ตะลุยเดี่ยวขี่รถเที่ยวดะเวียดนามกลาง ตอนที่ 1







ทริปตะลุยเดี่ยวขี่รถเที่ยวดะเวียดนามกลางที่ผมเขียนในครั้งนี้จะเป็นการเล่าประสบการณ์ท่องเที่ยวที่ผมไปเที่ยวเวียดนามกลาง 7 วัน โดยเน้นไปเก็บตกสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ที่ผมยังไม่เคยไปในครั้งก่อน ก่อนอื่นต้องบอกเลยว่าจริง ๆ แล้วผมเคยไปเที่ยวเวียดนามกลางมาแล้วเมื่อ 10 ปีก่อนแต่ไปกับทัวร์ โดยไปเว้ - ดานัง - ฮอยอัน รอบนี้เดินทางไปเองลำพังจึงพยายามเลือกไปในสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ซ้ำกับทัวร์ที่เคยไปครั้งก่อน โดยเป้าหมายหลักอยากไปดูแสงสียามค่ำคืนที่เมืองดานังและฮอยอัน อยากไปชมกลุ่มศาสนสถานหมี่เซินที่เป็นมรดกโลก และไปชมงานศิลปกรรมของชาวจามยังกลุ่มปราสาทจามที่กระจายตัวอยู่ในเวียดนามตั้งแต่เมืองฮอยอันไล่ลงไปถึงเมืองไทฮัว เรียกว่ารอบนี้มาเก็บตกกลุ่มปราสาทจามหลังจากที่ทริปที่แล้วไปชมปราสาทจามในเวียดนามใต้ที่เมืองญาจาง ฟันรังทับจาม และมุยเน่กันมาแล้วนั่นเอง ดังนั้น การตะลุยเดี่ยวของผมจึงเน้นไปยังสถานที่ที่หลายคนไม่ค่อยสนใจไปกันมาก เพราะเป็นแนวประวัติศาสตร์ที่ผมชอบเสียมากกว่านะครับ

ก่อนอื่นมาทำความเข้าใจกำหนดการเดินทางเที่ยวของตะลุยเดี่ยวขี่รถเที่ยวดะเวียดนามกลาง 7 วันของผมก่อนนะครับ
วันแรก : เดินทางจากกรุงเทพฯ - ดานัง เที่ยวชมสถานที่สำคัญของเมืองดานัง และเที่ยวยามค่ำคืนที่เมืองดานัง
วันที่ 2 : เที่ยวเก็บตกภายในเมืองดานัง ชมหมู่ศาสนสถานที่หมี่เซิน และเที่ยวยามค่ำคืนที่เมืองฮอยอัน
วันที่ 3 : เที่ยวบานาฮิลล์ และกลุ่มปราสาทจามที่เมืองตามกี่
วันที่ 4 : นั่งรถจากเมืองดานังไปเมืองกวีเญิน และเที่ยวสถานที่สำคัญภายในเมืองกวีเญิน
วันที่ 5 : เที่ยวกลุ่มปราสาทจามรอบนอกเมืองกวีเญิน หรือบิญดิ่ง
วันที่ 6 : นั่งรถจากเมืองกวีเญินไปเมืองไทฮัว และเที่ยวสถานที่สำคัญของเมืองไทฮัว
วันที่ 7 : เดินทางกลับจากไทฮัว - โฮจิมินห์ - กรุงเทพฯ

วันแรก : เดินทางจากกรุงเทพฯ - ดานัง เที่ยวชมสถานที่สำคัญของเมืองดานัง และเที่ยวยามค่ำคืนที่เมืองดานัง

ออกเดินทางจากบ้านนั่งเครื่องบินจากสนามบินดอนเมืองมายังสนามบินดานัง ประเทศเวียดนาม ใช้เวลาบินแค่ 1 ช.ม.กว่าก็มาถึงเวียดนามกลางอย่างง่ายดาย



ภายในสนามบินดานังดูทันสมัยและมีไฟล์บินลงที่นี่อยู่เรื่อย ๆ ผมนัดให้ร้านเช่ารถมอเตอร์ไซค์ขี่รถมาส่งผมที่สนามบิน ทำให้ประหยัดค่าเดินทางของเราจากสนามบินเข้าสู่เมืองได้ จริง ๆ สนามบินแห่งนี้อยู่ใกล้เมืองมาก อยู่ห่างจากเมืองดานังไปทางตะวันตกราว ๆ 4 ก.ม.เท่านั้น เรียกว่าสนามบินอยู่ละแวกในเมืองเลยก็ว่าได้



จุดรอรถมอเตอร์ไซค์ที่เช่ามาส่ง ด้านหน้าทางออกของสนามบินดานัง


ผมเช่ารถมอเตอร์ไซค์ขี่เที่ยวจากร้านเช่ารถที่เมืองดานังจำนวน 3 วัน เจ้าของร้านอัธยาศัยดีมากชื่อ Mr.Lee บริการรับส่งรถที่สนามบินฟรีไม่คิดเงินเพิ่ม เสียแต่รถเก่าไปหน่อย ผมใช้รถมอเตอร์ไซค์เช่าขี่เที่ยว 3 วัน ขี่เที่ยวในเมืองดานัง ขี่ไปบานาฮิลล์ หมี่เซิน ฮอยอัน และตามกี่ เรียกว่าขี่เที่ยวดะไปทั่ว คุ้มมากนะครับ เช่า 3 วันเป็นเงิน 150,000 ด่อง หรือ 621 บาท ถ้ารวมค่าน้ำมันที่เติมอีกประมาณ 260 บาทด้วยก็รวม ๆ เหมาเป็น 900 บาทรึกัน



หลังจากได้รถเช่าแล้ว แลกไลน์กับ Mr.Lee เวลาส่งคืนรถจะได้ติดต่อกันง่ายกว่าอีเมล์ที่ผมใช้คุยตกลงเรื่องเช่ารถตั้งแต่อยู่เมืองไทย คนเวียดนามส่วนใหญ่นิยมติดต่อสื่อสารกันผ่านแอฟ We Chat กับ Whats App นะครับ



ผมขี่รถพร้อมสัมภาระไปไว้ที่โรงแรมที่พักที่ผมจองมาล่วงหน้า โรงแรมนี้คือ โรงแรมอโวรา ดานัง ราคาที่พักตกคืนละ 990.24 บาท เป็นโรงแรมเล็ก ๆ อยู่ติดถนนเลียบแม่น้ำหาน ใกล้ตลาดหานเลยครับ ที่ตั้งดีมาก ดูภายในเห็นเป็นแค่โรงแรมเล็ก ๆ ไม่น่าจะดี แต่ห้องทำดีมาก เตียงใหญ่นุ่ม แอร์เย็นฉ่ำ และระบบทันสมัยแบบคีย์การ์ดทำให้สะดวกสบายในการเปิดปิดห้อง ที่นี่ยังมีบริการเลี้ยงอาหารเช้าแบบจัดเต็มไม่แพ้โรงแรม 3 - 4 ดาวที่อื่นเลย ด้านบนโรงแรมมีจุดชมวิวสะพานมังกรและแม่น้ำหาน และยังมีให้เช่ารถมอเตอร์ไซค์ขี่เที่ยวอีกด้วย แหมบริการครบครันจริง ๆ

ถ่ายด้านหน้าโรงแรมจากฟุตบาทเลียบแม่น้ำหาน


เคาร์เตอร์โรงแรมด้านล่าง ผมมาก่อนเวลาบ่าย 2 โมง ปรากฏห้องยังไม่ว่างเลยฝากกระเป๋าไว้ที่เคาร์เตอร์ก่อน


วิวชั้นบนสุดของโรงแรม มองลงมาเห็นสะพานมังกรทอดตัวข้ามแม่น้ำหานใจกลางเมืองดานัง


ผมฝากของไว้ที่โรงแรมและมาเดินเล่นริมฝั่งแม่น้ำหาน เดินชมวิวเลียบตามฟุตบาทไปเรื่อย ๆ เพื่อไปชมพิพิธภัณฑ์ประติมากรรมจามที่อยู่ห่างไปราว 1 กิโลเมตรได้




มาถึงเวียดนามก็ต้องเจอกันฝูงรถราที่วิ่งกันขวักไขว่ บีบแตรกันตลอดทุกแยก จริง ๆ ผมว่าบรรยากาศแบบนี้ที่อื่นก็เป็นนะครับ ผมก็เห็นมาหลายเมืองในอาเซียนแล้ว ทั้งเมืองมัณฑะเลย์ของพม่า เมืองยอร์กยาการ์ตาและสุราบายาของอินโดนีเซีย ก็บีบแตรกันตลอดเวลาเค้าจะขี่รถแซงคันหน้า หลายคนที่เพิ่งเคยเห็นครั้งแรกที่เวียดนามจึงคิดว่าที่นี่แปลกที่เดียว





เดินถ่ายรูปริมแม่น้ำหานมาเรื่อย ๆ เผื่อแป๊บเดียวก็มาถึงหน้าพิพิธภัณฑ์ประติมากรรมจามแล้ว ไม่เหนื่อยเลย



ซื้อตั๋วเข้าชมพิพิธภัณฑ์ที่เคาร์เตอร์ในราคา 60,000 ด่อง หรือ 82.80 บาท ก็จะได้ตั๋วเข้าชมหน้าตาอย่างนี้เหมือนภาพด้านล่างเลยครับ อ่อ...ลืมไปถ้าเป็นเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีสามารถเข้าชมได้ฟรีเลยครับ



พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่เวลา 7.30 - 17.00 น. และมีไกด์บริการนำชมพิพิธภัณฑ์สามารถขอใช้บริการได้ครับ โดยไกด์บรรยายมีทั้งบรรยายเป็นภาษาเวียดนาม ภาษาอังกฤษ และภาษาฝรั่งเศส สนใจอยากทราบข้อมูลเพิ่มเติมหรือติดต่อไกด์สามารถติดต่อได้ที่ E-mail : btakc@danang.gov.vn หรือ Website : www.chammuseum.vn เลยครับ



พิพิธภัณฑ์ประติมากรรมจามตั้งอยู่ใกล้สะพานมังกรอยู่ตรงถนนเลียบแม่น้ำหาน โดยก่อสร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1915 หรือเมื่อ 100 ปีก่อนนั่นเอง สร้างโดยเจ้าอาณานิคมคือฝรั่งเศสเมื่อครั้งที่ได้มาสำรวจโบราณสถานจามโดยสำนักฝรั่งเศสแห่งปลายบูรพาทิศ เพื่อต้องการเก็บรวบรวมศิลปวัตถุล้ำค่าของชนชาวจามไว้ เพื่อไม่ให้สูญหายหรือถูกทำลายลง ดังนั้นพิพิธภัณฑ์แห่งนี้จึงนับว่าเป็นแหล่งจัดแสดงโบราณวัตถุของศิลปะจามปาที่มีจำนวนมากที่สุดของประเทศเวียดนามก็ว่าได้ ถ้าใครเป็นคนชอบแนวประวัติศาสตร์แล้ว สถานที่แห่งนี้จึงไม่ควรพลาดชมอย่างเช่นผม



ลานด้านนอกอาคารพิพิธภัณฑ์ก็มีการจัดแสดงศิลปวัตถุของจามปาด้วยเหมือนกัน เรียกว่าภายในจัดแสดงจนอัดแน่นมาถึงด้านนอกกันเลยทีเดียว




ภายในอาคารพิพิธภัณฑ์จัดแสดงศิลปวัตถุของจามปาได้น่าสนใจ เรียกว่าจัดแสดงดีกว่าพิพิธภัณฑ์บางแห่งในบ้านเราเสียอีก ศิลปวัตถุที่จัดแสดงนี้เคลื่อนย้ายมาจากโบราณสถานจามหลายแห่งในหลายเมือง เช่น ที่หมี่เซิน ดงเดือง บิญดิ่ง




คราวนี้เราไปดูกันว่าประติมากรรมจามที่น่าสนใจที่จัดแสดงในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีอะไรให้ชมกันบ้าง



ด้านขวาของรูปนี้เป็นประติมากรรมพระนารายณ์ 4 กร ส่วนด้านซ้ายเป็นประติมากรรมรูปพระพรหม




ประติมากรรมรูปศิวนาฏราชสมัยบิญดิ่ง สร้างไม่เหมือนกับศิลปะอินเดียใต้ที่จะเป็นพระศิวะยืนเหยียบบนหลังคนแคระและยกขาข้างหนึ่ง โดยมีเปลวไฟเป็นวงกลมล้อมรอบองค์พระศิวะ รูปสลักศิวนาฏราชอีกชิ้นหนึ่งก็แสดงออกคนละเวอร์ชั่นกัน สงสัยชิ้นส่วนนี้จะเป็นส่วนหน้าบันของปราสาทจามที่เหลืออยู่ ภาพสลักนี้มีองค์ประกอบขนาบข้างพระศิวะด้วยเนื่องจากมีพื้นที่เหลืออยู่ให้ใส่ภาพประกอบได้ สงสัยเป็นลูกและเมียของท่านแน่ มายกเซ็ตแสดงทั้งครอบครัวเลย 555



สงสัยประติมากรรมนี้จะเป็นชิ้นส่วนของทับหลังเหนือกรอบประตูทางเข้าปราสาทจาม เหมือน ๆ กับทับหลังของปราสาทขอม เพียงแต่การออกแบบองค์ประกอบของบุคคลจะแตกต่างกันไปบ้าง ดูจากภาพสลักแล้วคงเป็นภาพสลักพระนารายณ์นอนประทับในสะดือทะเลบนหลังพญาอนันตนาคราช หรือเรียกว่า ทับหลังนารายณ์บรรทมสินธ์ุนั่นเอง แต่รู้สึกเวอร์ชั่นของจามปานี้พระนารายณ์ท่านมือจะว่างเลยถือดอกบัวที่ผุดมาจากสะดือของตนเองด้วย และมีพระพรหมผุดออกมาบนดอกบัว



รูปนางอัปสรประทับฐานอาคารนี้เอี้ยวตัวอ่อนช้อยยังกับนักกายกรรมนี้ เป็นงานประติมากรรมที่ผมชอบมาก ผมเลยอุดหนุนซื้อของที่ระลึกรูปนางอั
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่