธีการสื่อสารที่ตรงประเด็น มันทำให้ดูสั้นกระชับ สรุปได้รวดเร็ว
- แต่แต่แต่ ก็ไม่ได้ efficient เสมอไป เนื่องจากความฝรั่งนั้นทำให้พวกนางโตมาแบบต้องแสดงความคิดเห็น บางทีถามตอบกลับไปกลับมา ก็ลากยาวเหมือนกัน จะมี 1 คนเสมอที่เป็นคนจัดประชุมและคอยคุมเวลา agenda ต่างๆ
- การ challenge กันในที่ประชุมเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตลอดเวลา เราในฐานะคนไทยแรกๆก็รู้สึกเกร็งเหมือนกัน เพราะพวกเราจะเกรงใจ ไว้หน้ากัน แต่จะมาแอบบอกกันทีหลังนอกรอบ แต่ที่นี่ดีไม่ดี พูดกันต่อหน้าเลย แล้วพอเลิกประชุมก็เปลี่ยนโหมดกลับมาเป็นปกติ
- การนั่งเงียบในห้องประชุมเป็นสิ่งที่ไม่ได้แย่ แต่เราค้นพบว่าการมีส่วนร่วม ทำให้เราได้อะไรกลับมากกว่า เข้าใจมากขึ้น และเป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับคนที่พรีเซ้นต์ด้วย (ช่วงแรกๆเราก็นั่งฟังอย่างเดียวนะ เพราะจะแทรกก็เขิน 5555)
ทีนี้มาถึงการประชุมผ่าน phone conference
- เราว่าอันนี้ยากมากสำหรับเราในช่วงแรกๆ เพราะความไม่มั่นใจในภาษา ถ้าอยู่ในห้องประชุมแบบเห็นหน้ากัน ด้วยภาษาท่าทาง เราสามารถแน่ใจว่าคนฟังเข้าใจเรา และเราเข้าใจคนที่พูดเช่นกัน แต่พอมันผ่านโทรศัพท์ปุ๊บ เราต้องจินตนาการทุกอย่างเลย และต้องมีสติตลอดเวลา หลุดไม่ได้เลย
- เป็นสิ่งที่ทำกันเป็นประจำ เป็นเรื่องปกติของทุกประชุมที่จะมีคนโทรเข้ามาจากประเทศอื่นๆในยุโรป เพราะออฟฟิศที่เราอยู่จะเป็น European headquarter
- ไม่ค่อยใช้ vdo conference ฟังแต่เสียงอย่างเดียว
- สะดวกดี เพราะไม่ต้องเข้าไปนั่งในห้องประชุมเสมอไป เพราะบางทีอยู่ที่ออฟฟิศแต่ติดอะไรอยู่หรือเป็นการประชุมที่แค่ฟังเฉยๆก็พอแล้ว ก็ใช้โทรเข้าไป join conference ได้
- โดยรวมเราก็ยังใช้พลังงานเยอะมากในการประชุมแต่ละที เพราะพยายามตั้งใจฟังให้เข้าใจ แต่มันก็ฝึกให้กล้าคิดกล้าถามขึ้นเยอะมากๆเลย แล้วก็ยังสังเกตเห็นมุมมอง วิธีการตอบโต้ที่ต่างๆกันไปของคนต่างชาติอีกด้วย
ติดตามบทความก่อนหน้าได้ที่นี่นะคะ
kwangsblog.wordpress.com
เรื่องเล่าจากการทำงานที่เนเธอร์แลนด์ - 03 When we are in a meeting room
ตอนที่กำลังเขียนบล็อกนี้ก็คือคืนก่อนวันเดินทางกลับไทย เราลาพักร้อนยาวตั้งแต่พรุ่งนี้จนถึง 7 ม.ค. เอาให้ฉ่ำไปเลย 5555 ที่ลายาวได้ขนาดนี้เพราะบริษัทที่นี่ในช่วง X'mas week เค้าไม่ทำงานกันแล้ว เราก็เลยได้วันลาเพิ่มฟรีมา 10 กว่าวันรวมเสาร์อาทิตย์ ดีงามมม
วันนี้ 13 ธ.ค. 2561 เป็นวันทำงานวันสุดท้ายของปี เป็นวันที่เหนื่อยมากเพราะมีประชุมเช้า บ่าย เย็น เป็นวันที่หนาวมากวันที่ 2 ของสัปดาห์เพราะอุณภูมิจู่ๆก็ลดต่ำลงเหลือ 0-1 องศา และเป็นวันที่มีความสุขมากเพราะจะได้กลับไทยไปหาแม่และก็น้องหมาที่ตอนนี้จาก 3 เหลือ 2 ตัวแล้ว :'(
อยากจะเล่าผ่านมุมมองคนไทยเวลาคนยุโรปประชุมกัน บรรยากาศเป็นยังไงบ้างในการประชุมแบบตัวเป็นๆ
- ประชุมเยอะเหมือนคนไทย แต่ละวัน agenda อัดแน่น ไม่ค่อยมีเวลานั่งโต๊ะทำงาน
- ด้วยความตรงต่อเวลาทั้งเริ่มและเลิกประชุม และวิธีการสื่อสารที่ตรงประเด็น มันทำให้ดูสั้นกระชับ สรุปได้รวดเร็ว
- แต่แต่แต่ ก็ไม่ได้ efficient เสมอไป เนื่องจากความฝรั่งนั้นทำให้พวกนางโตมาแบบต้องแสดงความคิดเห็น บางทีถามตอบกลับไปกลับมา ก็ลากยาวเหมือนกัน จะมี 1 คนเสมอที่เป็นคนจัดประชุมและคอยคุมเวลา agenda ต่างๆ
- การ challenge กันในที่ประชุมเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตลอดเวลา เราในฐานะคนไทยแรกๆก็รู้สึกเกร็งเหมือนกัน เพราะพวกเราจะเกรงใจ ไว้หน้ากัน แต่จะมาแอบบอกกันทีหลังนอกรอบ แต่ที่นี่ดีไม่ดี พูดกันต่อหน้าเลย แล้วพอเลิกประชุมก็เปลี่ยนโหมดกลับมาเป็นปกติ
- การนั่งเงียบในห้องประชุมเป็นสิ่งที่ไม่ได้แย่ แต่เราค้นพบว่าการมีส่วนร่วม ทำให้เราได้อะไรกลับมากกว่า เข้าใจมากขึ้น และเป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับคนที่พรีเซ้นต์ด้วย (ช่วงแรกๆเราก็นั่งฟังอย่างเดียวนะ เพราะจะแทรกก็เขิน 5555)
ทีนี้มาถึงการประชุมผ่าน phone conference
- เราว่าอันนี้ยากมากสำหรับเราในช่วงแรกๆ เพราะความไม่มั่นใจในภาษา ถ้าอยู่ในห้องประชุมแบบเห็นหน้ากัน ด้วยภาษาท่าทาง เราสามารถแน่ใจว่าคนฟังเข้าใจเรา และเราเข้าใจคนที่พูดเช่นกัน แต่พอมันผ่านโทรศัพท์ปุ๊บ เราต้องจินตนาการทุกอย่างเลย และต้องมีสติตลอดเวลา หลุดไม่ได้เลย
- เป็นสิ่งที่ทำกันเป็นประจำ เป็นเรื่องปกติของทุกประชุมที่จะมีคนโทรเข้ามาจากประเทศอื่นๆในยุโรป เพราะออฟฟิศที่เราอยู่จะเป็น European headquarter
- ไม่ค่อยใช้ vdo conference ฟังแต่เสียงอย่างเดียว
- สะดวกดี เพราะไม่ต้องเข้าไปนั่งในห้องประชุมเสมอไป เพราะบางทีอยู่ที่ออฟฟิศแต่ติดอะไรอยู่หรือเป็นการประชุมที่แค่ฟังเฉยๆก็พอแล้ว ก็ใช้โทรเข้าไป join conference ได้
- โดยรวมเราก็ยังใช้พลังงานเยอะมากในการประชุมแต่ละที เพราะพยายามตั้งใจฟังให้เข้าใจ แต่มันก็ฝึกให้กล้าคิดกล้าถามขึ้นเยอะมากๆเลย แล้วก็ยังสังเกตเห็นมุมมอง วิธีการตอบโต้ที่ต่างๆกันไปของคนต่างชาติอีกด้วย
ติดตามบทความก่อนหน้าได้ที่นี่นะคะ kwangsblog.wordpress.com