ปัญหาของคนเราที่เหมือนกันทุกๆคน คือการไม่ค่อยยอมรับในความผิดพลาดของตนเอง และไม่ค่อยคิดที่จะพัฒนาตัวเองหรืองานของตัวเอง จนเมื่อวันหนึ่งเมื่อถึงทางตัน ก็จะถูกบังคับให้เปลี่ยนแปลง เหมือนนิยามของคำว่าพัฒนาการ การพัฒนาตนเอง เมื่อโลกเปลี่ยน เราก็ต้องเปลี่ยน และเมื่อเปลี่ยนแปลงจงก้าวเดินไปข้างหน้าว่าเป็นทางที่ถูกต้อง อย่าได้คิดเดินย้อนกลับหรือหันหลังกลับไปมองทางที่เราเดินมาแล้ว และจงเดินต่อไปอย่างมั่นใจ ทิ้งคนและสิ่งที่ไม่ยอมเปลี่ยนแปลงไว้เบื้องหลัง และเมื่อถึงจุดๆหนึ่งที่เราเปลี่ยนแปลงไปตามกระแสโลกและเริ่มอยู่ตัวตั้งหลักได้แล้ว ค่อยมองย้อนกลับไปเบื้องหลัง มองคนที่ไม่ยอมเปลี่ยนแปลงมองคนที่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง มองถึงความล้มเหลวของพวกเขา แล้วหัวเราะออกมาดังๆ ตะโกนบอกคนเหล่านั้นให้เค้าได้ยินว่า พวกคุณทำไมถึงยังจมปลักอยู่กับวังวน อยู่กับอดีต กอดกับความสำเร็จของวันวาน จนลืมว่าสิ่งรอบข้าง โลกมันเปลี่ยนแปลงไปมากแล้ว คุณยังไม่ยอมเปลี่ยนแปลงพัฒนาการใหม่ พวกคุณย่อมอยู่กับความล้มเหลว เป็นผู้แพ้ เป็น loser เป็นคนขี้แพ้ตลอดไป "จงลุกขึ้นมาเปลี่ยนตัวเองกันเถอะ เพราะถ้าหากคุณไม่เปลี่ยนโลกจะเปลี่ยนคุณเอง"
ย้อนกลับไปเมิ่อ10ปีก่อน มีพนักงานบริษัทคนนึง ถูกบริษัทเลย์ออฟ และข้างเงินเดือน วันนั้นอาจเป็นวันที่มืดมนสำหรับพนักงานคนนั้นจริงๆ เพราะไม่รู้จะหาเงินมาใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน จ่ายค่าเช่าบ้านอย่างไร และในท่ามกลางความมืดมนหนทางนั้นเอง เค้าได้ตัดสินใจบางอย่างอันเป็นก้าวแรกในความสำเร็จของตัวเค้า เดินเข้าไปที่โรงงานแห่งหนึ่งและรวบรวมความกล้าเข้าไปของานฟรีแล้นซ์กับโรงงานนั้น ปรากฏสิ่งที่ตัวเค้าเองก็คงไม่คาดคิดมาก่อน เพราะแทนที่เค้าจะถูกปฏิเสธออกมาอย่างไม่ใยดี แต่ผลเป็นตรงข้ามเค้าได้งานโปรเจคท์ใหญ่ และยังมีงานอีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งไม่ต่างอะไรจากการกินเงินเดือนเป็นพนักงานประจำที่นั่นเลย แต่แถมว่าเค้ายังเป็นอิสระที่จะหางานฟรีแล้นส์อื่นจากบริษัทอื่นได้อีกด้วย เรื่องนี้จึงเป็นอุทธาหรณ์ที่ว่า ความเปลี่ยนแปลงนั้นนำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลงที่ดีกว่า ซึ่งถ้าเค้าไม่ถูกเลย์ออฟเค้าก็คงไม่สามารถหาเงินได้เป็นจำนวนมากกว่ากินเงินเดือนบริษัท และมันสร้างแรงบรรดาลใจให้เค้าคนนั้นประสบความสำเร็จจนสามารถเปิดบริษัทเป็นของตนเองได้
เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องที่หลายๆคนอาจคิดว่า ในชีวิตจริงคงมีคนแบบนี้ไม่ถึง 1% เพราะจะถูกทิ้งไว้ข้างหลังแบบตามไม่ทัน แบบมองไม่เห็นฝุ่น ซึ่งบางทีคนเราจึงต้องมีหัวจิตหัวใจกำลังใจที่เข้มแข็งก่อน และเมื่อเค้าผ่านบททดสอบจากสวรรค์แล้วความสำเร็จก็จะรอเค้าอยู่ที่หน้าประตู
"คนที่ไม่เปลี่ยนแปลงก็จะถูกทิ้งอยู่เบื้องหลังแบบมองไม่เห็นฝุ่น"
ความเปลี่ยนแปลงนำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลงที่ดีกว่า
ย้อนกลับไปเมิ่อ10ปีก่อน มีพนักงานบริษัทคนนึง ถูกบริษัทเลย์ออฟ และข้างเงินเดือน วันนั้นอาจเป็นวันที่มืดมนสำหรับพนักงานคนนั้นจริงๆ เพราะไม่รู้จะหาเงินมาใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน จ่ายค่าเช่าบ้านอย่างไร และในท่ามกลางความมืดมนหนทางนั้นเอง เค้าได้ตัดสินใจบางอย่างอันเป็นก้าวแรกในความสำเร็จของตัวเค้า เดินเข้าไปที่โรงงานแห่งหนึ่งและรวบรวมความกล้าเข้าไปของานฟรีแล้นซ์กับโรงงานนั้น ปรากฏสิ่งที่ตัวเค้าเองก็คงไม่คาดคิดมาก่อน เพราะแทนที่เค้าจะถูกปฏิเสธออกมาอย่างไม่ใยดี แต่ผลเป็นตรงข้ามเค้าได้งานโปรเจคท์ใหญ่ และยังมีงานอีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งไม่ต่างอะไรจากการกินเงินเดือนเป็นพนักงานประจำที่นั่นเลย แต่แถมว่าเค้ายังเป็นอิสระที่จะหางานฟรีแล้นส์อื่นจากบริษัทอื่นได้อีกด้วย เรื่องนี้จึงเป็นอุทธาหรณ์ที่ว่า ความเปลี่ยนแปลงนั้นนำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลงที่ดีกว่า ซึ่งถ้าเค้าไม่ถูกเลย์ออฟเค้าก็คงไม่สามารถหาเงินได้เป็นจำนวนมากกว่ากินเงินเดือนบริษัท และมันสร้างแรงบรรดาลใจให้เค้าคนนั้นประสบความสำเร็จจนสามารถเปิดบริษัทเป็นของตนเองได้
เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องที่หลายๆคนอาจคิดว่า ในชีวิตจริงคงมีคนแบบนี้ไม่ถึง 1% เพราะจะถูกทิ้งไว้ข้างหลังแบบตามไม่ทัน แบบมองไม่เห็นฝุ่น ซึ่งบางทีคนเราจึงต้องมีหัวจิตหัวใจกำลังใจที่เข้มแข็งก่อน และเมื่อเค้าผ่านบททดสอบจากสวรรค์แล้วความสำเร็จก็จะรอเค้าอยู่ที่หน้าประตู
"คนที่ไม่เปลี่ยนแปลงก็จะถูกทิ้งอยู่เบื้องหลังแบบมองไม่เห็นฝุ่น"