พอดีรู้จักน้องคนนึงมาหลายปีแล้ว มารู้จักตอนทำงาน มีติดต่อพูดคุยกันบ้างเป็นครั้งคราว มาวันนึงน้องก็ทักมาเป็นไงบ้าง ก็เลยได้โทรถามสารทุกข์สุขดิบกัน คุยเรื่องนู้นเรื่องนี้ แต่มีพาร์ทนึงเรื่องที่ทำงานของน้องฟังน้องเล่าแล้วน่าสนุก น่าสนใจดี ก็เลยมาเล่าให้ฟังกัน
น้องคนนี้ย้ายงานมาได้ประมาณปีกว่าแล้วตอนนี้ทำอยู่สายท่องเที่ยวที่ต่างจังหวัด ก่อนหน้านี้น้องบอกไม่ได้คิดจะย้ายแต่มีเรื่องทำให้ทนอยู่ไม่ไหว ตอนนั้นที่แผนกมีรับพี่เข้ามาใหม่คนนึงในตำแหน่งเดียวกัน แต่จะแบ่งกันดูงานตาม area ในเนื้องานทุกคนจะต้องทำตั้งแต่ต้นน้ำจนปลายน้ำเหมือนกันหมดต่างแค่ area ที่ดู พอพี่คนนี้เข้ามาน้องมันก็เทรนงานตามปกติ ผ่านไปพักนึงหัวหน้าก็มาแบ่งสโคปงานให้จะได้ทำกันให้ชัดเจน ในส่วนที่น้องมันเจอคือพอเป็นงานของพี่เขาก็จะไม่ค่อย action จะนั่งนิ่งรอให้คนมาช่วย จนน้องมันก็ต้องมาช่วยจนกลายเป็นทำแทน พอจะปล่อยให้พี่เขาทำแล้วน้องมันกะคอย support ห่างๆ พี่เขาก็จะพูดในออฟฟิศว่าเนี้ยงานเขาเยอะมากเลยน้องมันก็กดดันเหมือนคนอื่นมองว่าน้องมันไม่ช่วยแต่งาน(เคสนี้ตอนหลังคนในออฟฟิศเข้าใจหมดแล้วว่าเป็นยังไง) น้องมันเองก็ล้นมือกว่าเดิมเพราะงานมันไหลมากองกัน แล้วที่น้องมันทนไม่ไหวคือมีอยู่วันนึงน้องมันลาหยุดแล้วมันมีเอกสารสำคัญเลยที่ต้องแจ้งลูกค้าภายในวันนั้นซึ่งลูกค้านั้นก็เป็นลูกค้าที่พี่เขาต้องดูแลอยู่แล้วแต่ลูกค้าติดปัญหาส่วนตัวเรื่องข้อมูลที่ต้องใส่ในเอกสารพี่เขาเลยไม่ได้ออกเอกสารแจ้ง(ที่จริงปรึกษาขอแนวทางจากหัวหน้าได้เพราะมันมีวิธีอื่นแก้ไขปัญหาได้เลย แต่พี่เขาไม่กล้าคุย) พอมาอีกวันนึงพี่เขาหยุดแล้วฝากบอกช่วยดูให้หน่อยนะซึ่งน้องมันบอกก็ต้องมาตามเคลียร์ให้โดยไปปรึกษากับหัวหน้าแล้วจัดการออกเอกสารเองทั้งหมดจนเรียบร้อยปิดเคสไป(มีน้องในที่ทำงานมาบอกว่าวันนั้นพี่เขาไม่ทำอะไรเลยเอาแต่นั่งเมาท์ในออฟฟิศกับออกไปกินข้างนอกเป็นชั่วโมงเพราะหัวหน้าไปประชุมข้างนอก) ส่วนอีกเคสพี่คนนี้แทบจะไม่ทำงานที่แบ่งสโคปเลยเขาจะทำเฉพาะงานที่หัวหน้า assign เป็นหลักถ้าไม่มีงาน assign ก็จะนั่งคุยในออฟฟิศ 2-4 ชม.ต่อวัน(ตอนหลังทั้งออฟฟิศก็รู้กันหมดแล้ว) แล้วงานมันก็มากองที่น้องเขาเยอะมากกกกกกกกกกก ขนาดน้องมันบอกตอนมันปั่นงานหน้าคอมมีทั้งงานเขาเองและงานของพี่เขา ก็เห็นนั่งเมาท์อยู่อย่างนั้น เป็นแบบนี้อยู่หลายเดือนจนน้องมันไม่ไหวยอมหางานใหม่
จริงๆมีรายละเอียดอื่นๆอีกบ้างแต่พยามยามเล่าให้กระชับ ระหว่างคุยก็มีถามรายละเอียดอื่นบ้าง แต่บางอย่างถ้าดูส่วนตัวเยอะเราก็ไม่ได้ถามเจาะลงไป ซึ่งก็มีคุยเรื่องอื่นสัพเพเหระกันด้วยแต่คัดพาร์ทนี้มาลง แต่ตอนน้องมันเล่าไม่ได้เครียดนะเล่าแบบสนุกสนานมากกว่า สุดท้ายน้องมันบอกเล่าตามเรื่องจริงที่เจอมาเลย ตัวน้องมันเองก็ทำงานตามสโคปที่ต้องทำไม่ได้มีอะไรกับใครเลยเพื่อนร่วมงานดีก็คุยปรึกษา support กันมาตลอดจนการมาถึงของพี่คนนี้มันเลยไม่ไหว ส่วนนิสัยน้องมันที่รู้จักกันมาน้องมันไม่ชอบปะทะเลยไม่ได้พูด ใช้วิธีมูฟออกมาจากจุดนั้นแทน
remark : ที่เคยทำงานกับน้องความรับผิดชอบเขาสูงมาก,น้องเป็นคนมองแง่บวกมากแต่เคสนี้คงบวกไม่ไหว,ที่น้องมันทำแทนเพราะกลัวงานมันติดขัดแล้วจะกระทบทั้งแผนกส่วนนึงก็ให้พี่เขาเห็นด้วยว่ามันทำยังไงแต่พี่เขาไม่รับอะไรเลย,ในส่วนหัวหน้าส่วนใหญ่จะยุ่งในห้องทำงานหรือออกประชุมกับลูกค้าบ่อยช่วงไม่อยู่ออฟฟิศพี่เขาก็จะนั่งเมาท์หรือออกไปเดินเล่นซื้อของแถวออฟฟิศอย่างเดียว(อันนี้น้องกับเพื่อนในออฟฟิศมันก็มาบอกทีหลังเพราะสงสัยว่าทำไมทำงานอยู่คนเดียว),มันมีน้องในออฟฟิศอีกคนอยู่ที่นี้มานานพอดูมาบอกตอนที่จะออกว่าสงสารเห็นทุกอย่างแต่ทำไรไม่ได้ ล่าสุดมาบอกว่าเขาเริ่มเพ่งเล็งแล้วเพราะเหมือนพูดสวยพูดเก่งแต่ผลงานไม่ได้ แต่พี่เขาปรับตัวเข้ากับคนอื่นได้เก่งมากแต่พอทำงานจริงทำไม่เป็นเลย บอกดีแต่พูด อันนี้น้องในออฟฟิศเป็นคนพูด,ตอนที่น้องมันออกมีพี่ในออฟฟิศ ที่ทำงานในวงการนี้มานานเหมือนพอมีคอนเนคชั่นก็มีคนรู้จักที่ออฟฟิศเก่าของพี่เขาไปเช็คมา บอกก็มีปัญหาแบบนี้แหละไปประจบเจ้านายแล้วงานไม่ทำเลย จนลาออกมา,ล่าสุดปัจจุบันเหมือนน้องไปทำงานอยู่ต่างจังหวัดแล้วเป็นสายท่องเที่ยวได้อยู่กับธรรมชาติ กับพวกสถาปัตกรรมบอกมีความสุขดี
คนที่พูดเก่ง ทำงานไม่เป็น ได้ดี ยังมีอยู่ คนรู้จักเจอมากับตัว
น้องคนนี้ย้ายงานมาได้ประมาณปีกว่าแล้วตอนนี้ทำอยู่สายท่องเที่ยวที่ต่างจังหวัด ก่อนหน้านี้น้องบอกไม่ได้คิดจะย้ายแต่มีเรื่องทำให้ทนอยู่ไม่ไหว ตอนนั้นที่แผนกมีรับพี่เข้ามาใหม่คนนึงในตำแหน่งเดียวกัน แต่จะแบ่งกันดูงานตาม area ในเนื้องานทุกคนจะต้องทำตั้งแต่ต้นน้ำจนปลายน้ำเหมือนกันหมดต่างแค่ area ที่ดู พอพี่คนนี้เข้ามาน้องมันก็เทรนงานตามปกติ ผ่านไปพักนึงหัวหน้าก็มาแบ่งสโคปงานให้จะได้ทำกันให้ชัดเจน ในส่วนที่น้องมันเจอคือพอเป็นงานของพี่เขาก็จะไม่ค่อย action จะนั่งนิ่งรอให้คนมาช่วย จนน้องมันก็ต้องมาช่วยจนกลายเป็นทำแทน พอจะปล่อยให้พี่เขาทำแล้วน้องมันกะคอย support ห่างๆ พี่เขาก็จะพูดในออฟฟิศว่าเนี้ยงานเขาเยอะมากเลยน้องมันก็กดดันเหมือนคนอื่นมองว่าน้องมันไม่ช่วยแต่งาน(เคสนี้ตอนหลังคนในออฟฟิศเข้าใจหมดแล้วว่าเป็นยังไง) น้องมันเองก็ล้นมือกว่าเดิมเพราะงานมันไหลมากองกัน แล้วที่น้องมันทนไม่ไหวคือมีอยู่วันนึงน้องมันลาหยุดแล้วมันมีเอกสารสำคัญเลยที่ต้องแจ้งลูกค้าภายในวันนั้นซึ่งลูกค้านั้นก็เป็นลูกค้าที่พี่เขาต้องดูแลอยู่แล้วแต่ลูกค้าติดปัญหาส่วนตัวเรื่องข้อมูลที่ต้องใส่ในเอกสารพี่เขาเลยไม่ได้ออกเอกสารแจ้ง(ที่จริงปรึกษาขอแนวทางจากหัวหน้าได้เพราะมันมีวิธีอื่นแก้ไขปัญหาได้เลย แต่พี่เขาไม่กล้าคุย) พอมาอีกวันนึงพี่เขาหยุดแล้วฝากบอกช่วยดูให้หน่อยนะซึ่งน้องมันบอกก็ต้องมาตามเคลียร์ให้โดยไปปรึกษากับหัวหน้าแล้วจัดการออกเอกสารเองทั้งหมดจนเรียบร้อยปิดเคสไป(มีน้องในที่ทำงานมาบอกว่าวันนั้นพี่เขาไม่ทำอะไรเลยเอาแต่นั่งเมาท์ในออฟฟิศกับออกไปกินข้างนอกเป็นชั่วโมงเพราะหัวหน้าไปประชุมข้างนอก) ส่วนอีกเคสพี่คนนี้แทบจะไม่ทำงานที่แบ่งสโคปเลยเขาจะทำเฉพาะงานที่หัวหน้า assign เป็นหลักถ้าไม่มีงาน assign ก็จะนั่งคุยในออฟฟิศ 2-4 ชม.ต่อวัน(ตอนหลังทั้งออฟฟิศก็รู้กันหมดแล้ว) แล้วงานมันก็มากองที่น้องเขาเยอะมากกกกกกกกกกก ขนาดน้องมันบอกตอนมันปั่นงานหน้าคอมมีทั้งงานเขาเองและงานของพี่เขา ก็เห็นนั่งเมาท์อยู่อย่างนั้น เป็นแบบนี้อยู่หลายเดือนจนน้องมันไม่ไหวยอมหางานใหม่
จริงๆมีรายละเอียดอื่นๆอีกบ้างแต่พยามยามเล่าให้กระชับ ระหว่างคุยก็มีถามรายละเอียดอื่นบ้าง แต่บางอย่างถ้าดูส่วนตัวเยอะเราก็ไม่ได้ถามเจาะลงไป ซึ่งก็มีคุยเรื่องอื่นสัพเพเหระกันด้วยแต่คัดพาร์ทนี้มาลง แต่ตอนน้องมันเล่าไม่ได้เครียดนะเล่าแบบสนุกสนานมากกว่า สุดท้ายน้องมันบอกเล่าตามเรื่องจริงที่เจอมาเลย ตัวน้องมันเองก็ทำงานตามสโคปที่ต้องทำไม่ได้มีอะไรกับใครเลยเพื่อนร่วมงานดีก็คุยปรึกษา support กันมาตลอดจนการมาถึงของพี่คนนี้มันเลยไม่ไหว ส่วนนิสัยน้องมันที่รู้จักกันมาน้องมันไม่ชอบปะทะเลยไม่ได้พูด ใช้วิธีมูฟออกมาจากจุดนั้นแทน
remark : ที่เคยทำงานกับน้องความรับผิดชอบเขาสูงมาก,น้องเป็นคนมองแง่บวกมากแต่เคสนี้คงบวกไม่ไหว,ที่น้องมันทำแทนเพราะกลัวงานมันติดขัดแล้วจะกระทบทั้งแผนกส่วนนึงก็ให้พี่เขาเห็นด้วยว่ามันทำยังไงแต่พี่เขาไม่รับอะไรเลย,ในส่วนหัวหน้าส่วนใหญ่จะยุ่งในห้องทำงานหรือออกประชุมกับลูกค้าบ่อยช่วงไม่อยู่ออฟฟิศพี่เขาก็จะนั่งเมาท์หรือออกไปเดินเล่นซื้อของแถวออฟฟิศอย่างเดียว(อันนี้น้องกับเพื่อนในออฟฟิศมันก็มาบอกทีหลังเพราะสงสัยว่าทำไมทำงานอยู่คนเดียว),มันมีน้องในออฟฟิศอีกคนอยู่ที่นี้มานานพอดูมาบอกตอนที่จะออกว่าสงสารเห็นทุกอย่างแต่ทำไรไม่ได้ ล่าสุดมาบอกว่าเขาเริ่มเพ่งเล็งแล้วเพราะเหมือนพูดสวยพูดเก่งแต่ผลงานไม่ได้ แต่พี่เขาปรับตัวเข้ากับคนอื่นได้เก่งมากแต่พอทำงานจริงทำไม่เป็นเลย บอกดีแต่พูด อันนี้น้องในออฟฟิศเป็นคนพูด,ตอนที่น้องมันออกมีพี่ในออฟฟิศ ที่ทำงานในวงการนี้มานานเหมือนพอมีคอนเนคชั่นก็มีคนรู้จักที่ออฟฟิศเก่าของพี่เขาไปเช็คมา บอกก็มีปัญหาแบบนี้แหละไปประจบเจ้านายแล้วงานไม่ทำเลย จนลาออกมา,ล่าสุดปัจจุบันเหมือนน้องไปทำงานอยู่ต่างจังหวัดแล้วเป็นสายท่องเที่ยวได้อยู่กับธรรมชาติ กับพวกสถาปัตกรรมบอกมีความสุขดี