จากการที่ JK ปรับเปลี่ยนสไตล์การเล่น หันมาเน้นรัดกุมมากกว่าเก่า แม้จะทำให้ความเร้าใจในเกมส์รุก หดหายไปบ้าง ประกอบกับในช่วงแรกๆที่แนวรุกพากันฟอร์มฝืด บรรยากาศการชมเกมส์จึงเต็มไปด้วยความอึดอัด แต่ก็ยังได้โชคได้ดวงมาทดแทนในเวลาที่เหมาะเจาะ และมันก็ช่วยกรุยหนทางนำลิเวอร์พูลขึ้นสู่จ่าฝูงจนได้
ลองไล่นับนิ้วดูเล่นๆ จะรู้ว่าดวงได้ช่วยโกยแต้มหรือเซฟแต้มสำคัญๆ ให้ลิเวอร์พูลได้เป็นกอบเป็นกำ
อย่างนัดแรกๆของฤดูกาลที่ไปเยือนสเปอร์แล้วโรเบิร์ตสันไปสะกิดคู่ต่อสู้ล้มลงในกรอบเขตโทษ แต่แล้วก็รอดจากการเสียจุดโทษมาซะเฉยๆ และกลายเป็นว่าสุดท้ายก็เก็บชัยชนะมาจากเล้าไก่ ในแบบที่แฟนๆไก่พากันเซ็งทั้งสนาม เพราะพวกเขาเองก็สู้ลิเวอร์พูลได้ในเกมส์นั้น
หรืออย่างนัดที่เปิดบ้านเจอ ซิตี้ แล้วเสียจุดโทษในช่วงท้ายเกมส์ แต่ ดวงก็ทำให้ ริยาด มาเรซ ตัวสังหารจุดโทษตีนบอดของซิตี้ เดินไปขอยิงจุดโทษเอง ทั้งๆที่ช่วงหลังก็ยิงได้ห่วยอย่างต่อเนื่อง แล้วก็ยิงหลุดกรอบไปนอกโลกแบบดื้อๆ ทำให้ลิเวอร์พูลรอดพ้นความผ่ายแพ้มาได้แบบงงๆ
หรือเอาลูกที่ได้มาแบบไม่คาใจ ว่ามันคือดวงแน่ๆ ก็ลูกที่เกิดในเกมส์ เมอร์ซีไซต์ ดาร์บี้ ที่ฟานไดร์ ส่องไกลแบบไดรว์ชู้ต แล้วบอลไปตกบนคานแบบงงๆ ก่อนจะตกมาลงบนกะบาลของโอริกี้แบบเฮงๆ และทำให้ ผู้รักษาประตูอย่าง พิคฟอร์ด สุดเซ็ง ที่ตนเองต้องมาเสียประตูกับลูกแบบนี้ ในนาทีสุดท้ายของการต่อเวลา
ส่วนไอ้ลูกประเภทที่ ไม่เสียประตู เพราะกรรมการเป่าพลาด หรือได้ประตูจากความผิดพลาดที่กรรมการไม่เป่า ก็มีเห็นกันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งคงไม่ลงรายละเอียด เพราะคนที่ดูหงส์บ่อยๆ น่าจะพอนึกออกกันอยู่ และเมื่อย้อนดูผลงานที่ผ่านมาแบบนี้แล้ว ก็คงไม่มีใครหน้าไหน กล้าพูดได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่า ที่ลิเวอร์พูลมาอยู่จุดสูงสุดของตารางได้ ไม่ได้อาศัยดวงเป็นส่วนประกอบช่วย
แต่อย่างที่บอกไปในกะทู้ก่อน ว่าทุกคนก็รู้ว่าดวงมันไม่ได้มีกันทุกวัน
ดังนั้นการจะไปให้ถึงฝันจะอาศัยแต่ดวงไม่ได้ มันต้องอาศัยฝีมือฝีตีนด้วย ซึ่งก็ยังดี ที่ในจุดนี้ ลิเวอร์พูลเองก็มีศักยภาพอยู่เหมือนกัน แม้ฟอร์มจะแก่วงๆไปบ้างในช่วงแรก แต่จาก 2-3 นัดล่าสุด มันคลับคล้ายคลับคลา ว่า ทีมเดิมในปีก่อนที่เกมส์รุกร้อนแรงเริ่มๆจะกลับมาแล้วเมื่อเจอระบบที่ใช่สำหรับตัวเองในตอนนี้ ซาล่าห์กลับมาคืนฟอร์มอีกครั้ง เฟอร์มิโน่ก็กลับมาทำประตูได้ มาเน่อาจจะเงียบๆไปนิด เพราะช่วงหลังๆเขาไม่ฟิตและได้โอกาสลงสนามน้อยด้วย แต่ก็ได้ความวูบวาบของสองนักเตะใหม่อย่างชากีรี่กับเกอิต้าเข้ามาเติมเต็ม แถมแนวรับยังพีคกว่าปีก่อนขึ้นจมหู เงินร้อยกว่าล้านปอนด์ที่แลกไปกับการได้ตัว เวอร์จิล ฟานไดร์ กับ อลิสซอน เบ็คเกอร์มา ไม่มีใครกล้าตั้งคำถามกับการตัดสินใจซื้อของคล้อปในเวลานี้ และผลงานที่อยู่ในตารางเวลานี้ ก็บ่งบอกได้ดี ว่าปีนี้ทีมลิเวอร์พูลของเจอร์เก้น คล้อป พร้อมแล้วสำหรับการเริ่มไล่ล่าตามหาความสำเร็จ
พล่ามมาตั้งนานยังไม่เข้าประเด็นที่ตั้งไว้บนหัวกะทู้เลย 55+
ซึ่งจริงๆ มันก็ไม่มีอะไรมากไปกว่า ความต้องการในชัยชนะในแบบที่หวังผลได้ ยิ่งในนัดสำคัญที่มาขวางกั้นอยู่ตรงหน้า มีความคาดหวังสูง ทุกคนไม่ว่าจะกองเชียร์ นักเตะ หรือผู้จัดการทีม ต่างก็อยากได้หนทางที่นำมาซึ่งชัยชนะ โดยไม่ต้องหวังเพิ่งโชคหรือวาสนา
ซึ่งสิ่งที่ทำให้เกิดผลเช่นนั้นได้ นอกจากคุณภาพฝีเท้าของตัวนักเตะแล้ว คือ ระบบทีมและแผนการเล่น
ปีนี้ คล้อปได้ลองใช้ระบบ มา 3 รูปแบบแล้ว คือ 4-3-3 แผนยืนพื้นในปีก่อน 4-2-3-1 แผนใหม่ที่เพิ่มความรัดกุมในเกมส์รับเข้าไป และแผนล่าสุด 4-4-2 ใน 2 นัดล่าสุด ที่เพิ่มมิติเกมส์รุกมากขึ้นด้วยศูนย์หน้าคู่ แก้เกมส์ทีมเล็กที่หันไปตั้งรับลึกแล้วรอสวน ซึ่งเหมือนจะได้ผลเริ่มผลิตสกอร์ได้แบบไม่อึดอัด แต่หากจะชี้วัดว่าระบบใดใช้ได้ผลจริงหรือไม่ มันต้องวัดผลกับเกมส์ที่มีความหมาย ภายใต้คู่แข่งที่ระดับคุณภาพใกล้เคียงกัน และตอนนี้ก็มีโปรแกรมสำคัญรอให้ทดสอบอยู่พอดี
ตอนนี้แฟนๆลิเวอร์พูลก็รู้ว่ามี 2 นัดสำคัญติดกัน แต่กะทู้นี้จะว่าถึงนัดเดียว คือนัดกับ นาโปลี ที่มีเดิมพันเป็นเงินรางวัลในถ้วย UCL ซึ่งการเข้ารอบหรือตกรอบ ส่วนแบ่งรางวัลต่างกันอย่างต่ำๆก็ 10 ล้านปอนด์ขึ้น มันจึงมีความสำคัญกับทีมอยู่มาก แต่จากเงื่อนไขที่ต้องชนะนาโปลี 2 ลูกขึ้นไป มันจึงไม่ใช่เรื่องง่าย แม้จะได้เปรียบที่เล่นในบ้าน เพราะหากประตูแรกมาไม่เร็วแล้วล่ะก็ เวลาทุกนาทีที่ผ่านไปจะเพิ่มความกดดันให้กับผู้เล่นหงส์แดงเป็นลำดับ ดังนั้นการวางแผนปรับตัวผู้เล่นในตอนแรกจึงสำคัญมาก ต้องใส่ผู้เล่นที่พร้อมเข้าทำเกมส์รุกแบบเต็มอัตราศึก จะมารอหวังแต่ดวงคงไม่ได้
และตามความคิดของ จขกท.
ไม่ว่าจะเล่นแผน 4-3-3 หรือ 4-2-3-1 หรือ 4-4-2 ที่ใช้ในสองเกมส์ล่าสุดในเกมส์นี้ก็ไม่ควรมีชื่อ เฮนเดอร์สันเป็นตัวจริง จะส่งลงช่วงท้ายมาปิดเกมส์หลังจากได้จำนวนประตูที่ต้องการแล้วก็ได้ หรือจะไปใส่เป็น 11 ตัวจริงในนัดต่อไปนัดแดงเดือดก็ได้ แต่ไม่ควรใส่ในนัดที่ต้องการประตูและมีเดิมพันสูงแบบนี้ ด้วยเหตุเพราะว่า กัปตันเป็นมิดฟิลด์ที่ขึ้นเกมส์ไม่ได้ หรือเป็นประเภทไม่ยอมขึ้นเกมส์เองก็เถอะ ถึงจะมีความแน่นอนในเกมส์รับ
แต่กับเกมส์นี้การแปะไปแปะมามันจะทำลายประสิทธิภาพของการโต้กลับเร็วของทีมตัวเอง ทำลายทีเด็ดทีขาดจากความเร็วของมาเน่ หรือซาล่าห์ พวกจรวดทางเรียบไม่เคยเปล่งประกายได้เลย หากบอลอยู่กับเท้าของเฮนโด้ ตัวที่ควรรับหน้าที่นี้ คือ ไวนาดุม หากเล่น 4-3-3 และยืนคู่ ฟาบินโญ่ ในกรณีที่เล่น 4-2-3-1 แต่ถ้าเล่น 4-4-2 ใช้ ฟาบินโญ่คู่เกอิต้าเหมาะกว่าเพราะทั้งเกอิต้าและฟาบี้ยังพอมีการโชว์สกิลขึ้นบอลสวยๆให้เห็นอยู่บ้าง ส่วนตัวรุกด้านข้างก็เลือกจิ้มเอาเลย จะใช้ ชากีรี่ มิลเนอร์หรือถอย บ็อบบี้ลงมา ใช้ซาล่าห์ยืนค้ำ หรือยัด สเตอริดจ์ลงมา ใช้ซาล่าห์ มาเน่โจมตีจากปีก มีหลากออฟชั่นให้เลือกสุดแต่ JK จะเห็นควร
อีกตำแหน่งที่รู้สึกอยากให้เปลี่ยนแปลงในนัดนี้ คือ แบ๊คขวา ที่อยากให้ใช้ตัวเก๋าอย่างมิลเนอร์ เล่นมากกว่า เหมือนในแมทล่าสุด แม้ฟอร์มของเทรน อาโนลด์จะดีขึ้นจากที่ฟอร์มตกไปก่อนหน้านี้แล้ว แต่ในเกมส์ที่ทุกจังหวะมีความสำคัญแบบนี้ มันจะดีกว่า ถ้าการเปิดบอลจากด้านข้างมีความแน่นอน และหวังเพิ่งได้เลย โดยไม่ต้องอาศัยการเจริญภาวนา อธิฐานขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์

ตามไลน์อัพที่ จขกท. คิดไว้ เป็นแบบนี้ โดยยึดเอา ระบบ 4-4-2 ที่เพิ่งใช้แค่ 2 นัด และเป็น 2 นัดล่าสุด เพราะดูมันจะเวิร์คกับทีมชุดนี้ เห็นได้จากการกลับมายิงประตูได้เป็นกอบเป็นกำอีกครั้ง(สองนัด 7 ประตู) เมื่อซาล่าห์ไม่ต้องยืนค้ำอยู่อย่างโดดเดี่ยว ดูซาล่าห์จะกลับมาอันตรายและทำได้ดีอีกครั้ง การที่มีเฟอร์มิโน่มายืนเป็นหน้าต่ำคอยซัพพอร์ตอยู่เคียงข้าง ก็ทำให้เฟอร์มิโน่เองก็กลับมาอันตรายเหมือนกัน เพราะมีซาล่าห์คอยทำช่องเปิดทางให้ ระบบการเล่นนี้ ดูจะโดนใจ จขกท.มากกว่าระบบ 4-2-3-1 ที่ JK ลองเริ่มเปลี่ยนมาใช้ในฤดูกาลนี้ เช่นกัน แม้จะรับแน่นแต่มันก็ทำให้เกมส์รุกดูอึดอัด จะด้วยเหตุว่าบรรดาแนวรุกพร้อมใจกันฝืดก็พูดได้ไม่เต็มปาก เพราะทันทีที่เปลี่ยนมาเล่น 4-4-2 แนวรุกกลับมาโหดขึ้นทันตาเห็น ทั้งๆที่ก็ยังมีจ่ายผิดพลาดเหมือนก่อนหน้านี้ แต่เกมส์กลับลื่นไหลกว่าเคย ดังนั้นที่
ก่อนหน้านี้เคยอึดอัดเป็นเพราะแผนการเล่นที่มันไม่เหมาะสมกับธรรมชาติของตัวนักเตะในทีม ไม่ใช่นัดกันฟอร์มตกหรือเปล่า..? อันนี้ก็น่าคิด
แล้วท่านที่เข้ามาอ่านล่ะครับ คิดเห็นอย่างไร ดวงยังมีส่วนสำคัญไหม ระบบของ JK ที่ท่านชอบเป็นแบบไหน ไลน์อัพที่ท่านอยากให้หงส์แดงจัด หรือคิดว่าจะจัดเป็นแบบไหน ลองแลกเปลี่ยนกันดูครับ
อ๋อ เกือบลืมประโยคเด็ดประจำกะทู้ที่พล่ามยาวๆ แต่มีเป้าหมายแค่ ไม่กี่บรรทัด ซึ่งก็ต้องบอกว่า สำหรับนัดถัดไปที่ต้องเจอกับบางทีมที่เล่นกันโดยมีจุดประสงค์เพื่อสุขภาพหรือเปล่าก็ไม่รู้นั้น
สิ่งเดียวที่น่ากลัวของพวกเขา คือ ความตลกครับ และพวกเขาอาจจะมาทำให้เรา ขำกันจนตายก็ได้ เพราะพวกเขา ตลกจริงๆ ซึ่งต้องขึ้นคำเตือนกันล่วงหน้าไว้เลยว่า คนเส้นตื้นและสตรีมีครรภ์ไม่ควรรับชมการแข่งขันของทีมนั้นนะครับ อยากเตือนด้วยความปรารถนาดี อิ..อิ..อิ..อิ
ลิเวอร์พูลกับระบบที่ใช่(รึเปล่า) กับชัยชนะเหมือนเก่าที่ต้องการมากกว่าดวง
จากการที่ JK ปรับเปลี่ยนสไตล์การเล่น หันมาเน้นรัดกุมมากกว่าเก่า แม้จะทำให้ความเร้าใจในเกมส์รุก หดหายไปบ้าง ประกอบกับในช่วงแรกๆที่แนวรุกพากันฟอร์มฝืด บรรยากาศการชมเกมส์จึงเต็มไปด้วยความอึดอัด แต่ก็ยังได้โชคได้ดวงมาทดแทนในเวลาที่เหมาะเจาะ และมันก็ช่วยกรุยหนทางนำลิเวอร์พูลขึ้นสู่จ่าฝูงจนได้
อย่างนัดแรกๆของฤดูกาลที่ไปเยือนสเปอร์แล้วโรเบิร์ตสันไปสะกิดคู่ต่อสู้ล้มลงในกรอบเขตโทษ แต่แล้วก็รอดจากการเสียจุดโทษมาซะเฉยๆ และกลายเป็นว่าสุดท้ายก็เก็บชัยชนะมาจากเล้าไก่ ในแบบที่แฟนๆไก่พากันเซ็งทั้งสนาม เพราะพวกเขาเองก็สู้ลิเวอร์พูลได้ในเกมส์นั้น
หรืออย่างนัดที่เปิดบ้านเจอ ซิตี้ แล้วเสียจุดโทษในช่วงท้ายเกมส์ แต่ ดวงก็ทำให้ ริยาด มาเรซ ตัวสังหารจุดโทษตีนบอดของซิตี้ เดินไปขอยิงจุดโทษเอง ทั้งๆที่ช่วงหลังก็ยิงได้ห่วยอย่างต่อเนื่อง แล้วก็ยิงหลุดกรอบไปนอกโลกแบบดื้อๆ ทำให้ลิเวอร์พูลรอดพ้นความผ่ายแพ้มาได้แบบงงๆ
หรือเอาลูกที่ได้มาแบบไม่คาใจ ว่ามันคือดวงแน่ๆ ก็ลูกที่เกิดในเกมส์ เมอร์ซีไซต์ ดาร์บี้ ที่ฟานไดร์ ส่องไกลแบบไดรว์ชู้ต แล้วบอลไปตกบนคานแบบงงๆ ก่อนจะตกมาลงบนกะบาลของโอริกี้แบบเฮงๆ และทำให้ ผู้รักษาประตูอย่าง พิคฟอร์ด สุดเซ็ง ที่ตนเองต้องมาเสียประตูกับลูกแบบนี้ ในนาทีสุดท้ายของการต่อเวลา
ส่วนไอ้ลูกประเภทที่ ไม่เสียประตู เพราะกรรมการเป่าพลาด หรือได้ประตูจากความผิดพลาดที่กรรมการไม่เป่า ก็มีเห็นกันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งคงไม่ลงรายละเอียด เพราะคนที่ดูหงส์บ่อยๆ น่าจะพอนึกออกกันอยู่ และเมื่อย้อนดูผลงานที่ผ่านมาแบบนี้แล้ว ก็คงไม่มีใครหน้าไหน กล้าพูดได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่า ที่ลิเวอร์พูลมาอยู่จุดสูงสุดของตารางได้ ไม่ได้อาศัยดวงเป็นส่วนประกอบช่วย
แต่อย่างที่บอกไปในกะทู้ก่อน ว่าทุกคนก็รู้ว่าดวงมันไม่ได้มีกันทุกวัน ดังนั้นการจะไปให้ถึงฝันจะอาศัยแต่ดวงไม่ได้ มันต้องอาศัยฝีมือฝีตีนด้วย ซึ่งก็ยังดี ที่ในจุดนี้ ลิเวอร์พูลเองก็มีศักยภาพอยู่เหมือนกัน แม้ฟอร์มจะแก่วงๆไปบ้างในช่วงแรก แต่จาก 2-3 นัดล่าสุด มันคลับคล้ายคลับคลา ว่า ทีมเดิมในปีก่อนที่เกมส์รุกร้อนแรงเริ่มๆจะกลับมาแล้วเมื่อเจอระบบที่ใช่สำหรับตัวเองในตอนนี้ ซาล่าห์กลับมาคืนฟอร์มอีกครั้ง เฟอร์มิโน่ก็กลับมาทำประตูได้ มาเน่อาจจะเงียบๆไปนิด เพราะช่วงหลังๆเขาไม่ฟิตและได้โอกาสลงสนามน้อยด้วย แต่ก็ได้ความวูบวาบของสองนักเตะใหม่อย่างชากีรี่กับเกอิต้าเข้ามาเติมเต็ม แถมแนวรับยังพีคกว่าปีก่อนขึ้นจมหู เงินร้อยกว่าล้านปอนด์ที่แลกไปกับการได้ตัว เวอร์จิล ฟานไดร์ กับ อลิสซอน เบ็คเกอร์มา ไม่มีใครกล้าตั้งคำถามกับการตัดสินใจซื้อของคล้อปในเวลานี้ และผลงานที่อยู่ในตารางเวลานี้ ก็บ่งบอกได้ดี ว่าปีนี้ทีมลิเวอร์พูลของเจอร์เก้น คล้อป พร้อมแล้วสำหรับการเริ่มไล่ล่าตามหาความสำเร็จ
พล่ามมาตั้งนานยังไม่เข้าประเด็นที่ตั้งไว้บนหัวกะทู้เลย 55+
ซึ่งจริงๆ มันก็ไม่มีอะไรมากไปกว่า ความต้องการในชัยชนะในแบบที่หวังผลได้ ยิ่งในนัดสำคัญที่มาขวางกั้นอยู่ตรงหน้า มีความคาดหวังสูง ทุกคนไม่ว่าจะกองเชียร์ นักเตะ หรือผู้จัดการทีม ต่างก็อยากได้หนทางที่นำมาซึ่งชัยชนะ โดยไม่ต้องหวังเพิ่งโชคหรือวาสนา ซึ่งสิ่งที่ทำให้เกิดผลเช่นนั้นได้ นอกจากคุณภาพฝีเท้าของตัวนักเตะแล้ว คือ ระบบทีมและแผนการเล่น
ปีนี้ คล้อปได้ลองใช้ระบบ มา 3 รูปแบบแล้ว คือ 4-3-3 แผนยืนพื้นในปีก่อน 4-2-3-1 แผนใหม่ที่เพิ่มความรัดกุมในเกมส์รับเข้าไป และแผนล่าสุด 4-4-2 ใน 2 นัดล่าสุด ที่เพิ่มมิติเกมส์รุกมากขึ้นด้วยศูนย์หน้าคู่ แก้เกมส์ทีมเล็กที่หันไปตั้งรับลึกแล้วรอสวน ซึ่งเหมือนจะได้ผลเริ่มผลิตสกอร์ได้แบบไม่อึดอัด แต่หากจะชี้วัดว่าระบบใดใช้ได้ผลจริงหรือไม่ มันต้องวัดผลกับเกมส์ที่มีความหมาย ภายใต้คู่แข่งที่ระดับคุณภาพใกล้เคียงกัน และตอนนี้ก็มีโปรแกรมสำคัญรอให้ทดสอบอยู่พอดี
ตอนนี้แฟนๆลิเวอร์พูลก็รู้ว่ามี 2 นัดสำคัญติดกัน แต่กะทู้นี้จะว่าถึงนัดเดียว คือนัดกับ นาโปลี ที่มีเดิมพันเป็นเงินรางวัลในถ้วย UCL ซึ่งการเข้ารอบหรือตกรอบ ส่วนแบ่งรางวัลต่างกันอย่างต่ำๆก็ 10 ล้านปอนด์ขึ้น มันจึงมีความสำคัญกับทีมอยู่มาก แต่จากเงื่อนไขที่ต้องชนะนาโปลี 2 ลูกขึ้นไป มันจึงไม่ใช่เรื่องง่าย แม้จะได้เปรียบที่เล่นในบ้าน เพราะหากประตูแรกมาไม่เร็วแล้วล่ะก็ เวลาทุกนาทีที่ผ่านไปจะเพิ่มความกดดันให้กับผู้เล่นหงส์แดงเป็นลำดับ ดังนั้นการวางแผนปรับตัวผู้เล่นในตอนแรกจึงสำคัญมาก ต้องใส่ผู้เล่นที่พร้อมเข้าทำเกมส์รุกแบบเต็มอัตราศึก จะมารอหวังแต่ดวงคงไม่ได้
และตามความคิดของ จขกท. ไม่ว่าจะเล่นแผน 4-3-3 หรือ 4-2-3-1 หรือ 4-4-2 ที่ใช้ในสองเกมส์ล่าสุดในเกมส์นี้ก็ไม่ควรมีชื่อ เฮนเดอร์สันเป็นตัวจริง จะส่งลงช่วงท้ายมาปิดเกมส์หลังจากได้จำนวนประตูที่ต้องการแล้วก็ได้ หรือจะไปใส่เป็น 11 ตัวจริงในนัดต่อไปนัดแดงเดือดก็ได้ แต่ไม่ควรใส่ในนัดที่ต้องการประตูและมีเดิมพันสูงแบบนี้ ด้วยเหตุเพราะว่า กัปตันเป็นมิดฟิลด์ที่ขึ้นเกมส์ไม่ได้ หรือเป็นประเภทไม่ยอมขึ้นเกมส์เองก็เถอะ ถึงจะมีความแน่นอนในเกมส์รับ แต่กับเกมส์นี้การแปะไปแปะมามันจะทำลายประสิทธิภาพของการโต้กลับเร็วของทีมตัวเอง ทำลายทีเด็ดทีขาดจากความเร็วของมาเน่ หรือซาล่าห์ พวกจรวดทางเรียบไม่เคยเปล่งประกายได้เลย หากบอลอยู่กับเท้าของเฮนโด้ ตัวที่ควรรับหน้าที่นี้ คือ ไวนาดุม หากเล่น 4-3-3 และยืนคู่ ฟาบินโญ่ ในกรณีที่เล่น 4-2-3-1 แต่ถ้าเล่น 4-4-2 ใช้ ฟาบินโญ่คู่เกอิต้าเหมาะกว่าเพราะทั้งเกอิต้าและฟาบี้ยังพอมีการโชว์สกิลขึ้นบอลสวยๆให้เห็นอยู่บ้าง ส่วนตัวรุกด้านข้างก็เลือกจิ้มเอาเลย จะใช้ ชากีรี่ มิลเนอร์หรือถอย บ็อบบี้ลงมา ใช้ซาล่าห์ยืนค้ำ หรือยัด สเตอริดจ์ลงมา ใช้ซาล่าห์ มาเน่โจมตีจากปีก มีหลากออฟชั่นให้เลือกสุดแต่ JK จะเห็นควร
อีกตำแหน่งที่รู้สึกอยากให้เปลี่ยนแปลงในนัดนี้ คือ แบ๊คขวา ที่อยากให้ใช้ตัวเก๋าอย่างมิลเนอร์ เล่นมากกว่า เหมือนในแมทล่าสุด แม้ฟอร์มของเทรน อาโนลด์จะดีขึ้นจากที่ฟอร์มตกไปก่อนหน้านี้แล้ว แต่ในเกมส์ที่ทุกจังหวะมีความสำคัญแบบนี้ มันจะดีกว่า ถ้าการเปิดบอลจากด้านข้างมีความแน่นอน และหวังเพิ่งได้เลย โดยไม่ต้องอาศัยการเจริญภาวนา อธิฐานขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์
ตามไลน์อัพที่ จขกท. คิดไว้ เป็นแบบนี้ โดยยึดเอา ระบบ 4-4-2 ที่เพิ่งใช้แค่ 2 นัด และเป็น 2 นัดล่าสุด เพราะดูมันจะเวิร์คกับทีมชุดนี้ เห็นได้จากการกลับมายิงประตูได้เป็นกอบเป็นกำอีกครั้ง(สองนัด 7 ประตู) เมื่อซาล่าห์ไม่ต้องยืนค้ำอยู่อย่างโดดเดี่ยว ดูซาล่าห์จะกลับมาอันตรายและทำได้ดีอีกครั้ง การที่มีเฟอร์มิโน่มายืนเป็นหน้าต่ำคอยซัพพอร์ตอยู่เคียงข้าง ก็ทำให้เฟอร์มิโน่เองก็กลับมาอันตรายเหมือนกัน เพราะมีซาล่าห์คอยทำช่องเปิดทางให้ ระบบการเล่นนี้ ดูจะโดนใจ จขกท.มากกว่าระบบ 4-2-3-1 ที่ JK ลองเริ่มเปลี่ยนมาใช้ในฤดูกาลนี้ เช่นกัน แม้จะรับแน่นแต่มันก็ทำให้เกมส์รุกดูอึดอัด จะด้วยเหตุว่าบรรดาแนวรุกพร้อมใจกันฝืดก็พูดได้ไม่เต็มปาก เพราะทันทีที่เปลี่ยนมาเล่น 4-4-2 แนวรุกกลับมาโหดขึ้นทันตาเห็น ทั้งๆที่ก็ยังมีจ่ายผิดพลาดเหมือนก่อนหน้านี้ แต่เกมส์กลับลื่นไหลกว่าเคย ดังนั้นที่ก่อนหน้านี้เคยอึดอัดเป็นเพราะแผนการเล่นที่มันไม่เหมาะสมกับธรรมชาติของตัวนักเตะในทีม ไม่ใช่นัดกันฟอร์มตกหรือเปล่า..? อันนี้ก็น่าคิด
แล้วท่านที่เข้ามาอ่านล่ะครับ คิดเห็นอย่างไร ดวงยังมีส่วนสำคัญไหม ระบบของ JK ที่ท่านชอบเป็นแบบไหน ไลน์อัพที่ท่านอยากให้หงส์แดงจัด หรือคิดว่าจะจัดเป็นแบบไหน ลองแลกเปลี่ยนกันดูครับ
อ๋อ เกือบลืมประโยคเด็ดประจำกะทู้ที่พล่ามยาวๆ แต่มีเป้าหมายแค่ ไม่กี่บรรทัด ซึ่งก็ต้องบอกว่า สำหรับนัดถัดไปที่ต้องเจอกับบางทีมที่เล่นกันโดยมีจุดประสงค์เพื่อสุขภาพหรือเปล่าก็ไม่รู้นั้น สิ่งเดียวที่น่ากลัวของพวกเขา คือ ความตลกครับ และพวกเขาอาจจะมาทำให้เรา ขำกันจนตายก็ได้ เพราะพวกเขา ตลกจริงๆ ซึ่งต้องขึ้นคำเตือนกันล่วงหน้าไว้เลยว่า คนเส้นตื้นและสตรีมีครรภ์ไม่ควรรับชมการแข่งขันของทีมนั้นนะครับ อยากเตือนด้วยความปรารถนาดี อิ..อิ..อิ..อิ