สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 15
เมื่อพิจารณาดีๆแล้ว จากคห 2 และ คห 8-1
มันก็จริงอยู่หรอกที่ว่า หากใครไม่นิยมสาวพรหมจรรย์ และไม่ให้เกียรติเธอมากพอ ก็ไม่ควรไปจีบ ไปสู่ขอ
และก็ไม่สมควรจะไปวิพากษ์ วิจารณ์อะไรคนที่เขายอมรับได้ เพราะสมัยนี้แล้ว คนมีรสนิม หรือธรรมเนียมปฏิบัติ ต่างไปจากยุคหรือสมัยก่อน
ที่มีความเชื่อว่า สตรี จะต้องอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือนเท่านั้น
บางครอบครัว อยู่กินกันก่อนแต่งงาน บางครอบครัว ไม่คิดจะแต่งงาน ด้วยภาระผูกพันมากมาย แค่จดทะเบียน หรืออยู่กินกัน
โดยครอบครัวรับรู้
แต่!!!
อย่างไรก็ดี ยังไม่ค่อยเห็นบ้านไหน ที่ แอบมี สามี หรือ ภรรยา นอกบ้านโดยที่พ่อแม่ไม่รู้ หรือ ลักลอบมีเรื่องชู้สาว แล้วคนทั่วไปจะรับได้นะ
ยิ่งถ้าทำให้มีปัญหาตามมา ยิ่งทำให้ถูกเหยียดหยาม ดูถูกเข้าไปใหญ่
นั่นหมายถึง แม้คุณจะไม่แต่งงานกัน แต่หากอยู่กินฉัน สามี ภรรยา ให้เกียรติกัน แม้ไม่ได้มีการสู่ขอ แต่งงาน ก็เป็นสิ่งที่สังคมยอมรับได้
แต่ในกรณีที่ ลักลอบอยู่กินกัน แล้วอาจจะเกิด "ท้องก่อนแต่ง" ต่อให้มาแต่งงานภายหลัง สังคมก็ยังรับไม่ค่อยได้ อย่างน้อยก็ต้องถูกวิจารณ์
เพราะเหมือนเขายัง "ไม่พร้อมจะรับผิดชอบ" แต่ต้องแต่งงานเพราะเกิด "พลาด" แล้ว
สำหรับเราในกรณีนี้ สงสารครอบครัว หรือเด็กที่จะเกิดมา อาจจะเป็นภาระของสังคมได้ หาก พ่อแม่ ไม่พร้อมจะมีบุตร
กลับมาที่ จขกท ที่ "สงสัย" ในพรหมจรรย์ ของหญิง ที่ "ประกาศ" ต่อสาธารณะชนว่า "ยังไม่ได้แต่งงาน" แต่ความประพฤตินั้น
อยู่กินกับ ผช [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ มาถึง 4 ปี
หากชาวบ้านชาวช่องรู้เห็นว่าอยู่กินกัน กินอยู่กับปาก อยากอยู่กับท้องแล้วยังร้องเรียกสินสมรส หรือการสู่ขอ ย่อมหมายถึง หญิงนั้น ต้องการให้เป็นที่ยอมรับของครอบครัวและสังคม ในแบบ "ธรรมเนียมปฏิบัติ"
ดังนี้แล้ว เรามองว่า ในเมื่อคุณเอง "ไม่ใส่ใจและไม่ให้ราคาในธรรมเนียมปฏิบัติ" ตั้งแต่แรกแล้ว จะมาถามหา ให้อีกฝ่ายทำตามธรรมเนียมทำไม
มันตรงกับคำไทยที่ว่า "ใส่ตระกร้าล้างน้ำ" ชัดๆ
หรือ
ถามว่า ถ้านางไม่ออกมาประกาศว่า "ยังไม่มีใครมาสู่ขอ" ชาวบ้าน ก็คงแค่ รับรู้อย่างสมยอมไปเรื่อยๆ
แต่เมือมีคนถามว่าแต่งงานรึยัง กลับตอบว่า "ฉันยังไม่มีใครมาสู่ขอนะยะ"
มันก็เลยเป็นคำถามว่า จะต้อง สทอ แห กันไปทำไม
เรื่องที่เห็นตำตา ยังไม่ยอมรับว่าทำ แล้วที่ไม่เห็น จะให้ไปยอมรับได้เหรอ?
นี่คือคำถามของ ผช คนนึงว่า "จะเชื่อใจเธอได้หรือไม่"
ไม่ใช่แต่งงานแล้ว โผล่เรือพ่วงมา 1-2 คน เล่นเอาแม่สามีลมใส่แน่นอน (ก็บอกว่า ยังไม่มีใครมาสู่ขอ ไม่ได้บอกว่า ยังไม่มีลูกนี่นา!!)
ดังนั้น คำถามของ จขกท เรายังไม่เห็นว่า เป็นการหยามศักดิ์ศรีอะไรเท่าไหร่
แต่ถ้าเรียกว่า ปากบอน ก็พอเรียกได้
คริคริ
แต่พวกที่ว่า "ถามคือเลว"เนี่ย ทำให้คิดๆว่า สังคมรอบข้าง เขาคงมีคนที่ "แอบ/ลักลอบ" หรือกระทั่งตัวเอง อาจจะชอบลักลอบมากไป เลยคิดว่าเป็นของธรรมดา และไม่เสื่อมเสีย แถมยังควรยกย่องเชิดชูให้เท่าๆกับคนที่เขาทำตามธรรมเนียมปฏิบัติอีก
ถ้าคิดแบบนั้น คนที่เขายึดมั่นในธรรมเนียม กลายเป็นคน โง่เง่า และงมงายไปเลยสิ
เพราะมันแต่เชื่อในสิ่งที่ "ไม่มีใครถามหาแล้ว" ในทุกวันนี้
ปล ยิ่งทำให้นึกถึงพวกทำตัวเสี่ยงผิดสิลธรรม แต่ชอบเอาเพศสภาพมาอ้าง
หรือเอาเพศสภาพมาอ้าง เพื่อด่าทอคนวิจารณ์
หรือแม้แต่พวกที่มือถือสาก ปากถือศิล ประมาณว่า ฉันจะสทอ แห มากแค่ไหน แต่ด้วยความที่ฉันเป็นผู้หยิง พวกนายต้องทำเป็นหูทวนลม ไม่รับรู้ และต้อง "ให้เกียรติ" โดยการที่ปล่อยให้ฉัน สทอ แห ไปเรื่อยๆ
อะไรแบบนั้น
หมายเหตุ: ขอย้ำว่า พูดประเด็นเดียวกับ จขกท ทุกอย่างที่กล่าวมา [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
มันก็จริงอยู่หรอกที่ว่า หากใครไม่นิยมสาวพรหมจรรย์ และไม่ให้เกียรติเธอมากพอ ก็ไม่ควรไปจีบ ไปสู่ขอ
และก็ไม่สมควรจะไปวิพากษ์ วิจารณ์อะไรคนที่เขายอมรับได้ เพราะสมัยนี้แล้ว คนมีรสนิม หรือธรรมเนียมปฏิบัติ ต่างไปจากยุคหรือสมัยก่อน
ที่มีความเชื่อว่า สตรี จะต้องอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือนเท่านั้น
บางครอบครัว อยู่กินกันก่อนแต่งงาน บางครอบครัว ไม่คิดจะแต่งงาน ด้วยภาระผูกพันมากมาย แค่จดทะเบียน หรืออยู่กินกัน
โดยครอบครัวรับรู้
แต่!!!
อย่างไรก็ดี ยังไม่ค่อยเห็นบ้านไหน ที่ แอบมี สามี หรือ ภรรยา นอกบ้านโดยที่พ่อแม่ไม่รู้ หรือ ลักลอบมีเรื่องชู้สาว แล้วคนทั่วไปจะรับได้นะ
ยิ่งถ้าทำให้มีปัญหาตามมา ยิ่งทำให้ถูกเหยียดหยาม ดูถูกเข้าไปใหญ่
นั่นหมายถึง แม้คุณจะไม่แต่งงานกัน แต่หากอยู่กินฉัน สามี ภรรยา ให้เกียรติกัน แม้ไม่ได้มีการสู่ขอ แต่งงาน ก็เป็นสิ่งที่สังคมยอมรับได้
แต่ในกรณีที่ ลักลอบอยู่กินกัน แล้วอาจจะเกิด "ท้องก่อนแต่ง" ต่อให้มาแต่งงานภายหลัง สังคมก็ยังรับไม่ค่อยได้ อย่างน้อยก็ต้องถูกวิจารณ์
เพราะเหมือนเขายัง "ไม่พร้อมจะรับผิดชอบ" แต่ต้องแต่งงานเพราะเกิด "พลาด" แล้ว
สำหรับเราในกรณีนี้ สงสารครอบครัว หรือเด็กที่จะเกิดมา อาจจะเป็นภาระของสังคมได้ หาก พ่อแม่ ไม่พร้อมจะมีบุตร
กลับมาที่ จขกท ที่ "สงสัย" ในพรหมจรรย์ ของหญิง ที่ "ประกาศ" ต่อสาธารณะชนว่า "ยังไม่ได้แต่งงาน" แต่ความประพฤตินั้น
อยู่กินกับ ผช [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ มาถึง 4 ปี
หากชาวบ้านชาวช่องรู้เห็นว่าอยู่กินกัน กินอยู่กับปาก อยากอยู่กับท้องแล้วยังร้องเรียกสินสมรส หรือการสู่ขอ ย่อมหมายถึง หญิงนั้น ต้องการให้เป็นที่ยอมรับของครอบครัวและสังคม ในแบบ "ธรรมเนียมปฏิบัติ"
ดังนี้แล้ว เรามองว่า ในเมื่อคุณเอง "ไม่ใส่ใจและไม่ให้ราคาในธรรมเนียมปฏิบัติ" ตั้งแต่แรกแล้ว จะมาถามหา ให้อีกฝ่ายทำตามธรรมเนียมทำไม
มันตรงกับคำไทยที่ว่า "ใส่ตระกร้าล้างน้ำ" ชัดๆ
หรือ
ถามว่า ถ้านางไม่ออกมาประกาศว่า "ยังไม่มีใครมาสู่ขอ" ชาวบ้าน ก็คงแค่ รับรู้อย่างสมยอมไปเรื่อยๆ
แต่เมือมีคนถามว่าแต่งงานรึยัง กลับตอบว่า "ฉันยังไม่มีใครมาสู่ขอนะยะ"
มันก็เลยเป็นคำถามว่า จะต้อง สทอ แห กันไปทำไม
เรื่องที่เห็นตำตา ยังไม่ยอมรับว่าทำ แล้วที่ไม่เห็น จะให้ไปยอมรับได้เหรอ?
นี่คือคำถามของ ผช คนนึงว่า "จะเชื่อใจเธอได้หรือไม่"
ไม่ใช่แต่งงานแล้ว โผล่เรือพ่วงมา 1-2 คน เล่นเอาแม่สามีลมใส่แน่นอน (ก็บอกว่า ยังไม่มีใครมาสู่ขอ ไม่ได้บอกว่า ยังไม่มีลูกนี่นา!!)
ดังนั้น คำถามของ จขกท เรายังไม่เห็นว่า เป็นการหยามศักดิ์ศรีอะไรเท่าไหร่
แต่ถ้าเรียกว่า ปากบอน ก็พอเรียกได้
คริคริ
แต่พวกที่ว่า "ถามคือเลว"เนี่ย ทำให้คิดๆว่า สังคมรอบข้าง เขาคงมีคนที่ "แอบ/ลักลอบ" หรือกระทั่งตัวเอง อาจจะชอบลักลอบมากไป เลยคิดว่าเป็นของธรรมดา และไม่เสื่อมเสีย แถมยังควรยกย่องเชิดชูให้เท่าๆกับคนที่เขาทำตามธรรมเนียมปฏิบัติอีก
ถ้าคิดแบบนั้น คนที่เขายึดมั่นในธรรมเนียม กลายเป็นคน โง่เง่า และงมงายไปเลยสิ
เพราะมันแต่เชื่อในสิ่งที่ "ไม่มีใครถามหาแล้ว" ในทุกวันนี้
ปล ยิ่งทำให้นึกถึงพวกทำตัวเสี่ยงผิดสิลธรรม แต่ชอบเอาเพศสภาพมาอ้าง
หรือเอาเพศสภาพมาอ้าง เพื่อด่าทอคนวิจารณ์
หรือแม้แต่พวกที่มือถือสาก ปากถือศิล ประมาณว่า ฉันจะสทอ แห มากแค่ไหน แต่ด้วยความที่ฉันเป็นผู้หยิง พวกนายต้องทำเป็นหูทวนลม ไม่รับรู้ และต้อง "ให้เกียรติ" โดยการที่ปล่อยให้ฉัน สทอ แห ไปเรื่อยๆ
อะไรแบบนั้น
หมายเหตุ: ขอย้ำว่า พูดประเด็นเดียวกับ จขกท ทุกอย่างที่กล่าวมา [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ความคิดเห็นที่ 32
คิดอยู่ในใจว่ากระทู้นี้ยิ่งขึ้นหิ้งกระทู้แนะนำนานเท่าไหร่ก็ยิ่งประจานบางคนที่อยากทำตัวเป็นเทพบุตรต๊ะติ๊งโหน่งไปเท่านั้น กว่าจะรู้ตัว..ถอนโหวตกันแทบไม่ทัน
เคยเปรียบเปรยผู้หญิงทำตัวเป็นโสเภณี
เคยข่มขู่ว่าจะลงแขกลูกสาวคนอื่น
เคยด่าผู้หญิงว่าแพศยา
เคยนอกใจภรรยา เพื่อนสนิทของภรรยาก็ไม่เว้น
เคยอวดอ้างว่ามีเมียลำดับนั้น ลำดับนี้
ถ้าอายคนไม่เป็น ก็รู้จักอายแมวน้ำบ้างเถอะ
เคยเปรียบเปรยผู้หญิงทำตัวเป็นโสเภณี
เคยข่มขู่ว่าจะลงแขกลูกสาวคนอื่น
เคยด่าผู้หญิงว่าแพศยา
เคยนอกใจภรรยา เพื่อนสนิทของภรรยาก็ไม่เว้น
เคยอวดอ้างว่ามีเมียลำดับนั้น ลำดับนี้
ถ้าอายคนไม่เป็น ก็รู้จักอายแมวน้ำบ้างเถอะ
แสดงความคิดเห็น
....จดหมายเปิดผนึก ถึงพี่ศิราณี..../วัชรานนท์
ผมมีความข้องใจเกี่ยวกับสถานะความโสดของคนๆ หนึ่ง ที่ผมเกิดความลังเลใจว่าจะไปสู่ขอหรือไม่ ขอสมมุติชื่อเธอว่า "นันทิดา" ก็แล้วกันนะครับ (ส่วนชื่อเล่นของเธอคงไม่จำเป็น) คือเมื่อไม่นานมานี้ครับพี่ศิราณี คุณนันทิดาเธอพูดในทำนองว่าถ้ายังไม่มีใครมาสู่ขอเธอๆ ก็แต่งงานไม่ได้ ประการแรก คือผมไม่ทราบแน่ชัดว่าที่คุณนันทิดาพูดอย่างนั้น ต้องการให้เร่งรัดให้ใครมาสู่ขอ? หรือกำลังทวงสัญญาให้ใครรีบมาสู่ขอตามที่มั่นหมายกันเอาไว้แล้ว?
ประการที่สอง ฟังโทนเสียงที่คุณนันทิดาพูดแล้ว ผมออกจะสับสนและแปลกใจอยู่ไม่น้อย คุณนันทิดากำลังพูดเหมือนกับว่าตัวคุณนันทิดาเองยังไม่ได้ผ่านการแต่งงานเลยครับพี่ศิราณี และพูดเหมือนกับว่าทุกอย่างควรเป็นไปตามประเพณีและพิธีรีตอง ทั้งๆ ที่คนทั้งตำบลรู้กันดีว่า เมื่อสี่ปีที่แล้วคุณนันทิดาเธอได้แหวกม่านประเพณีและข้ามพิธีรีตอง จัดพิธีแต่งงานให้กับตัวเองโดยไม่ต้องรอให้คนมาสู่ขอเลย แต่มาวันนี้คุณนันทิดากลับบอกว่าต้องรอให้คนมาสู่ขอเสียก่อน.?? ผมมีคำถามกับพี่ศิราณีดังนี้ครับ
๑. พี่ศิราณีคิดว่าคุณนันทิดาเธอยังเป็นพรมจรรย์อยู่ไหมครับ?
๒. ผมควรจะไว้ใจเธอได้มากน้อยขนาดไหนครับ?
ขอขอบคุณพี่ศิราณีล่วงหน้าสำหรับคำตอบนะครับ
จาก "หนุ่มอุดรฯ"