เบื้องหลังรอยยิ้มที่แสนสดใส?

วันนี้ก็ไม่มีอะไรมาก แค่การมานั่งฟังผมบ่นเฉยๆ ไปเริ่มกันเถอะ
เนื่องด้วยผมมีโอกาสได้รู้จักกับเด็กสาวกลุ่มหนึ่ง ที่มุ่งมั่นออกเดินทางไปตามความฝัน(คุ้นๆเนาะ)
โดยที่ผมเองก็ไม่รู้ว่าความฝันนั้นของพวกเธอคืออะไร เพราะบางคนก็บอกมาชัดเจนแต่การกระทำยังดูไม่ค่อยโฟกัสเท่าไร
ส่วนบางคนแม้จะดูชัดเจนแต่น้องก็ไม่เคยพูดออกมากับพวกผม ซึ่งค่อยติดตามเธอว่าอะไรคือเป้าหมายที่แท้จริงของเธอกันแน่
คงมีเพียงตัวเธอเองที่จะรู้ได้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร แต่ถึงอย่างนั้นการได้เฝ้ามองพวกเธอได้ทำตามสิ่งที่พวกเธอเชื่อมั่นนั้น
ก็เป็นเชื้อเพลิงอย่างดีให้กับผมในการดำเนินชีวิต

แน่นอนว่าการเดินทางตามความฝันย่อมมีอุปสรรคมากมายเข้ามาเพื่อทดสอบเรา ให้เติบโตขึ้น
แน่นอนว่าถ้าเป็นคุณ ต้องมาเจอเรื่องแย่ๆเหล่านี้ เรื่องที่เศร้าใจชวนให้รู้สึกหดหู่เข้ามาในชีวิต
ก็คงไม่มีอารมณ์จะทำอะไร อยากอยู่เงียบๆคนเดียว เพื่อปรับอารมณ์ให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้น
แต่เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้สำหรับเด็กสาวกลุ่มนี้ เนื่องจากพวกเธอมีคนที่ค่อยกำลังใจ รอรอยยิ้มนั้นของพวกเธออยู่


รอยยิ้ม !!!
เวลาคนเราจะยิ้มได้นั้น อย่างน้อยที่สุดก็คงจะเป็นเวลาที่จิตใจอยูในสภาวะปกติค่อนไปทางมีความสุข
ถึงจะสามารถส่งรอยยิ้มที่มีอิมแพคขนาดนั้นออกมาได้ แต่กับเด็กสาวกลุ่มนี้ผมคิดไม่ออกจริงๆ
เด็กสาวที่ต้องปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์บ้างอย่างที่แตกต่างไปจากเดิม
เด็กสาวที่ต้องเดินเข้ามาผจญในโลกของผู้ใหญ่ ที่แม้บางคนจะอายุ 20+ ก็ยังไม่เคยได้สัมผัส
เด็กสาวที่ต้องเผชิญกับเรื่องราวร้ายๆ จากเรื่องที่ในบางครั้งพวกเธอไม่ก่อมันขึ้น
เด็กสาวที่ต้องรับความรู้สึกมากมายมาบอกกับเธอว่า ต้องทำอย่างนั้นสิ? เธอไม่ควรทำอย่างนี้? ทำไมถึงทำแบบนี้ละ?
โดยไม่มีคนเคยถามเธอสักคำว่าเหนื่อยไหม? รู้สึกอย่างไร? เป็นอะไรมากหรือเปล่า?

แต่พวกเธอก็ยังคงมุ่งมั่นต่อไป โดยไม่ร่ำร้อง(อาจมีบ้าง)
และยังคงส่งมอบความสุขด้วยรอยยิ้มกลับมาสู่เหล่าผู้ติดตามของเธอเสมอมา....

จริงๆแล้วผมคงไม่มาหาคำตอบหรอกว่าอะไรที่ทำให้พวกเธอ มีรอยยิ้มที่แสนสดใสแบบนั้น
ถึงผมจะอยากรู้มากแค่ไหนก็ตาม เพราะผมคิดว่าคำตอบนั้น ถ้าติดตามไปเรื่อยๆก็คงจะเข้าใจได้เอง
โดยไม่ต้องไปเร่งรัดอะไรมัน ปล่อยให้มันได้ทำหน้าที่ของตัวมันเองต่อไป
แต่สิ่งที่อยากจะบอกจริงๆก็คือ "ขอบคุณสำหรับรอยยิ้มนะครับ"

ใครที่อ่านมาถึงตรงนี้ คงพอจะเดาได้แล้วว่า จขกท พูดถึงใคร?
สำหรับคนที่รู้จักแล้วอยากบอกว่า "อย่าเป็นเพียงผู้รับอย่างเดียว จงดีใจทีจะได้เป็นผู้ให้ด้วย " แล้วคุณรู้สึกเหมือนชีวิตได้เติมเต็มบางอย่างมามากขึ้น
ส่วนคนที่ไม่รู้จักอยากบอกว่า ไม่จำเป็นต้องรู้จักก็ได้ แต่ถ้าลองเปิดใจดูสักครั้ง มองให้ลึกกว่าที่เคยเห็นที่ผ่านๆมา
                                       คุณอาจได้เห็นอะไรบางอย่างมากกว่าที่คุณเคยเห็นมาก็เป็นไปได้นะ

สำหรับน้องๆถ้าหากผ่านมาเห็น
อยากบอกว่าพี่ชื่นชมในความกล้าหาญของหนูมากเลยนะ เป็นหลายคนคงตัดใจจากสิ่งเหล่านี้ไปแล้ว  
พี่จะไม่บอกหรอกว่า ให้หนูไม่ร้อง เข้มแข็งเข้าไว้ สู้กับมันสิ
เพราะทุกๆคนมีความเป็นมนุษย์ ร้องไห้ได้ อ่อนแอเป็น เพราะเมื่อความมืดย่อมต้องมีแสงสว่าง
เมื่อมีคนล้มก็ต้องมีอีกคนที่ค่อยพยุงให้ลุกขึ้นเดิน วันที่พี่ล้ม ผิดหวังเศร้าใจในชีวิต
พวกหนูคือคนที่มาฉุดให้พี่ลุกขึ้นอีกครั้ง ด้วยความสดใสของพวกหนู ถ้าหากว่าวันใดที่น้องล้มแล้วคิดว่าไม่เหลือใครแล้ว
อย่าลืมว่ายังมีคุณพ่อคุณแม่ และก็พี่อีกคน ซึ่งถึงแม้พี่จะไม่ได้มีแรงไปฉุดรั้งหนูขึ้นมาเหมือนที่หนูเคยช่วยพี่ไว้
แต่ไม่ต้องกลัว พี่จะอยู่กับหนูจนวันที่หนูลุกขึ้นยืนได้ด้วยตัวหนูเอง จนกว่าจะถึงเวลานั้นพี่จะไม่ไปไหนแน่นอน พี่สัญญา


และสุดท้ายคงขอขอบคุณสำหรับคนที่อ่านมาถึงตรงนี้ อาจฟังดูเหมือนบ่นๆไปหน่อย(ก็บ่นแหระ)
แต่ก็ขอบคุณมากจริงๆ

สุดท้าย(จริงๆแหระ) คงไม่มีใครบอกได้หรอกว่า จริงๆแล้วตัวเราเป็นใคร นอกจากตัวเราเอง
เป้าหมายเป็นสิ่งที่สำคัญ แต่ก็ไม่ได้สำคัญไปกว่าสิ่งต่างๆที่ผ่านเข้ามาระหว่างที่เราจะไปให้ถึงเป้าหมายนั้น
จงเก็บเกี่ยวเรื่องราวต่างๆ ไว้ให้มากที่สุด บางอย่างมันหนักเกินไป ก็วางมันลงบางก็ได้
เพื่อไปให้ถึงยังจุดหมายนั้น


แล้วพี่จะรอพบเราที่ปลายทางแห่งความสำเร็จนะ

แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่