[CR] เก็บตก [#Review] Bohemian Rhapsody อยู่ให้คนรัก จากอย่างตำนาน เกือบพลาดหนังดีที่สุดเรื่องหนึ่งแห่งปีที่ต้องดูในโรงหนัง

ออกตัวก่อนเลย ผมไม่ใช่สาวกหรือแฟนคลับตัวยงของวง #QUEEN หรือ #FreddieMercury แต่อย่างใด  เพลงของวง QUEEN ที่ผมรู้จักมีแค่เพลง We are the Champion และ We will Rock You เท่านั้น เพียงแต่ว่าตั้งแต่ที่ผมได้ดูตัวอย่างหนังเรื่องนี้ มันเหมือนมีพลังอะไรบางอย่างบอกตัวผมว่า ต้องดูนะ เพราะมันช่างมีเสน่ห์ดึงดูดเหลือเกิน ไม่รู้ทำไม

Bohemian Rhapsody เล่าถึงเรื่องราวเบื้องลึกเบื้องหลังของบทเพลงของวง Queen ที่สร้างตำนานมานักต่อนัก และความไม่ธรรมดาของชายที่ชื่อว่า เฟรดดี้ เมอร์คิวรี นักร้องนำของวงผู้ท้าทายทัศนคติเดิมๆ ของผู้คน และกลายมาเป็นเอนเตอร์เทนเนอร์ที่มีคนรักและชื่นชมมากที่สุดคนหนึ่งของวงการเพลง กับการเล่าเรื่องผ่านท่วงทำนอง สัญลักษณ์ และสุ้มเสียงแห่งการปฏิวัติของวงดนตรีที่ชื่อ Queen ไปจนถึงช่วงชีวิตที่ เฟรดดี้ เมอร์คิวรี ต้องเผชิญหน้ากับความเจ็บป่วย ซึ่งนำไปสู่การแสดงสดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ดนตรีร็อค

เอาจริงๆ ช่วงแรกของหนังไม่ได้ต่างอะไรกับหนังอัตชีวประวัติของวงดนตรีอื่นๆ สักเท่าไหร่ หนังเล่าเรื่องราวความเป็นมาเป็นไปของวง QUEEN และความเป็นตัวตนของตัว Freddie Mercury เองอย่างค่อนข้างเจาะลึก (แต่ส่วนตัวผมว่ายังไม่ลึกเท่าที่น่าจะเป็น) และยังเจาะไปถึงที่มาที่ไปของเพลงดังของวงอีกหลายๆ เพลงที่ทำให้คนดูและแฟนๆ ของวงได้รู้ซึ้งและอินไปกับมัน

แน่นอนว่าเบื้องหลังความโด่งดังของวงร็อคในตำนาน ก็ต้องย่อมมีความขัดแย้งเหมือนทุกวง เพียงแต่หนังทำให้เราเห็นว่า การบุกน้ำลุยไฟด้วยกันมาตั้งแต่ต้น เปรียบเสมือนคนในครอบครัว อย่างน้อยเมื่อคนใดคนหนึ่งในวงเดินผผิดเส้นทาง แต่พร้อมที่จะกลับตัวกลับใจ คนในครอบครัวก็ย่อมต้องให้อภัย ซึ่งหนังทำออกมาได้ดีและดูอบอุ่นมาก

หนังอาจจะเน้นหนักไปที่ตัว Freddie ซึ่งเป็นตัวหลักและเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของวง ด้วยเพราะชีวิตที่สุดโต่งของเขาเอง และด้วยความเป็นอัจฉริยะทำให้คนดูรักในตัวละครตัวนี้แบบปฏิเสธไม่ได้ แต่ตัวละครตัวอื่นก็มีบทบาทสำคัญไม่แพ้กัน หนังทำให้เรารู้จัก โรเจอร์, ไบรอัน, ดีคกี้, และแมรี่ หญิงสาวคนเดียวในชีวิตที่ Freddy รักหมดใจ รวมไปถึง พอล ผู้เปรียบเสมือนคนทำลายชีวิตของเขาด้วย

หนังอาจจะเล่าเรื่องราวตามแนวทางของหนังแนวนี้ แต่ก้มีเสน่ห์ให้ติดตามตลอดทั้ง 2 ชั่วโมง 15 นาที แต่ที่พีคสุดๆ คือช่วงครึ่งชั่วโมงท้าย ที่หนังทำให้เห็นถึงชีวิตที่กำลังเข้าสู่ช่วงสุดท้ายของชีวิต และพร้อมที่จะกลับมาทำสิ่งที่ตัวเองรักกับครอบครัวที่เขามีอยู่ หนังทำให้อินได้ดีสุดๆ

และฉากที่พีคที่สุดที่ทำให้ผมขนลุก คือฉากสุดท้ายก่อนปิดเรื่อง คอนเสิร์ท Live Aid ที่หนังสร้างบรรยากาศได้เหมือนจริง มุมกล้องบางมุมทำให้เหมือนเราเข้าไปอยู่ในนั้น บวกกับเพลงที่ดีอยู่แล้ว มาใส่ในหนังด้วยเทคนิคสมัยใหม่ ทำให้เสียงกรหึ่มและสนุกไปกับทุกเพลงที่วง QUEEN เล่นสดตั้งแต่เพลงแรกจนเพลงสุดท้าย

ต้องบอกว่า ตั้งแต่ต้นจนจบ หนังทำให้ผมไม่สามารถละสายตาได้เลย ตัวนักแสดงนำอย่าง #RamiMalek อาจจะไม่ได้ทำให้ผมอินในตัวเขามากนัก แต่ก็ดีพอที่จะทำให้เสมือนมี Freddie Mercury อีกคนมาโลดแล่นอยู่ในจอ แต่อย่างที่บอกว่า ด้วยองค์ประกอบหลายๆ อย่างมันทำให้หนังมีเสน่ห์ดึงดูดสุดๆ เรียกได้ว่า นี่คือ  หนังดีที่สุดเรื่องหนึ่งแห่งปีที่ต้องดูในโรงหนังเท่านั้นจริงๆ

ฝากเพจหนังเล็กๆ ด้วยครับ >>> https://www.facebook.com/DooNangGunMai/