ผมและภรรยาเป็นข้าราชการชั้นผู้น้อย ทำงานที่ กทม. ต่อมาได้ลาออกจากราชการตามโครงการออกก่อนเกษียรฯ (early retire)ก่อนครบกำหนดเกษียรฯ เมื่อปี 2553 มุ่งใช้ชีวิตบั้นปลายต่าง จ.ว. และเลือกกาญจนบุ
รี เพราะมีญาติอาศัยก่อนแล้ว จึงนำเงินก้อนสุดท้ายที่ได้จากการ early มาซื้อที่ทำกิน 8ไร่เศษ ก่อนซื้อได้ทำการ วัดพื้นที่ แนวเขต ว่าตรงตามใบ ภบท๕ หรือไม่ โดยมีกำนัน ผู้ใหญ่บ้านและชาวบ้านช่วยดำเนินการตรวจสอบ หลังจากนั้นผมได้ปลูกที่อยู่อาศ้ยถาวร (เมื่อต้นปี 2554) โดยแบ่งพื้นที่สำหรับปลูกพืชไร่ 6 ไร่ ส่วนอีก 2 ไร่เศษรอบๆ บ้าน ปลูกผักสวนครัวตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง จนที่บ้านผมเป็นครัวย่อยๆ ของชุมชนละแวกนั้น พึ่งพาอาศัยกันโดยไม่ต้องซื้อ-ขาย ชาวบ้านที่นี่มีอาชีพทำไร่และรับจ้างทั่วไป จึงไม่ค่อยมีเวลาเพาะปลูก
ต่อมาเมื่อเดือนพฤศจิกายน ที่ผ่านมา มีจนท.สปก. เข้ามารังวัดที่ดินของชาวบ้านเพื่อนำเข้าปฏิรูปฯ และบอกให้ผมเข้าร่วมเพื่อทางการจะได้ดำเนินการต่อไป
ในวันที่ 12 ธ.ค. ที่ผ่านมา ผมจึงไปติดต่อที่ สปก.จังหวัด แจ้งจำนวนพื้นที่ที่จะรังวัด โดยมี จนท.แผนที่และนิติกร ช่วยตรวจสอบให้ ปรากฏว่าที่ดินที่ผมทำกินอยู่ตามจำนวนดังกล่าว เป็นส่วนหนึ่งของที่ดินในจำนวน 22 ไร่เศษ ซึ่งมีนาย ก. ได้นำเข้าปฏิรูปฯ เมื่อปี 2531 และได้ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการปฏิรูปฯ ในปี 2532 ซึ่งนาย ก. ได้แจ้งชื่อทายาทผู้รับมรดกไว้ให้บุตร จำนวน 2 คน ต่อมานาย ก.เสียชีวิต โดยยังไม่ได้ยื่นขอรับใบเอกสารสิทธิ์จาก สปก.แต่อย่างไร เรื่องก็ยังค้างอยู่และยังไม่มีทายาทแสดงความจำนงมารับเอกสารนั้น
ผมจึงได้ถามนิติกรว่า ผมจะแก้ไขปัญหานี้อย่างไรช่วยกรุณาแนะนำด้วย ผมแทบล้มทั้งยืนหน้ามืดมีแม่บ้านนำเก้าอีมาให้นั่ง เขาบอกว่าไม่มีทางแก้ไรอะไรได้ และบอกให้ผมรื้อ ย้ายไปอยู่ที่อื่น พร้อมฝากให้ผมบอกทายาท(ปัจจุบันทำกินอยู่ในอีกส่วนหนึ่งของแปลงในจำนวน 22ไร่ ติดกับที่ผมทำกินอยู่) ไปติดต่อที่ สปก.พร้อมกำนัน หรือผู้ใหญ่บ้าน
คำถามที่ต้องการคำตอบจากท่านผู้รู้และเพื่อน ๆ คือ
1. ผมยังมีช่องทางอื่นไหม ที่จะได้ใช้ชีวิตบั้นปลาย ณ ดินผืนนี้ (ผมอาศัยและทำกินมา 8 ปี แล้ว)
2. ถ้าผมไม่ย้ายออกไป ผมจะโดนข้อหาบุกรุกและดำเนินคดี พร้อมรื้อบ้านใช่ไหมครับ
3. ทายาท นาย ก.ต้องเดือดร้อนเพราะถูกยึดสิทธิ์ทำกินด้วยใช่ไหมครับ
4. ผมและภรรยาต้องเป็นคนเร่ร่อน ในบั้นปลายของชีวิตข้าราชการใช่ไหม
ขอบพระคุณล่วงหน้าทุกท่านครับ
ซื้อที่ทำกินตามใบ ภบท.๕ ต่อมาภายหลังทราบว่าเป็น สปก.
รี เพราะมีญาติอาศัยก่อนแล้ว จึงนำเงินก้อนสุดท้ายที่ได้จากการ early มาซื้อที่ทำกิน 8ไร่เศษ ก่อนซื้อได้ทำการ วัดพื้นที่ แนวเขต ว่าตรงตามใบ ภบท๕ หรือไม่ โดยมีกำนัน ผู้ใหญ่บ้านและชาวบ้านช่วยดำเนินการตรวจสอบ หลังจากนั้นผมได้ปลูกที่อยู่อาศ้ยถาวร (เมื่อต้นปี 2554) โดยแบ่งพื้นที่สำหรับปลูกพืชไร่ 6 ไร่ ส่วนอีก 2 ไร่เศษรอบๆ บ้าน ปลูกผักสวนครัวตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง จนที่บ้านผมเป็นครัวย่อยๆ ของชุมชนละแวกนั้น พึ่งพาอาศัยกันโดยไม่ต้องซื้อ-ขาย ชาวบ้านที่นี่มีอาชีพทำไร่และรับจ้างทั่วไป จึงไม่ค่อยมีเวลาเพาะปลูก
ต่อมาเมื่อเดือนพฤศจิกายน ที่ผ่านมา มีจนท.สปก. เข้ามารังวัดที่ดินของชาวบ้านเพื่อนำเข้าปฏิรูปฯ และบอกให้ผมเข้าร่วมเพื่อทางการจะได้ดำเนินการต่อไป
ในวันที่ 12 ธ.ค. ที่ผ่านมา ผมจึงไปติดต่อที่ สปก.จังหวัด แจ้งจำนวนพื้นที่ที่จะรังวัด โดยมี จนท.แผนที่และนิติกร ช่วยตรวจสอบให้ ปรากฏว่าที่ดินที่ผมทำกินอยู่ตามจำนวนดังกล่าว เป็นส่วนหนึ่งของที่ดินในจำนวน 22 ไร่เศษ ซึ่งมีนาย ก. ได้นำเข้าปฏิรูปฯ เมื่อปี 2531 และได้ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการปฏิรูปฯ ในปี 2532 ซึ่งนาย ก. ได้แจ้งชื่อทายาทผู้รับมรดกไว้ให้บุตร จำนวน 2 คน ต่อมานาย ก.เสียชีวิต โดยยังไม่ได้ยื่นขอรับใบเอกสารสิทธิ์จาก สปก.แต่อย่างไร เรื่องก็ยังค้างอยู่และยังไม่มีทายาทแสดงความจำนงมารับเอกสารนั้น
ผมจึงได้ถามนิติกรว่า ผมจะแก้ไขปัญหานี้อย่างไรช่วยกรุณาแนะนำด้วย ผมแทบล้มทั้งยืนหน้ามืดมีแม่บ้านนำเก้าอีมาให้นั่ง เขาบอกว่าไม่มีทางแก้ไรอะไรได้ และบอกให้ผมรื้อ ย้ายไปอยู่ที่อื่น พร้อมฝากให้ผมบอกทายาท(ปัจจุบันทำกินอยู่ในอีกส่วนหนึ่งของแปลงในจำนวน 22ไร่ ติดกับที่ผมทำกินอยู่) ไปติดต่อที่ สปก.พร้อมกำนัน หรือผู้ใหญ่บ้าน
คำถามที่ต้องการคำตอบจากท่านผู้รู้และเพื่อน ๆ คือ
1. ผมยังมีช่องทางอื่นไหม ที่จะได้ใช้ชีวิตบั้นปลาย ณ ดินผืนนี้ (ผมอาศัยและทำกินมา 8 ปี แล้ว)
2. ถ้าผมไม่ย้ายออกไป ผมจะโดนข้อหาบุกรุกและดำเนินคดี พร้อมรื้อบ้านใช่ไหมครับ
3. ทายาท นาย ก.ต้องเดือดร้อนเพราะถูกยึดสิทธิ์ทำกินด้วยใช่ไหมครับ
4. ผมและภรรยาต้องเป็นคนเร่ร่อน ในบั้นปลายของชีวิตข้าราชการใช่ไหม
ขอบพระคุณล่วงหน้าทุกท่านครับ