Roma (2018): สามัญแต่งดงาม เงียบงันแต่สั่นไหว กลางทะเลใจ

กระทู้สนทนา
- หนังจาก Netflix ที่ดีที่สุด ดีจนต้องฉายในโรงก่อน Netflix เพื่อไม่ให้ผิดกฎการส่งประกวด
- หนังขาวดำที่ภาพสวยจับใจ และเก็บรายละเอียดภาพและเสียงได้พิถีพิถันที่สุด
- หนังที่เป็นดังงานส่วนตัวในชีวิตวัยเด็กของผู้กำกับ ผ่านการทำงานแทบทุกด้านเองของผู้กำกับที่เข้าขั้นอัจฉริยะของยุค

ตอนเริ่มดูเรื่องนี้ ดูอย่างไม่รู้อะไรเลยนอกจากชื่อผู้กำกับ พลันที่ฉากสุดท้ายจบลง หนังเรื่องนี้ทำให้ผมหนังของสองผู้กำกับอย่าง Michael Haneke โดยเฉพาะเรื่อง Cache (2005) และ Amour (2012) (ที่ผมเพิ่งเขียนถึงไปล่าสุดและขึ้นแท่นหนังรักในดวงใจ) ที่เล่าเรื่องอย่างเนิบช้า แต่ตีหัวคนดูสะเทือนไปถึงจิตวิญญาณ มีนัยของแต่ละฉากด้วยงานภาพที่สวยงาม ผสมหนังของผู้กำกับไทยอย่างเจ้ย อภิชาติพงศ์ ที่ชอบเล่าเรื่องชีวิตของตัวละครสามัญ ใช้นักแสดงที่เป็นคนธรรมดามารับบทนำ

แม้งานของ Afonso Cuaron เรื่องนี้จะดูเป็นงานส่วนตัว ไม่ได้มีลูกเล่นการเล่าเรื่องชัดเจนและฉาก surreal แบบ Amour ของ Haneke เพราะทั้งเรื่องใช้ตัวละครดำเนินเรื่องเป็นเส้นตรง แม้แต่การเคลื่อนภาพที่ใช้การเคลื่อนกล้องเป็นเส้นตรงเกือบตลอดเรื่อง และแช่นิ่งในฉากที่ต้องการเน้น ลักษณะการเล่าเรื่องผ่านชีวิตและเหตุการณ์ต่าง ๆ ของตัวละครนี่เอง ทำให้ชวนนึกถึงงานละครชีวิตเก่า ๆ ทั้งของยุโรปและเอเชีย ราวกับเป็นการคารวะเหล่าคนทำหนังชั้นครู

Afonso Cuaron เป็นอัจฉริยะคนหนึ่งในการใช้ศิลปะภาพยนตร์ ทั้งฉาก long take น่าทึ่งทั้งหลายใน Children of men (2006) หรือการใช้งานภาพอุปมาใน Gravity (2013) เมื่อเขาลงมาเล่าเรื่องเอง ทั้งเขียนบท กำกับภาพ กำกับหนัง โดยใช้ประสบการณ์ส่วนตัวในชีวิตวัยเด็กของเขา เรื่องนี้จึงเป็นหนัง 'ปล่อยของ' ส่วนตัวของผู้กำกับไม่ต่างจาก Inception (2010) ของ Nolan หรือ Sucker Punch (2011) ของ Snyder

ในขณะที่ตัวหนัง การเล่าเรื่องชีวิตช่วงหนึ่งของหญิงคนใช้ไร้ที่ยืนในสังคม นอกจากการทำหน้าที่ในบ้านของอาจารย์หญิงกับลูกสี่คน ที่กำลังมีปัญหาครอบครัว จนนำคนดูเดินทางไปกับตัวละครผ่านเหตุการณ์ในบ้านเมืองยุคเปลี่ยนผ่านของประเทศ (ที่ดูแล้วแทบไม่ต่างจากบ้านเมืองไทยในยุคหนึ่ง) เรื่องที่เป็นเส้นตรง เล่าอย่างตรงไปตรงมา ใช้สัญลักษณ์แทนการเร้าอารมณ์การใส่ใจในรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ในแต่ละฉาก องค์ประกอบเหล่านี้บวกด้วยงานภาพ  การบันทึกเสียงที่เก็บทุกเม็ดทุกฉาก และพลังการแสดงของ Yalitza Aparicio ผู้ที่ไม่ใช่นักแสดงอาชีพ แต่แสดงได้ระดับสูงสุดจนฟันธงว่าเธอจะคว้ารางวัลดาราสบทบหญิงเวทีใหญ่ไปครองแน่นอน ผสานให้หนังเดินไปอย่างน่าติดตามจนอารมณ์ประทุตามเหตุการณ์ climax ของหนัง โดยเฉพาะฉาก climax ในองค์สองและสามที่สมจริงและทรงพลังจนเชื่อว่าทำให้คนดูสะเทือนใจไปกับเรื่องราวของตัวละครหมดหัวใจ

เป็นการเล่าน้อยแต่ได้มาก เป็นการใช้ศิลปะของภาพยนตร์ผ่านทั้งงานภาพและเสียงอย่างละเอียดละออ และพลังการแสดงของตัวละครสามัญ เชื่อเหลือเกินว่า Roma จะโดดเด่นในเวทีรางวัลใหญ่ ถึงจะเป็นภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศ และ Netflix ให้ทุนสร้าง แต่นี่คืองานภาพยนตร์ชั้นสูงที่จะเป็นหนังคลาสสิคในอนาคตแน่นอน

10/10
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่