Road to become an expat .. เส้นทางสู่การได้ทุนเรียนต่อ MBA และเข้าทำงานในบริษัทที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ ep.2

ต่อจาก ep.1  ก็มาถึงชีวิตจริงหลังจากเรียนจบจาก MBA TIAS นะคะ ก็รับปริญญาไปเมื่อตอน Dec’17 เริ่มทำงาน full-time ที่บริษัท Avery Dennison ซึ่งเป็นบริษัทของอเมริกาใน Fortune 500 มี headquarter ฝั่งยุโรปที่ประเทศเนเธอร์แลนด์​ เริ่มตั้งแต่ Jan’18 ในด้าน Market Intelligence – Strategic Marketing ถ้ารวมฝึกงานด้วยก็เกือบจะครบ 1 ปีแล้วค่ะ

ย้อนกลับไปสักนิด ความฝันวัยเด็กที่ได้แรงบันดาลใจจากหนังเรื่องนึง ทำให้เป็นแรงขับเคลื่อนมาอยู่จุดนี้ มันเกิดขึ้นได้อย่างไร ต้องทำยังไงถึงจะได้ทำงานในบริษัทต่างประเทศบ้าง จะเล่าจากสิ่งที่ตัวเองทำมาทั้งหมดให้ฟังนะคะ

ใครเคยมีความฝันบ้าง ความฝันแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนอยากทำธุรกิจ บางคนอยากทำร้านกาแฟ บางคนอยากเป็นนักลงทุน ส่วนตัวแล้ว ความฝันคือการได้ไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศ ทำงานและเที่ยวในเวลาเดียวกัน ได้เปิดโลกกว้าง มีเงินเก็บมากๆไว้เที่ยวรอบโลกและลงทุนเพื่ออนาคต ได้เรียนรู้วัฒนธรรมต่างชาติ เห็นมุมมองใหม่ๆในอีกซีกโลก มีเวลาออกกำลังกายมี outdoor activities เยอะๆ และมี work-life balance ที่ดี

ตั้งเป้าหมายเมื่อรู้ความฝันของตัวเองแล้ว เราค่อนข้างชัดเจนกับตัวเองว่าเราถนัดด้านไหน ต้องปรับปรุงเรื่องอะไรบ้าง การทำงานกับชาวต่างชาติน่าท้าทาย น่าสนุก เพราะได้ใช้ภาษาอังกฤษในระดับการทำงาน อยากรู้ว่ามันจะเป็นยังไงถ้าสิ่งแวดล้อม ภาษา วัฒนธรรม เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง เราชอบเรียนรู้จากประสบการณ์ตรงและลองไปเรื่อยแบบไม่กลัวที่จะผิดพลาด

จากนั้น แรงขับเคลื่อน มันก็จะตามมา มีสิ่งที่จำขึ้นใจอยู่ 3 อย่าง
1) เกิดมาแล้วขอใช้ชีวิตให้คุ้มค่า 2) ไม่หยุดที่จะพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ 3) หาแรงบันดาลใจให้เจอแล้วรักษามันให้ดีๆ

วางแผนคร่าวๆว่าอะไรบ้างจะทำให้เราไปถึงเป้าหมาย เหมือนมองให้เห็นปลายทางก่อน  พวกสถาปนิกเค้าวาดแบบบ้านยังไง ต้องใช้วัสดุอะไรบ้าง เราก็จะมองว่า โอเคถ้าจะสมัครงานเมืองนอก วัสดุที่ต้องใช้ก็คือ MBA degree และ work background ที่เหมาะสมกับตำแหน่ง ทำใจไว้เลยว่าเราต้องไปแข่งกับคนทั่วโลกที่เกิดและโตในประเทศนั้นๆ การที่จะไปสู้กับเค้าได้เราก็ต้องพัฒนาตัวเองมากกว่าคนอื่นๆแน่นอน นี่ก็โดน reject มาไม่ยั้งเหมือนกันตอนสมัครฝึกงาน

ชีวิตมันไม่ได้ง่าย!! ในระหว่างที่โชคดีที่ได้ job offer ก่อนจะเรียนจบ จึงได้ฝึกงานช่วง graduation thesis และต่อด้วย full-time ทันทีโดยไม่มีช่วงว่างงาน เพื่อนๆหลายคนยังคงสมัครงานกันถึงทุกวันนี้ มีทั้งความเครียดด้วยค่าใช้จ่ายที่แพงมากในประเทศแถบนี้ นอกจากการเตรียมตัวที่ดีแล้ว ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าจังหวะและโอกาสก็เป็นสิ่งที่เราควบคุมไม่ได้ค่ะ
ใช่ว่าการทำงานที่ต่างประเทศจะมีแต่ข้อดี อยากให้มองอะไรสองด้านเสมอ เรามีจังหวะที่มีปัญหาชีวิต เมื่อต้องใช้ชีวิตอยู่คนเดียวต่างถิ่น ปัญหาต่างๆมันก็จะแก้ยากกว่าเดิมหลายเท่า อยู่ไหนก็ไม่เหมือนอยู่บ้าน หน้าหนาวหิมะตก พายุเข้า ฟ้ามืด ฝนตก ออกจากบ้านไม่ได้ ป่วยหนัก หาหมอก็ลำบาก ไม่มีหมอที่ไหนใจดีเท่าหมอไทยแล้วจ้าา เจอมาเกือบทุกรูปแบบแล้ว ต้องแลกมาด้วยความเหงา คิดถึงแม่มากๆ คิดถึงหมา😭 อยากเจอเพื่อนที่ไทย อยากเม้ามอย อาหารไทยคือที่สุดในโลก


ทั้งนี้ สิ่งที่ทำให้ยังสนุกกับชีวิตที่นี่อยู่อย่างน้อยก็ ณ​ ปัจจุบัน ก็คือการโตขึ้นไปอีกหลายๆขั้น ตอนนี้รู้สึกว่าตัวเองเข้มแข็งขึ้นมาก รวมทั้งประสบการณ์ทำงานกับชาวต่างชาติในองค์กรใหญ่ มุมมองใหม่ๆที่ไม่เคยเห็นมาก่อนที่ไทย ค่าตอบแทนที่ยอมรับว่าเกินคาด แล้วก็ work-life balance ทีดี ได้มีเวลาออกกำลังกายทุกวัน เสาร์อาทิตย์ทำกิจกรรม outdoor หรืองานอดิเรก

เหนือสิ่งอื่นใด มันได้ตอบโจทย์ “ความฝันวัยเด็ก” ของผู้หญิงคนนึงที่พร้อมจะลุยและเรียนรู้โลกไปแบบไม่สิ้นสุด ได้ทำให้พ่อบนสวรรค์และแม่ที่รักภูมิใจ ถึงแม้ว่าแม่จะบ่นอยากให้กลับไทยวันละสามครั้งหลังอาหาร 🙂

ไว้ตอนต่อไปจะลงลึกถึงการทำงาน สิ่งที่ผ่านเข้ามาอยู่ใน memory นี้จากการใช้ชีวิตในแดนไกล

หากใครอยากรู้อะไร ส่งแมสเสจมาถามได้นะคะ ยินดีให้คำปรึกษา เคยผ่านจุดนั้นมาก่อน เข้าใจดีค่าา 🙂

ติดตามบทความอื่นๆได้ที่ https://wordpress.com/view/kwangsblog.wordpress.com
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่