หลังจากไปล่องแก่งหินเพิง จ.ปราจีนบุรี ทำให้เรา แอนด์เดอะแก๊ง อยากไปลองล่องแก่งที่น้ำแรงๆ กว่านี้ เลยไปถามอากู๋ ก็ได้ความว่า
อยากลองของแรง ต้องไปล่องแก่งลำน้ำเข็ก ประจวบเหมาะกับเดือนตุลาคม มีวันหยุดยาวพอดี เลยเกิดเป็นทริปนี้ขึ้นมา
ค่าใช้จ่ายโดยประมาณ 5,500 บาท/คน รายละเอียดค่าใช้จ่ายจะแจ้งไว้ตอนท้ายรีวิวนะคะ
แผนการเดินทาง
ด้วยความที่ขี้เกียจตื่นเช้า พวกเราเลยออกเดินทางจาก กทม. หลังเลิกงาน เย็นวันที่ 12 ต.ค.
แล้วไปแวะพักที่ โรงแรม เดอะ วิวพ้อยท์ ในตัวเมืองพิษณุโลกก่อน 1 คืน
13 ต.ค. เดินเล่นตลาดเช้า @ตลาดสดเทศบาล 1 (ตลาดใต้), แวะไหว้พระวัดใหญ่ (วิหารพระพุธชินราช) และวัดนางพญา,
ล่องแก่งลำน้ำเข็ก พักที่ Rain Forest Resort
14 ต.ค. แวะเที่ยวน้ำตกแก่งโสภา, ไปถ่ายรูปต้นไม้รูปหัวใจ (บ้านสวนชมวิว), ดื่มด่ำกับธรรมชาติ นอนค้างบ้านมุง อ.เนินมะปราง
15 ต.ค. ตักบาตร, นั่งรถอิแต๊กเที่ยวบ้านมุง กลับ กทม.
แผนที่ เปิด GPS ไปตามกูเกิล แมพ เหมือนเดิม
13 ตุลา : เริ่มต้นผจญภัย
เนื่องจากโรงแรมที่เราเข้าพัก ไม่มีบริการอาหารเช้า เราเลยตื่นแต่เช้าไปเดินสำรวจตลาด และไปฝากท้องมื้อเช้ากันที่ตลาดสดเทศบาล 1 (ตลาดใต้)
ตั้งอยู่ตรงข้ามกับ พิษณุโลกไนท์บาซ่า ริ่มแม่น้ำน่าน เป็นตลาดขายสินค้าแทบทุกอย่าง ทั้งของอุปโภค บริโภค ของสด ของแห้ง อาหารปรุงสำเร็จ มีร้านอาหาร รวมถึงร้านชา กาแฟ เรียกได้ว่าเลือกซื้อ เลือกกินกันไม่ถูกเลยทีเดียว
ตลาดเริ่มขายตั้งแต่ประมาณตี 5 ไปจนถึงประมาณช่วงเที่ยงๆ ของทุกวัน
เราเลือกกินโจ๊กเป็นมื้อเช้า ร้านอยู่ในตลาด ตรงข้ามกับร้านขายข้าวหมูแดง
จากนั้นไปต่อด้วยกาแฟ ปาท่องโก๋ ด้านหลังตลาด ประทับใจ ปาท่องโก๋ มาก แป้งกรอบนอกนุ่มใน เสียดายจำชื่อร้านไม่ได้
ก่อนไปล่องแก่ง เราแวะไปสักการะพระ ที่วัดใหญ่ (วิหารพระพุธชินราช) และวัดนางพญา ให้ช่วยคุ้มครองพวกเราให้เดินทางท่องเที่ยวในครั้งนี้อย่างปลอดภัย
จากนั้นก็ไปล่องแก่งลำน้ำเข็กกันเลย จะโหด มันส์ ฮา เหมือนที่เค้ารีวิวกันมั๊ย ตามมาเลย...
ระยะทางของการล่องแก่งแม่น้ำเข็กนั้น รวมทั้งสิ้นประมาณ 8 กิโลเมตร มีแก่งทั้งหมด 17 แก่ง โดยเริ่มจากระยะน้ำนิ่ง (ระดับ 1)
ไปถึงระยะน้ำแรง (ระดับ 5) ซึ่งเราเจอทุกระดับ... โชคดีมากกก
ระยะน้ำนิ่ง (ระดับ 1) ช่วงนี้ก็นั่งสวยๆ พายกันไป คุยกันไป
ระดับ 2-3 ก็จะมีให้ใจระทึกกันพอหอมปากหอมคอ
ส่วนระดับ 4-5 ไม่ขอเล่าดีกว่า... ให้ภาพบรรยายเห๊อะ
คหสต. สำหรับเรา ลาแล้วน้ำเข็ก จะไม่ไปแล้วเดือนตุลา แต่ปีหน้าจะไปเดือนกันยาแทน เดือนตุลาก็ว่าสนุกแล้ว
แต่คนพายเรือยางบอกว่า ถ้ามาเดือนกันยา น้ำจะเยอะกว่านี้ และจะได้ล่องน้ำเข็กตอนบนซึ่งมันส์กว่านี้มาก งั้นกันยาปีหน้า เรามาเจอกัน 5555
เราเลือกใช้บริการล่องแก่งกับ Rain Forest Resort โดยซื้อเป็นแบบแพคเกจ คนละ 1,900 บาท มีที่พัก 1 คืน (พักห้องละ 2 คน),
อาหาร 3 มื้อ (มื้อกลางวันก่อนล่องแก่ง, มื้อเย็น และมื้อเช้า) มีบริการรถรับ-ส่ง จุดลงเรือ, อาหารว่าง และเครื่องดื่ม รวมถึงประกันการเดินทางล่องแก่ง
ถ้าคะแนนเต็ม 5 เราให้ 4.5 คะแนน (หัก 0.5 คะแนน สำหรับการไม่มีป้ายบอกทางไปบ้านพักแต่ละหลัง ทำให้คนสมองน้อยแบบเรา กลับบ้านพักไม่ถูก ต้องเดินวนอย่างน้อย 2 รอบ และอาหารมื้อเย็นที่ออกมาบริการช้า เพราะการสื่อสารของพนักงานผิดพลาด แต่พนักงานบริการดีมาก เราให้อภัย)
ถ้าปีหน้ามาล่องแก่งอีก ก็คงใช้บริการของที่นี่เหมือนเดิม เพราะบริการดีมาก อาหารอร่อย บรรยากาศดี ที่พักเลิศ
ในส่วนของที่พัก ก็ออกแบบได้สมชื่อเลย Rain Forest โดยบริเวณที่พักจะโอบล้อมด้วยต้นไม้ใหญ่น้อย บ้านพักแต่ละหลังจะอยู่ริมแม่น้ำ
บรรยากาศดี มีมุมให้ถ่ายรูปเยอะ สวยมาก ชอบมากๆ
ในส่วนของอาหาร มื้อกลางวัน และมื้อเย็น จะเป็น Set มาให้ จำไม่ได้แล้วว่าในหนึ่ง Set มีกี่อย่าง แต่เราไปกัน 7 คน กินอิ่มพอดี
ที่นี่เค้าเปิดให้บริการเป็นร้านอาหารด้วย ถ้าอยากกินอะไรเพิ่มสามารถสั่งได้ ก็จ่ายเพิ่มไป อาหารอร่อย ราคาไม่แพง
ส่วนมื้อเช้า จะเป็นแบบบุฟเฟ่ต์ ให้เราตักกันเอง มีข้าวต้ม สลัด ผลไม้ ขนมปัง ชา กาแฟ แล้วก็ Breakfast set
ในวันที่เราไปเป็นวันหยุดยาว และแขกมาพักกันเยอะ ทำให้อาหารไม่พอ แต่พนักงานบริการดีมาก
พอเราไปแจ้งว่าอาหารหมด รอไม่นานพนักงานก็เอามาเติมให้เลย
สำหรับ Breakfast set จะมี ไส้กรอก, แฮม, เบคอน, ไข่ดาว จานนี้เราต้องแจ้งพนักงาน แล้วเค้าจะทำมาเสริฟให้ที่โต๊ะค่ะ
ที่นี่มีเมนูกาแฟประจำรีสอร์ทด้วยนะคะ ชื่อ "ป่าฝน" กับ "ป่าหิน" ด้วยความอยากรู้ว่าต่างกันยังไง ก็เลยสั่งมาทั้งสองแก้วเลย
สรุปคือ "ป่าหิน" จะอารมณ์ประมาณโอเลี้ยงใส่นม รสชาติเข้มๆ หน่อย ส่วน "ป่าฝน" ก็จะคล้ายๆ เนสกาแฟชงใส่นมสด รสชาติหวานๆ มันๆ
14 ตุลา : พาร่างกายไปสูดโอโซนที่บ้านมุง อ.เนินมะปราง
จุดหมายของเราในวันนี้คือบ้านมุง อ.เนินมะปราง แต่ระหว่างทางเราจะแวะชมความงามของน้ำตกแก่งโสภากันก่อน
น้ำตกแก่งโสภา อยู่ภายในบริเวณอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง
บริเวณน้ำตก อยู่ไม่ไกลจากจุดจอดรถ และไม่อนุญาติให้นำอาหารเข้าไปภายในบริเวณน้ำตกนะคะ
ไปต่อกันที่แลนด์มาร์คใน อ.เนินมะปราง นั่นก็คือ "ต้นไม้รูปหัวใจ" ซึ่งตั้งอยู่ที่ บ้านสวนชมวิวรีสอร์ท
ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เข้าพักภายในรีสอร์ท แต่ก็สามารถเข้าไปถ่ายภาพกับต้นไม้รูปหัวใจได้ โดยเสียค่าเข้าชม 10 บาท/คน
จากนั้นก็มุ่งหน้าสู่จุดหมายปลายทางของเราในวันนี้ "บ้านมุง" อ.เนินมะปราง
บ้านมุงมีอะไร? ไปทำอะไรที่บ้านมุง? หลายคนคงสงสัย งั้นก็ตามไปดูค่ะ
ตามที่อ่านจากรีวิว และเว็บไซต์ต่างๆ เรารู้แค่ว่าบ้านมุงมี ค้างคาวนับร้อยนับพันที่บินออกจากทิวเขาหินปูนในยามเย็น, มีธรรมชาติที่สวยงาม,
มีอากาศบริสุทธิ์ และมีรถอีแต๊ก!!!
คืนนี้เราเลือกพักที่ "หลังเขาคาเฟ่ต์แอนด์โฮมสเตย์" เพราะวิวดี (อันนี้ดีจริง ดีมาก) และสามารถมองเห็นฝูงค้างคาวได้จากที่พักเลย (อันนี้พลาด เพราะเราผิดเองที่หาข้อมูลมาไม่ดี) แต่... ในวันที่เราไปค้างคาวเค้าเปลี่ยนทางบินจ้า เราถึงได้ความรู้ใหม่ว่าช่วงเวลาค้างคาวออกหากินในแต่ละฤดูจะต่างกัน
และทิศทางการบินก็จะต่างกันด้วย หากต้องการเก็บภาพค้างคาว กรุณาศึกษาข้อมูลก่อนการเดินทาง จะได้ไม่ฟาล์ว และเฟลเหมือนเรา
แต่ก็ไม่ได้ไม่เห็นเลยซะทีเดียว ก็ยังพอมีผ่านมาให้ได้เห็นบ้าง ต้องสังเกตุดีๆ ที่เป็นเส้นๆ สีดำๆ อยู่บนฟ้า นั่นแหล่ะจ้า น้องค้างคาว
ที่พักเราเป็นแบบโฮมสเตย์ รวมอาหารเช้า ห้องพัดลม กางมุ้ง มีไวไฟฟรี ห้องน้ำรวม
มื้อเย็นมีหมูกะทะ และอาหารให้บริการ (รสชาติทั่วไป) ต้องการน้ำแข็งเครื่องดื่ม สั่งกับพี่เจ้าของได้เลย ตอนเช้ามีบริการจัดชุดใส่บาตรให้ด้วย ถ้าต้องการ
มีพระรับบิณฑบาตร ประมาณ 6 โมงครึ่งตอนเช้าของทุกวัน
15 ตุลา : นั่งรถอีแต๊กเที่ยวทั่วบ้านมุง มุ่งหน้ากลับ กทม.
หลังจากใส่บาตรเรียบร้อยแล้ว ทางที่พักเตรียมมื้อเช้าเป็นข้าวต้มไว้ให้ ส่วนเครื่องดื่ม, กาแฟมีจำหน่าย
วันนี้เราจะนั่งรถอีแต๊กไปเที่ยวตามจุดท่องเที่ยวต่างๆ ของบ้านมุง ทั้งชมวิวทิวเขาหินปูน, ชมถ้ำต่างๆ อย่าง ถ้ำเดือนถ้ำดาว, ถ้ำหลวงพ่อบุญมี, ถ้ำนางสิบสอง (ในส่วนของถ้ำเราชมแค่ความงามโดยรอบ ไม่ได้เข้าไปข้างในค่ะ), น้ำตกห้วยขุนเทิน (อันนี้ประทับใจมาก น้ำใส แบ่งเป็นชั้นๆ ไม่ชัน และน้ำไม่ลึกมาก เล่นน้ำอยู่นานเลยทีเดียว)
และพามาปิดท้ายที่ "แคมป์หมาบ้าใจดี" ที่นี่นอกจากมีธรรมชาติที่สวยงาม มีโฮมสเตย์ และร้านเครื่องดื่มให้บริการแล้ว
ยังมีกิจกรรม work shop ด้านศิลปะต่างๆ ทั้งการทำเปเปอร์มาเช่ การทำผ้ามัดย้อม การลงสีวาดภาพ ให้บริการนักท่องเที่ยวอีกด้วย
เรามีเวลาน้อยเลยไม่ได้ทำกิจกรรม ได้แต่ซื้อเครื่องดื่ม เดินเก็บภาพธรรมชาติโดยรอบ แล้วก็กลับ
เป็นการพักผ่อนที่คุ้มค่ามาก ได้ทั้งประสบการณ์ ทั้งความสนุก และผ่อนคลายไปพร้อมๆ กัน
เป็นอีกทริปที่ประทับใจ และหัวเราะดังมาก
รายละเอียดค่าใช้จ่ายอยู่ในความคิดเห็นนะคะ
[CR] ล่องแก่งลำน้ำเข็ก นอนค้างบ้านมุง พิษณุโลก 13-15 ตุลาคม 61
หลังจากไปล่องแก่งหินเพิง จ.ปราจีนบุรี ทำให้เรา แอนด์เดอะแก๊ง อยากไปลองล่องแก่งที่น้ำแรงๆ กว่านี้ เลยไปถามอากู๋ ก็ได้ความว่า
อยากลองของแรง ต้องไปล่องแก่งลำน้ำเข็ก ประจวบเหมาะกับเดือนตุลาคม มีวันหยุดยาวพอดี เลยเกิดเป็นทริปนี้ขึ้นมา
ค่าใช้จ่ายโดยประมาณ 5,500 บาท/คน รายละเอียดค่าใช้จ่ายจะแจ้งไว้ตอนท้ายรีวิวนะคะ
แผนการเดินทาง
ด้วยความที่ขี้เกียจตื่นเช้า พวกเราเลยออกเดินทางจาก กทม. หลังเลิกงาน เย็นวันที่ 12 ต.ค.
แล้วไปแวะพักที่ โรงแรม เดอะ วิวพ้อยท์ ในตัวเมืองพิษณุโลกก่อน 1 คืน
13 ต.ค. เดินเล่นตลาดเช้า @ตลาดสดเทศบาล 1 (ตลาดใต้), แวะไหว้พระวัดใหญ่ (วิหารพระพุธชินราช) และวัดนางพญา,
ล่องแก่งลำน้ำเข็ก พักที่ Rain Forest Resort
14 ต.ค. แวะเที่ยวน้ำตกแก่งโสภา, ไปถ่ายรูปต้นไม้รูปหัวใจ (บ้านสวนชมวิว), ดื่มด่ำกับธรรมชาติ นอนค้างบ้านมุง อ.เนินมะปราง
15 ต.ค. ตักบาตร, นั่งรถอิแต๊กเที่ยวบ้านมุง กลับ กทม.
แผนที่ เปิด GPS ไปตามกูเกิล แมพ เหมือนเดิม
13 ตุลา : เริ่มต้นผจญภัย
เนื่องจากโรงแรมที่เราเข้าพัก ไม่มีบริการอาหารเช้า เราเลยตื่นแต่เช้าไปเดินสำรวจตลาด และไปฝากท้องมื้อเช้ากันที่ตลาดสดเทศบาล 1 (ตลาดใต้)
ตั้งอยู่ตรงข้ามกับ พิษณุโลกไนท์บาซ่า ริ่มแม่น้ำน่าน เป็นตลาดขายสินค้าแทบทุกอย่าง ทั้งของอุปโภค บริโภค ของสด ของแห้ง อาหารปรุงสำเร็จ มีร้านอาหาร รวมถึงร้านชา กาแฟ เรียกได้ว่าเลือกซื้อ เลือกกินกันไม่ถูกเลยทีเดียว
ตลาดเริ่มขายตั้งแต่ประมาณตี 5 ไปจนถึงประมาณช่วงเที่ยงๆ ของทุกวัน
เราเลือกกินโจ๊กเป็นมื้อเช้า ร้านอยู่ในตลาด ตรงข้ามกับร้านขายข้าวหมูแดง
จากนั้นไปต่อด้วยกาแฟ ปาท่องโก๋ ด้านหลังตลาด ประทับใจ ปาท่องโก๋ มาก แป้งกรอบนอกนุ่มใน เสียดายจำชื่อร้านไม่ได้
ก่อนไปล่องแก่ง เราแวะไปสักการะพระ ที่วัดใหญ่ (วิหารพระพุธชินราช) และวัดนางพญา ให้ช่วยคุ้มครองพวกเราให้เดินทางท่องเที่ยวในครั้งนี้อย่างปลอดภัย
จากนั้นก็ไปล่องแก่งลำน้ำเข็กกันเลย จะโหด มันส์ ฮา เหมือนที่เค้ารีวิวกันมั๊ย ตามมาเลย...
ระยะทางของการล่องแก่งแม่น้ำเข็กนั้น รวมทั้งสิ้นประมาณ 8 กิโลเมตร มีแก่งทั้งหมด 17 แก่ง โดยเริ่มจากระยะน้ำนิ่ง (ระดับ 1)
ไปถึงระยะน้ำแรง (ระดับ 5) ซึ่งเราเจอทุกระดับ... โชคดีมากกก
ระยะน้ำนิ่ง (ระดับ 1) ช่วงนี้ก็นั่งสวยๆ พายกันไป คุยกันไป
ระดับ 2-3 ก็จะมีให้ใจระทึกกันพอหอมปากหอมคอ
ส่วนระดับ 4-5 ไม่ขอเล่าดีกว่า... ให้ภาพบรรยายเห๊อะ
คหสต. สำหรับเรา ลาแล้วน้ำเข็ก จะไม่ไปแล้วเดือนตุลา แต่ปีหน้าจะไปเดือนกันยาแทน เดือนตุลาก็ว่าสนุกแล้ว
แต่คนพายเรือยางบอกว่า ถ้ามาเดือนกันยา น้ำจะเยอะกว่านี้ และจะได้ล่องน้ำเข็กตอนบนซึ่งมันส์กว่านี้มาก งั้นกันยาปีหน้า เรามาเจอกัน 5555
เราเลือกใช้บริการล่องแก่งกับ Rain Forest Resort โดยซื้อเป็นแบบแพคเกจ คนละ 1,900 บาท มีที่พัก 1 คืน (พักห้องละ 2 คน),
อาหาร 3 มื้อ (มื้อกลางวันก่อนล่องแก่ง, มื้อเย็น และมื้อเช้า) มีบริการรถรับ-ส่ง จุดลงเรือ, อาหารว่าง และเครื่องดื่ม รวมถึงประกันการเดินทางล่องแก่ง
ถ้าคะแนนเต็ม 5 เราให้ 4.5 คะแนน (หัก 0.5 คะแนน สำหรับการไม่มีป้ายบอกทางไปบ้านพักแต่ละหลัง ทำให้คนสมองน้อยแบบเรา กลับบ้านพักไม่ถูก ต้องเดินวนอย่างน้อย 2 รอบ และอาหารมื้อเย็นที่ออกมาบริการช้า เพราะการสื่อสารของพนักงานผิดพลาด แต่พนักงานบริการดีมาก เราให้อภัย)
ถ้าปีหน้ามาล่องแก่งอีก ก็คงใช้บริการของที่นี่เหมือนเดิม เพราะบริการดีมาก อาหารอร่อย บรรยากาศดี ที่พักเลิศ
ในส่วนของที่พัก ก็ออกแบบได้สมชื่อเลย Rain Forest โดยบริเวณที่พักจะโอบล้อมด้วยต้นไม้ใหญ่น้อย บ้านพักแต่ละหลังจะอยู่ริมแม่น้ำ
บรรยากาศดี มีมุมให้ถ่ายรูปเยอะ สวยมาก ชอบมากๆ
ในส่วนของอาหาร มื้อกลางวัน และมื้อเย็น จะเป็น Set มาให้ จำไม่ได้แล้วว่าในหนึ่ง Set มีกี่อย่าง แต่เราไปกัน 7 คน กินอิ่มพอดี
ที่นี่เค้าเปิดให้บริการเป็นร้านอาหารด้วย ถ้าอยากกินอะไรเพิ่มสามารถสั่งได้ ก็จ่ายเพิ่มไป อาหารอร่อย ราคาไม่แพง
ส่วนมื้อเช้า จะเป็นแบบบุฟเฟ่ต์ ให้เราตักกันเอง มีข้าวต้ม สลัด ผลไม้ ขนมปัง ชา กาแฟ แล้วก็ Breakfast set
ในวันที่เราไปเป็นวันหยุดยาว และแขกมาพักกันเยอะ ทำให้อาหารไม่พอ แต่พนักงานบริการดีมาก
พอเราไปแจ้งว่าอาหารหมด รอไม่นานพนักงานก็เอามาเติมให้เลย
สำหรับ Breakfast set จะมี ไส้กรอก, แฮม, เบคอน, ไข่ดาว จานนี้เราต้องแจ้งพนักงาน แล้วเค้าจะทำมาเสริฟให้ที่โต๊ะค่ะ
ที่นี่มีเมนูกาแฟประจำรีสอร์ทด้วยนะคะ ชื่อ "ป่าฝน" กับ "ป่าหิน" ด้วยความอยากรู้ว่าต่างกันยังไง ก็เลยสั่งมาทั้งสองแก้วเลย
สรุปคือ "ป่าหิน" จะอารมณ์ประมาณโอเลี้ยงใส่นม รสชาติเข้มๆ หน่อย ส่วน "ป่าฝน" ก็จะคล้ายๆ เนสกาแฟชงใส่นมสด รสชาติหวานๆ มันๆ
14 ตุลา : พาร่างกายไปสูดโอโซนที่บ้านมุง อ.เนินมะปราง
จุดหมายของเราในวันนี้คือบ้านมุง อ.เนินมะปราง แต่ระหว่างทางเราจะแวะชมความงามของน้ำตกแก่งโสภากันก่อน
น้ำตกแก่งโสภา อยู่ภายในบริเวณอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง
บริเวณน้ำตก อยู่ไม่ไกลจากจุดจอดรถ และไม่อนุญาติให้นำอาหารเข้าไปภายในบริเวณน้ำตกนะคะ
ไปต่อกันที่แลนด์มาร์คใน อ.เนินมะปราง นั่นก็คือ "ต้นไม้รูปหัวใจ" ซึ่งตั้งอยู่ที่ บ้านสวนชมวิวรีสอร์ท
ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เข้าพักภายในรีสอร์ท แต่ก็สามารถเข้าไปถ่ายภาพกับต้นไม้รูปหัวใจได้ โดยเสียค่าเข้าชม 10 บาท/คน
จากนั้นก็มุ่งหน้าสู่จุดหมายปลายทางของเราในวันนี้ "บ้านมุง" อ.เนินมะปราง
บ้านมุงมีอะไร? ไปทำอะไรที่บ้านมุง? หลายคนคงสงสัย งั้นก็ตามไปดูค่ะ
ตามที่อ่านจากรีวิว และเว็บไซต์ต่างๆ เรารู้แค่ว่าบ้านมุงมี ค้างคาวนับร้อยนับพันที่บินออกจากทิวเขาหินปูนในยามเย็น, มีธรรมชาติที่สวยงาม,
มีอากาศบริสุทธิ์ และมีรถอีแต๊ก!!!
คืนนี้เราเลือกพักที่ "หลังเขาคาเฟ่ต์แอนด์โฮมสเตย์" เพราะวิวดี (อันนี้ดีจริง ดีมาก) และสามารถมองเห็นฝูงค้างคาวได้จากที่พักเลย (อันนี้พลาด เพราะเราผิดเองที่หาข้อมูลมาไม่ดี) แต่... ในวันที่เราไปค้างคาวเค้าเปลี่ยนทางบินจ้า เราถึงได้ความรู้ใหม่ว่าช่วงเวลาค้างคาวออกหากินในแต่ละฤดูจะต่างกัน
และทิศทางการบินก็จะต่างกันด้วย หากต้องการเก็บภาพค้างคาว กรุณาศึกษาข้อมูลก่อนการเดินทาง จะได้ไม่ฟาล์ว และเฟลเหมือนเรา
แต่ก็ไม่ได้ไม่เห็นเลยซะทีเดียว ก็ยังพอมีผ่านมาให้ได้เห็นบ้าง ต้องสังเกตุดีๆ ที่เป็นเส้นๆ สีดำๆ อยู่บนฟ้า นั่นแหล่ะจ้า น้องค้างคาว
ที่พักเราเป็นแบบโฮมสเตย์ รวมอาหารเช้า ห้องพัดลม กางมุ้ง มีไวไฟฟรี ห้องน้ำรวม
มื้อเย็นมีหมูกะทะ และอาหารให้บริการ (รสชาติทั่วไป) ต้องการน้ำแข็งเครื่องดื่ม สั่งกับพี่เจ้าของได้เลย ตอนเช้ามีบริการจัดชุดใส่บาตรให้ด้วย ถ้าต้องการ
มีพระรับบิณฑบาตร ประมาณ 6 โมงครึ่งตอนเช้าของทุกวัน
15 ตุลา : นั่งรถอีแต๊กเที่ยวทั่วบ้านมุง มุ่งหน้ากลับ กทม.
หลังจากใส่บาตรเรียบร้อยแล้ว ทางที่พักเตรียมมื้อเช้าเป็นข้าวต้มไว้ให้ ส่วนเครื่องดื่ม, กาแฟมีจำหน่าย
วันนี้เราจะนั่งรถอีแต๊กไปเที่ยวตามจุดท่องเที่ยวต่างๆ ของบ้านมุง ทั้งชมวิวทิวเขาหินปูน, ชมถ้ำต่างๆ อย่าง ถ้ำเดือนถ้ำดาว, ถ้ำหลวงพ่อบุญมี, ถ้ำนางสิบสอง (ในส่วนของถ้ำเราชมแค่ความงามโดยรอบ ไม่ได้เข้าไปข้างในค่ะ), น้ำตกห้วยขุนเทิน (อันนี้ประทับใจมาก น้ำใส แบ่งเป็นชั้นๆ ไม่ชัน และน้ำไม่ลึกมาก เล่นน้ำอยู่นานเลยทีเดียว)
และพามาปิดท้ายที่ "แคมป์หมาบ้าใจดี" ที่นี่นอกจากมีธรรมชาติที่สวยงาม มีโฮมสเตย์ และร้านเครื่องดื่มให้บริการแล้ว
ยังมีกิจกรรม work shop ด้านศิลปะต่างๆ ทั้งการทำเปเปอร์มาเช่ การทำผ้ามัดย้อม การลงสีวาดภาพ ให้บริการนักท่องเที่ยวอีกด้วย
เรามีเวลาน้อยเลยไม่ได้ทำกิจกรรม ได้แต่ซื้อเครื่องดื่ม เดินเก็บภาพธรรมชาติโดยรอบ แล้วก็กลับ
เป็นการพักผ่อนที่คุ้มค่ามาก ได้ทั้งประสบการณ์ ทั้งความสนุก และผ่อนคลายไปพร้อมๆ กัน
เป็นอีกทริปที่ประทับใจ และหัวเราะดังมาก
รายละเอียดค่าใช้จ่ายอยู่ในความคิดเห็นนะคะ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้