[BR] พกบัตรใบเดียวปลอดภัย…ไปเลห์อย่างไรให้ได้ 4 ฤดูกาลในครั้งเดียว

กระทู้ผู้สนับสนุน
สวัสดีค่ะ หายหน้าหายตากันไป 3-4 เดือนได้สำหรับครั้งก่อนผึ้งไปเทศกาล Holy คนเดียวแล้วกลับมาแชร์การเตรียมตัวเที่ยวเทศกาล Holy ให้อ่านกัน ครั้งนี้เราไปอินเดียวอีกครั้งในรอบ 1 ปี !!! คนบ้าอะไรไปอินเดียกันบ่อยๆ คนแบบเรานี่แหละ 55+เข้าเรื่องดีกว่า คือต้องยอมรับเลยว่าใครๆก็ไปเลห์เพราะคำว่า สวรรค์บนดิน ซึ่งคำนี้ไม่ขอเถียงเพราะมันสวยแบบนั้นจริงๆ แต่คุณคะ…ไปทั้งทีต้องเอาให้มันสุด ไปทั้งทีมันต้องเที่ยวแบบ 4 ฤดูกาลให้ได้ ตามเรามาน้องผึ้งแห่ง 6 August Journey (https://www.facebook.com/6AugustJourney/) จะเล่าให้ฟัง

แผนการเดินทางนะจ๊ะนายจ๋า
แผนการเดินทางแบบนี้ถูกคิดมาดีแล้ว เพราะอย่างที่รู้กันว่าเลห์เป็นพื้นที่สูง อย่างกรุงเทพอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลเพียง 16 เมตร แต่ดูเลห์ค่ะคุณ นางสูงถึง 3000 เมตรขึ้นไป ร่างกายคนไทยเราจะน็อกได้ เพราะโรค Altitude sickness เป็นภาวะหรือโรคที่พบในนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปในพื้นที่ที่มีความสูงเหนือระดับน้ำทะเลมากๆ เช่น ไปเที่ยวทิเบต หรือไปปีนเขาในประเทศเนปาล ฯลฯ ซึ่งโรคดังกล่าวเกิดจากร่างกายไม่สามารถปรับตัวให้อยู่ในภาวะที่มีออกซิเจนน้อยได้ ทำให้เกิดอาการต่างๆตามมา เช่น ปวดศีรษะ นอนไม่หลับ ถึงขั้นเสียชีวิตได้ วิธีรับมือของเราคือ กินยา Diamox ซึ่งหาซื้อตามร้านขายยากินเตรียมไว้ 1-2 วันก่อนไปให้ร่างกายปรับตัว ไปหาอ่านกันใน Google กันต่อได้นะจ๊ะนายจ๋า และแผนการเดินทางแบบค่อยๆไต่ระดับแบบนี้เป็นการค่อยให้ร่างกายปรับตัวไปเรื่อยๆจ้า

ประหลาดใจ การเตรียมตัวเรื่องเอกสาร
เป็นที่รู้กันว่าการจะเข้าประเทศอินเดียต้องขอวีซ่า และคุณคะ !!! วีซ่าอินเดียเพิ่งขึ้นราคาเลยค่ะตอนดิฉันไปเทศกาล Holy ครั้งก่อนยัง 1,800 ปลายๆ แต่ครั้งนี้นายจ๋าขึ้นไป 2,700 เลยค่ะคุณเอาให้สุดไปเลย เข้าใจยังว่าทำไมไปทั้งทีต้องเอาให้คุ้ม ไปทั้งทีเอาให้ครบ 4 ฤดูกาลไปเลย ร้อน หิมะ ทะเลทราย และ ใบไม้เปลี่ยนสี นอกจากวีซ่าแล้ว ผึ้งเตรียมจองตั๋วเครื่องบินไป-กลับ และ ที่พัก ทั้ง 3 เรื่องนี้สามารถทำออนไลน์ได้หมด โดยเฉพาะวีซ่าอินเดียออนไลน์จำเป็นต้องใช้บริการจ่ายเงินผ่านแบงค์อินเดีย เราเลยลองใช้บัตร TMB จ่ายค่าวีซ่า สรุปว่าตอนแปลงมาเป็นเงินไทยได้เรทถูกมากนะจ๊ะนายจ๋า เราถึงกับขนาดเปิดตารางเทียบเงินจากเจ้าอื่น…มันเวิร์คมากแก ทริปนี้เราเลยใช้บัตรเดบิตร TMB ตลอดทริปเลยดีกว่า ง่าย สะดวก ปลอดภัย แค่เริ่มต้นทริปก็รู้สึกสะดวก และ เสียเงินน้อยแล้วจ๊ะนายจ๋ามีหรอจะไม่พกไปเที่ยวต่อ

ประหลาดใจ การเตรียมตัวเรื่องของใช้
เรื่องนี้ไม่ขำนะจ๊ะนายจ๋า สำหรับห้องน้ำวิวหลักล้าน ที่เราต้องใช้เมื่อไปเยือนเลห์ ทิชชูเปียก ทิชชูแห้งเตรียมให้พร้อม บางคนในทริปเราถึงกับเข้า Shoppee เพื่อหา Gadget ยืนฉี่ กางเกงในกระดาษ นอกจากนั้นแล้วด้วยความที่ช่วงที่เราไปอากาศมัน -1 ถึง -14 ได้แล้วการอาบน้ำจะทรมานมากบางวันเลยต้องพึ่งพาทิชชูเปียก บางวันก็ใช้ยาสระผมแห้งฉีดหัวเอา ที่สำคัญพวกแผ่นแปะความร้อน เอามาแปะเสื้อกันหนาวข้างในก็ช่วยให้อุ่นได้นะ หรือจะ ซองที่มันเขย่าแล้วจะอุ่น (Hand warmer) ตามในรูปก็ช่วยได้เยอะ ของพวกนี้ช่วยชีวิตเราได้เยอะมาก

ประหลาดใจ การเตรียมตัวเรื่องของกิน
จากรูปเลยนะ เล่ากันตรงๆนะ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเราได้ใช้ แต่อย่างโรซ่าข้าวหอมมะลิใช้ยากเพราะที่นั่น ต้องต้มน้ำอย่างเดียวถึงได้ใช้ ส่วนพวกอาหารสำเร็จรูป มันก็จะเค็มๆหน่อย แต่ก็พอทำให้หายอยากอาหารไทยได้ พวกหมูแผ่น หมูฝอย น้ำพริกต่างๆเป็น Item ที่ต้องพกเราแนะนำเลยจ๊ะนายจ๋า
เม่าออกรถเม่าออกรถเม่าออกรถ

ออกเดินทางกันได้
การเดินทางไปอินเดียครั้งนี้เราใช้บริการสายการบิน Jet Airways อีกเช่นเคยสายการบินยอดฮิตสำหรับคนไทยไปอินเดีย ด้วยบริการ Full Service และสิงเอ็นเตอร์เทรนบนเครื่องบิน เรื่องรอบการบินก็เป็นสาเหตุสำคัญ เพราะเราต้องไปต่อเครื่องที่นิวเดลี สายการบินนี้เขามีช่วงเวลาการบิน ที่ช่วยให้เราไม่ต้องรอนานในการต่อเครื่องที่สำคัญ Jet Airways เขามีบริการให้เลือกที่นั่ง ซึ่งเน้นหนักว่า การมุ่งหน้าไปเลห์ เราต้องนั่งติดหน้าต่าง ฝั่งซ้ายมือเท่านั้น เพื่อวิวร้ายล้านนะนายจ๋า
ก่อนขึ้นเครื่อง เราก็แวะ Duty Free สวรรค์ของนักเดินทางกันสักหน่อย  การเดินทางครั้งนี้ผึ้งพกเงินสดติดตัวไปน้อยมากค่ะ จากครั้งก่อนที่เคยไปอินเดียคนเดียว พี่แขกที่ขับรถสาธารณะบางคนเขายื่นหน้ามาดูเงินในกระเป๋าสตางค์เราเลยนะ เรารู้สึกถึงความไม่ปลอดภัย เราเลยลองไปเที่ยวแบบไม่พกเงินสดไป แต่อาศัยการรูดบัตรแทน ในเมื่อเราลองจ่ายค่าวีซ่าแล้วได้เรทดีแล้วหนิ…เลยขอลอง Shopping กันต่อ ไหนๆจะไปเมืองนอกทั้งทีเลยขอปรับวงเงินสักหน่อย คือด้วยความที่ธนาคารเขากลัวเราทำบัตรหายเขาจะมีวงเงินใช้จ่ายจำกัดต่อวันอยู่แล้ว เราแค่เข้าไปที่แอพพลิเคชั่น TMB Touch ก็สามารถปรับวงเงินได้แล้ว ไม่ต้องเสียเวลาโทรไปที่ธนาคารให้ยุ่งยากอีกต่อไป หรือถ้าไปทำบัตรหายที่เมืองนอกก็เขาแอพพลิเคชั่นแล้วบล็อกบัตรได้เลย โอเคเรามั่นใจในตัวบัตรนี้แล้วแหละเลยขอขยายวงเงินไปที่ 1 แสนบาทซึ่งตามจริงขยายได้ถึง 5 แสนนะ แต่เพราะในบัญชีมีเงินเท่านี้ไงเลยขยายได้เท่านี้ 55+ แล้วก็เป็นไปตามหวังวันแรกมีดวงเสียเงินทันที ดิฉันไปโดนกล้อง Action Cam ตัวนึงมาจ๊ะนายจ๋า ที่ Duty Free ของอินเดียราคา 26,000 รูปีได้ ปกติเราจะใช้บัตรเครดิตรูดนะ แต่เห็นบัตรเดบิตของ TMB เขาเคลมว่าไม่ต้องเสีย 2.5% ที่มันเป็นค่าความเสี่ยงจากการแปลงสกุลเงิน แต่ต้องเป็นเงินสกุลประเทศนั้นๆที่ไปนะจ๊ะนายจ๋า อย่างที่อินเดียก็ต้องเป็นสกุลเงินรูปีเท่านั้น ซึ่งบัตรเจ้าอื่นเขาหักตรงนี้ไปด้วยนะจ๊ะนายจ๋า แปลว่าผึ้งจะประหยัดเงินไปได้อีกประมาณ 325 บาทไทย ดีไปอี๊กคุณ !!! แต่ที่อุ่นใจที่สุดที่พกบัตรนี้ก็คือ รู้สึกปลอดภัยนี่แหละสำคัญสุด #มาอินเดียจะไม่เพลียถ้าไม่พกเงินสดติดตัวเยอะ เชื่อเรา !!! มัวแต่เมาส์เพลินค่ะ ตัดภาพไปที่สนามบินเดลีเลย
เรามาถึงอินเดีย ประมาณ 23:45 ได้กว่าจะทำเรื่องเข้าเมืองเสร็จก็เที่ยงคืน จะบินไปเลห์อีกทีก็เช้า ที่สนามบินนิวเดลีเขามีพื้นที่สำหรับงีบหลับกันแบบฟรีๆ มันดีตรงนี้ เคล็ดลับการเลือกเบาะที่นอนคือ อย่าเลือกเบาะเก่า เพราะจะมีกลิ่น ในสนามบินมีห้องน้ำ ตู้กดน้ำ ที่ชาร์ตแบต โดยโซนนี้จะอยู่ที่สนามบินภายในประเทศอินเดีย ข้อเสียของนิวเดลีคือ ไม่ยอมมีอินเตอร์เน็ตฟรีในสนามบินจ๊ะนายจ๋า
หรืออีกทางเลือกหนึ่งที่นิวเดลีเขามีเลาจ์ให้บริการ อาหาร เครื่องดื่ม เครื่องดื่มแอลกฮอล์ไม่อั้น ไวไฟ ห้องน้ำ ห้องนอน ครบมากชื่อว่า Plaza Premium Lounge ค่าเข้าเลาจ์หนึ่งครั้งอยู่ที่ 1,400 รูปีจ๊ะนายจ๋า รูดสิคะจะรออะไรแปลว่าบัตรใบนี้จะช่วยผึ้งประหยัดงบไปอีกประมาณ 17 บาทไทย ชิลๆกันไปในเลาน์เนี่ยแหละ รอเวลาประมาณ 05:30 ก็เตรียมตัวขึ้นเครื่องกันได้แล้ว

หลิ่วตา วันที่ 1 : ตกหลุมรักตั้งแต่แรกเห็น
ในที่สุดเราก็มาถึงสนามบินของเลห์ ในพื้นที่ความสูงกว่าระดับน้ำทะเล 3000 เมตรได้ ดีใจที่ยังไม่เจออาการอะไรที่จะบ่งบอกว่าเราจะเป็น Altitude sickness แต่การดำรงชีพก็ยังคงเน้นเซฟตัวเองคือ ให้เคลื่อนไหวช้าๆ อย่าวิ่งเพราะอาจจะหายใจไม่ทัน เพราะที่นี่อากาศบางเบา จากนั้นก็มีรถที่จ้างไว้มารับ เพื่อไปที่พักโดยเราพักที่ Royal Heritage Resort สไตล์อาลาดินมาก
ข้อเสียของการมาพักที่เลห์ ต้องทำใจไว้เรื่องนึงคือไฟฟ้าไม่ค่อยเพียงพอ บางที่พักจะเปิดปิดไฟตามเวลา ฮีตเตอร์อาจทำงานได้ไม่เต็มที่ น้ำร้อนจะหมดเวลาไวกว่า 22:00 เรื่องแบบนี้ต้องเจอกันแน่ๆ เลยแนะนำให้ทำใจกันไว้บ้าง แต่วิวที่เห็นจะคุ้มค่าแน่นอน
สำหรับวันแรกเราเดินทางไปเที่ยว และ ปรับสภาพร่างกายไปในตัวกันที่ Leh Palace, Shanti Stupa, Tsemo Viewpoint ซึ่งที่กล่าวมาเหล่านี้ล้วนอยู่ในละแวกเดียวกัน โดยไฮไลต์คงเป็น Leh Palace ที่ใครๆก็ต้องมา โดยภายในจะมีเหมือน Exhibition เรื่องสิ่งปลูกสร้างที่ติดอันดับโลก แต่อยู่ในอินเดีย เช่น ทัชมาฮาล เป็นต้นเอาเข้าจริงไม่มีอะไร เพียงแต่ให้เราเห็นวิวสุดว้าวที่จะได้เจอมากกว่า
คนที่เลห์ เขาไม่นับตัวเองว่าเป็นอินเดียนะ จากที่ลองคุยๆมา ความเชื่อของเขาจะออกแนวทิเบต เราเลยจะพบเห็นธงหลากสี ติดอยู่ทั่วเมือง โดยธงจะมีบทสวดมนต์เขียนไว้ ด้วยความเชื่อว่าลม จะพัดสิ่งที่ดีในบทสวดเข้ามา สาระมีอยู่จริงนะจ๊ะนายจ๋า
ที่เซอร์ไพร์หนักมากคือ เย็นวันนี้มีการแสดงพิเศษจากคนเลห์ เป็นการเต้นรำที่หาดูยาก เพราะการจะชมการเต้นรำแบบนี้จะสามารถชมได้ในโอกาสพิเศษเช่น เทศกาลปีใหม่ การเฉลิมฉลอง โอกาสพิเศษต่างๆ แล้วค่ำคืนแรกในเลห์ ดาลักก็ผ่านไป เอาเข้าจริงที่นี่มันสวยจนหลงรักตั้งแต่แรกเห็นเลยแหะ

หลิ่วตา วันที่ 2 : มุ่งหน้าสู่ Alchi ที่ระหว่างทางไม่ควรหลับ
ข้อดีของโรงแรมเมื่อคืนที่เรานอนคือ เมนูอาหารเขาค่อนข้างทำเอาใจคนไทยอย่างเรา พูดง่ายๆค่อนข้างถูกปาก อย่างไข่เจียวเขาก็ทอดเหมือนไข่เจียวไทย อร่อยใช้ได้ วันนี้เราก็เริ่มเดินทางด้วยความอิ่มในอาหารเช้าที่ถูกปาก คืนนี้เราต้องเปลี่ยนที่นอน เลยต้องเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเล็กๆไป 1 ชุดเพื่อไปค้างที่ Alchi
สิ่งที่ชอบที่สุดของวันที่ 2 คือวิวระหว่างทางจริงๆ เพราะวันนี้เหมือนแวะจุดไฮไลต์ของทริปอย่าง Magnetic Hill และ จุดชมวิว 2 จุดที่ใครได้มาถ่ายรูปด้วยแล้วจะรู้เลยว่ามาถึงเลห์แล้ว จุดแรกเลยที่เราแวะ เป็นจุดที่สามารถชมใบไม้เปลี่ยนสีใรเมืองเลห์ได้
จุดถัดมาคือ Magnetic Hill หรืออีกชื่อคือ Gravity Hill ที่รถแทบทุกคนจะต้องมาจอดรถถ่ายรูปกับถนน ซึ่งบริเวณนี้จะมีปรากฎการณ์พิเศษคือจอดรถเอาไว้ตรงจุดที่เค้ากำหนดไว้แล้วดับเครื่องยนต์ เราจะเห็นเหมือนกับว่า รถมันไหลขึ้นภูเขาได้เอง ซึ่งจริงๆแล้วมันเป็นภาพลวงตา ทางถนนจริงๆมันเป็นทางลงเขาต่างหาก แต่มุมมองที่มองมันเหมือนกับขึ้นภูเขา ถามว่าถ่ายรูปรถไหม ขอตอบเลยว่าไม่
จากนั้นขับรถไปอีกสักระยะจะเจอจุดชมวิวอีกจุด Confluence of the Indus and Zanskar Rivers ที่เป็นจุดตัดของแม่น้ำ 2  สายคือ Indus (แม่น้ำสินธุ) และ Zanskar ซึ่งจะเห็นสีของน้ำที่ต่างกันต้องมานั่งถ่ายรูปคู่สักหน่อยเขาจะได้เข้าใจว่าเรามาถึงแล้ว
ชื่อสินค้า:   TMB ALL FREE CARD
คะแนน:     

BR - Business Review : กระทู้นี้เป็นกระทู้รีวิวจากผู้สนับสนุน

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่