ได้อ่านบทสัมภาษณ์ตอนหนึ่งของเฌอปรางแล้ว...

ขอออกตัว(แรงๆ) ก่อนเลยว่าที่ตั้งกระทู้ไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไรนะคะ ไม่ใช่แอนตี้ด้วย
แต่พอดีเพิ่งได้อ่านบทสัมภาษณ์เพราะมีคนแชร์กันในเน็ต
เราอ่านแล้วรู้สึกงง(งง หมายถึงเราเชื่อมโยงไม่ได้ว่ามันเกี่ยวกันยังไง)หรือเราอ่านหนังสือไม่แตกก็ไม่รู้😅
เลยอยากจะทำความเข้าใจสิ่งที่เฌอต้องการจะสื่อค่ะ
มาร่วมแสดงความคิดเห็นกันค่ะ
ขอเอาบทสัมมาลงนะคะ ถ้าเราพิมพ์ตกหล่นอะไรไปเพิ่มเติมได้เลยค่ะ

Q: คิดว่าบ้านเราจะเกิดความเท่าเทียมขึ้นได้แบบประเทศนอร์เวย์ไหม?
A: อีกยาวไกลมาก(หัวเราะ) ถ้าเรายังยอมรับไม่ได้ว่าแต่ละคนเกิดมาแตกต่างกัน และยังรับมือกับสิ่งที่ตัวเองเป็นไม่ได้
เรายังไม่มีความเห็นอกเห็นใจกันต่อส่วนรวม หลายคนเกิดมามีชีวิตปากกัดตีนถีบ เขาก็ไม่ได้มองกว้างถึงคนอื่นแบบคนที่เกิดมาพอจะมีอะไรบ้างแล้ว
สุดท้ายคนก็ต้องเลือกทำตัวเองให้แข็งแกร่งก่อน ถึงจะเริ่มมองไปข้างหน้า ถ้าเมื่อไหร่ที่เราเติมเต็มให้ตัวเองได้ก็จะเริ่มคิดได้
แต่คนที่ยังไม่สามารถเติมเต็มให้ตัวเองได้ เขาก็จะดึงทุกอย่างเข้าตัว ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องผิดที่เขาจะเป็นแบบนั้น ถึงจะมีคนมาบอกว่า
ใช่สิ ก็เรามีการศึกษาที่ดี ค่าเทอมเป็นแสน แต่ค่าเทอมนี้ก็แลกมาด้วยหยาดเหงื่อของพ่อแม่ ซึ่งเราได้เงินไปเรียนอาทิตย์ละไม่กี่ร้อยเท่านั้น
เราต้องแลกเพื่อให้ได้เรียน เราแตกต่างกันก็จริง แต่เราก็พยายามทำสิ่งที่น่าจะดีกับคนอื่นๆมากขึ้นด้วย
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 18
เราว่าเราเข้าใจสิ่งที่เฌออยากสื่อนะ

ความเท่าเทียมจะเกิดขึ้นได้ ต้องเกิดจากการยอมรับความจริงที่ว่า คนทุกคนเกิดมาแตกต่างกันจริง  พื้นฐานของทุกคนแตกต่างกัน  ความ“รู้สึกว่า“เท่าเทียมจะไม่เกิดขึ้นถ้าคนเรายังมองตัวเองแบบเปรียบเทียบกับคนอื่นแล้วไม่พอใจในตัวเอง
อีกอย่างคือ  ธรรมชาติของมนุษย์ก่อนจะคิดถึงคนอื่นย่อมคิดถึงตัวเองก่อนเสมอ  ก่อนจะทำเพื่อคนอื่นย่อมทำเพื่อตัวเองก่อนเสมอ  จนกว่าจะเติมเต็มความรู้สึกว่าตัวเองมีความแข็งแกร่งความมั่นคง(ทางสังคม)ดีพอแล้ว มีความสุขดีแล้ว  ถึงตอนนั้นมนุษย์ถึงจะเริ่มอยาก“ทำเพื่อคนอื่น“  มันเป็นสัญชาตญาณของมนุษย์ทุกคนเลยล่ะ
เราว่า เฌอเป็นคนที่มองโลกตามความเป็นจริงนะ ไม่ใช่เด็กโลกสวยวิ่งเล่นกับยูนิคอนในทุ่งหญ้า


ปล..แก้คำผิดจ๊ะ
ความคิดเห็นที่ 33
ผมอ่านผมเข้าใจนะแต่ก่อนผมจน ผมก็คิดถึงแต่ตัวเองก่อน ทำยังไงจะอยู่ได้จนครบเดือน มองอนาคตแค่วันนี้และพรุ่งนี้ พอผมเริ่มมีงานการที่มั่นคง ก็เริ่มมองไกลขึ้น มองถึงคนรอบข้าง สังคมเล็กๆที่เราอยู่ ช่วยเท่าที่พอจะช่วยได้ ประโยคสุดท้ายถ้าใครรู้จักเฌอจริง เฌอจะเป็นคนที่จะพาดพิงถึงอะไรก็แล้วแต่ไม่ว่าจะบุคคลอื่น องค์กรต่างๆ แม้แต่แมนยู ลิเวอร์พูลที่มีคนเคยถาม เฌอยังไม่พูดเลย เฌอจะต้องทำความรู้จัก คือทำการศึกษา อ่าน ทำความเข้าใจก่อนค่อยพูด คำสัมภาษณ์นี้เฌอจึงยกตัวอย่างเป็นตัวเฌอ ซึ่งเฌอรู้จักตัวเฌอเองดีที่สุด ส่วนประโยคบรรทัดสุดท้ายของเฌอ ผมขอบอกเฌอว่าขอบคุณสำหรับความดีที่เฌอทำ และทำมันต่อไป 💖
ความคิดเห็นที่ 80
มันคือการคิดแบบปัจเจกบุคคล แต่น้องดันเอาไปตอบคำถามเรื่องความเท่าเทียม

และเป็นการตอบที่ช่องโหว่เยอะ วกวน รวมถึงทัศนคติที่มองจากบนลงล่าง
ไม่แปลกใจที่จะถูกโจมตี

ส่วนพวกที่ชอบออกมาบอกว่า เอาอะไรกับน้อง น้องเป็นเด็กอายุแค่ 22 เป็นนักวิทย์ เป็นไอดอล
คือคุณต้องอย่าลืมนะ ว่าแฟนคลับนี่แหล่ะเป็นส่วนที่ทำให้เกิดคำถามแบบนั้น
เพราะวางโพสิชั่นน้องไว้ ว่าดีเลิศ เพอเฟค อวยเรื่องการวางผังเมือง มีวิสัยทัศน์ก้าวไกล
ดังนั้นน้องมีโอกาสที่จะโดนถามทั้ง เศรษฐกิจ สังคม การปกครอง แน่นอน

แล้วน้องมีอิทธิพลทางความคิดสูงมาก ต่อกลุ่มวัยรุ่น และกลุ่มคนอีกมาก
บางเรื่องก็ต้องเบรคน้อง ว่าไม่ต้องแสดงความเป็นตัวเองออกมา เก็บไว้กับตัวบ้าง
ฝึกตอบแบบโลกสวย แบบนางงามก็ได้ เราว่ารอดกว่าการแสดงชุดความคิดบางอย่างออกมาตรงๆ
ความคิดเห็นที่ 79
เรื่องแบบนี้หลายความเห็นในกระทู้นี้ยังมีความคิดเห็นแตกต่างกันเลย ฉะนั้นมันไม่ใช่เรื่องผิดหรือแปลกเลยที่น้องเองจะมีความคิดเห็นในมุมของน้อง

เราคิดว่า น้องเขาเพียงแค่พูดข้อเท็จจริงบางอย่างน่ะ ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงที่เราๆต้องยอมรับให้ได้ก่อนอันดับแรกอย่างที่เขาว่า รู้ตัวเองก่อนว่าเราเกิดมาเป็นอย่างไร ชอบอะไร รสนิยมเรื่องต่างๆเป็นอย่างไร ความแตกต่างของแต่ละบุคคลเป็นอย่างไร ปัจจัยรอบข้างและตัวเราอยู่ระดับไหน เราต้องรู้ตัวเองและยอมรับให้ได้ก่อนว่าเรา คนรอบข้าง สังคมมันเป็นเช่นนี้จริงๆ เมื่อเรายอมรับแล้วเราจึงรับมือ แล้วค่อยพัฒนาหาทางแก้ไขในด้านอื่นๆกันต่อไป ถ้าเราไม่ยอมรับความจริงที่เกิด เราไม่มีทางได้แก้ไข เมื่อตัวเองทำให้แข็งแกร่งแล้วมีในระดับหนึ่งแล้วถึงจะมองไปรอบข้าง ซึ่งระดับที่ว่าของแต่ละคนก็แตกต่างกัน บางคนรายได้น้อยแต่เขาพอใจในระดับที่ตัวเองมีแล้ว เขาก็แบ่งปันให้คนอื่นในส่วนที่พอจะทำได้ มีหรือที่เราเกิดมาแล้วเราจะให้คนรอบข้างเลยตั้งแต่เกิด เราต้องมีอะไรบ้างแล้วหรือยอมรับพอใจในจุดของตัวเองบ้างแล้วถึงจะให้ นี้คือสัญชาติญาณมนุษย์และข้อเท็จจริง และในขณะเดียวกันก็ไม่ใช่ว่าคนที่เขามีกินมีใช้ในสังคมจะไม่พยายามทำอะไรมาก่อนเช่นกัน เหมือนที่บางคนชอบโทษคนที่มีกินมีใช้ โทษโชคชะตา โทษคนรอบข้างตลอดเวลา เราเพียงยอมรับให้รู้ตัวเองก่อนทุกฝ่ายแล้วขั้นต่อไปค่อยแก้ไขให้มันเป็นไปให้ได้มากที่สุด

คำตอบของน้องเราไม่ได้มองว่าเขาเหยียดเลย แต่เป็นความเข้าใจต่อคนเหล่านั้นด้วยซ้ำ ว่าเราจะไปโทษเขาไม่ได้ เพราะคนเราเกิดมาแตกต่างกัน และมันไม่ใช่ความผิดเขา และเราต้องเห็นอกเห็นใจกันตามที่เขาบอกไง สัญชาติญาณมนุษย์มันเป็นเช่นนี้จริงๆ เพียงให้เรายอมรับตัวเองหรือกันและกันก่อนแค่นั้น แล้วจะแก้ไขอะไรก็ค่อยว่ากันไป อีกอย่างน้องเขาใช้คำว่าหลายคน เขาไม่ได้บอกว่าทุกคนเป็น อย่าเอามายาคติ ประสบการณ์หรือความคิดตัวเองไปครอบมนุษย์คนหนึ่งเลยว่าเขาต้องคิดแบบนี้ๆแน่ๆ แล้ววิเคราะห์โยงไปต่างๆนานาไปหมดว่าเหยียดคน โน้มน้าวคนอื่นด้วยความคิดตัวเองว่าแคลนคนอย่างนู่นอย่างนี้ เพียงเพราะเธอพูดสัจธรรมมนุษย์หรือข้อเท็จจริงบางประการซึ่งเป็นสิ่งที่คุณไม่ชอบและกำลังคาดหวัง ต้องการให้เกิด หรือมูฟเมนต์บางอย่างเพื่อให้มันพัฒนา มันคนละเรื่องกัน มันเป็นอีกขั้นแล้ว มันอยู่ในขั้นการปรับเปลี่ยน แก้ไข ปรับปรุง แต่ตรงนี้เขาเพียงพูดในเรื่องขั้นต้น ในแง่มนุษย์สังคมคนหนึ่งกับความจริงบางประการเฉยๆ

น้องเขาไม่ใช่นักการเมืองที่ต้องยกนโยบายพัฒนา พูดจาเอาใจสวยหรูเอาคะแนนความพึงพอใจจากประชาชนให้จบในพารากราฟเดียว เขาไม่ใช่นักพัฒนาต่างๆหรือคนมีอำนาจกำหนดนโยบายที่มีส่วนแก้ไขโครงสร้างทางสังคมที่ก่อให้เกิดปัญหาความยากจนหรือความเหลื่อมล้ำบางประการ เพียงแต่น้องพูดเรื่องพื้นฐานมากๆ ข้อเท็จจริงบางอย่างในสังคมให้เห็นภาพขั้นแรกสุดในมุมมองของตัวเอง ซึ่งจะไปสานต่อสะท้อนโครงสร้างทางสังคม ความเหลื่อมล้ำอะไร ก็สุดแท้แล้วแต่ทุกท่านต่อไป เพราะก่อนจะมาเป็นเช่นนี้ เราต่างต้องยอมรับจริงๆว่ามันมีความแตกต่างนี้ ปัจจัยต่างๆ หรือเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นจริงๆ การยอมรับนี้ไม่ได้หมายความว่าเราเพิกเฉยต่อความเหลื่อมล้ำ เพียงแต่เรายอมรับมันก่อนถึงความเป็นไปในแง่ต่างๆแล้วเราค่อยนำไปค่อยๆแก้ไขปรับปรุงในขั้นต่อไปให้ดีที่สุด หรือพยายามช่วยลดช่วยเหลือยังไงได้บ้างภายใต้ข้อจำกัดของตัวเองก็ช่วยกันทำ

เพิ่มเติม : ตอนนี้งงมากว่าคนกำลังโจมตีน้องเขาเรื่องเพิกเฉยหรือชื่นชมต่อความเหลื่อมล้ำในหลายๆด้าน เช่น เรื่องการศึกษา เราเลยงงว่าแล้วที่ผ่านมาที่น้องพยายามไปออกงานเสวนาการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ออกไปบรรยายให้ความรู้ตามโรงเรียนชุมชนต่างๆอย่างเงียบๆแบบไม่รับค่าตัว หรือที่ไปออกเพื่อกระจายข้อมูลโครงการครูตู้ DLTV เพื่อโอกาสในการช่วยการเข้าถึงข้อมูลความรู้มากขึ้นที่คนเขาด่ากัน คือ ตัดสินว่าน้องเขาเพิกเฉยต่อความเหลื่อมล้ำจริงดิคะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่