



สวัสดีค่ะ เพื่อนๆชาวพันทิปทุกท่าน
วันนี้เราจะมารีวิวทริปโตเกียว
ครั้งแรก คนเดียว ของเราค่ะ
แน่นอนว่าเป้าหมายหลักของเราในครั้งนี้คือ คอสเพลย์ + กิน/เที่ยว + ชอป
แต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะอยู่แต่กับคอสเพลย์นะคะ
เราก็จะกินเที่ยวแบบคนทั่วไป และชอปกู้ดส์อะไรบ้างเล็กน้อย
ก่อนเดินทางเราก็มีสมุดไว้จดข้อมูลหลายๆอย่างค่ะ กันลืม
คัดกรองข้อมูลมาจากเว็บบ้าง หนังสือบ้าง พันทิปบ้าง เพื่อนบ้าง

จดเฉพาะที่ตัวเองสนใจจะได้หาง่ายๆค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ข้อมูลโดยรวมสำหรับทริปนี้คือ

เวลา - 5 วัน (ถึงญี่ปุ่นวันที่ 11ตอนเช้า-กลับวันที่ 15 ตอนเช้า)
งบ - 50,000 (รวมตั๋วและที่พัก)
ทริปนี้เราไปคนเดียว จึงเลือกนอนเป็นโรงแรมแคปซูลค่ะ ตกคืนหละ 600-700บ./คืน
แล้วเวลาเที่ยวก็น้อยมาก จึงเลือกเป็นที่เดินทางสะดวก และอยู่ในย่าน Akihabara เลย
(เปิดดูไฟล์ทและโรงแรม)

เนื่องจากเวลาที่มีอันน้อยนิด เราจึงมีเป้าหมายแค่ในโตเกียวเท่านั้น
ไม่ไปที่ไกลๆเเบบฟูจิ หรือนอกเมือง แล้วก็ไม่ไปที่สุดฮิตและใช้เวลาทั้งวันแบบดิสนีย์
แต่เน้นอะไรที่ค่อนข้างเฉพาะสาย ที่แบบที่พาครอบครัวหรือเพื่อนไปอาจจะไม่สนุก
แต่เราก็แอบเจอฟูจิซังตอนก่อนเครื่องลงด้วยนะคะ


[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
โชคดีจริงๆที่ตื่นค่ะ 55555
มาดูสถานที่
Target ที่เราสนใจกันนะคะ

(ไม่ใช่ว่าจะไปทั้งหมดนะคะ คือที่สำคัญต้องเก็บ แต่อะไรที่เผื่อๆไว้ถ้าไม่ทันค่อยมาตำซ้ำเอา

)
1. Onepiece Tower : เป็นที่ที่ต้องไปค่ะ เราอินกับเรื่องนี้มาก ตั้งตารอและศึกษาโปรแกรมอย่างละเอียด 555
2. Tokyo Tower : อยู่ที่เดียวกับวันพีชค่ะ มาแล้วก็ควบไปเลยหละกัน ได้เช็คอินให้ขุ่นแม่ที่บ้านเห็นบ้าง
3. Harajuku : ที่นี่เป็นที่ในฝันที่อยากไปตั้งแต่เด็กๆ เลยคิดว่าจะไปในวันอาทิตย์ให้ได้เลย อยากไปยืนชื่นชมปลื้มปลิ่มความnew culture ตรงนี้มากๆ
4. Cosplay Studio (มีเยอะกว่านี้)
- HacoStadium : รอบนี้มาเก็บที่นี่ก่อนค่ะ สตูฯเค้าดีจริงๆค่ะ
- Booty Studio : รอบหน้าจะไปลองที่นี่ค่ะ
5. Cosplay Shop
-Ascos, Akihabara : ไปโดนมาแล้วค่ะ
-Donqijote, Akihabara : ไปโดนมาแล้วค่ะ
-Cospatio, Akihabara : ไปมาแต่แบตหมดไม่ได้ถ่ายรูป 555
-Assit Wig, Akihabara : หาไม่เจอค่ะ แบตหมดจะเสิร์ชก็ไม่ได้ 555 เวลาไม่พอด้วย 5555555555
5. Figure, Nendoroid, Toy oth
-Akihabara Area : แค่ไปดงที่ใช่ คุณก็ไม่สามารถปลีกตัวออกมาได้อีกเลยจ้า......
-Otome Road Area : เงินหมดเลยไม่ไปดีกว่าค่ะ กลัวหนี้บานตระไท
-Nakano Broadway Area : เหตุผลเดียวกันก็เลยไม่ไปค่ะ 55555
6. Shopping ขนม. คสอ. ยา บลาๆ
-Akihabara area : แถวนี้ก็ย่านการค้าค่ะเลยคิดว่าหลายๆอย่างซื้อจากที่นี่ก็ได้
-Ameyoko : แถวนี้ก็ย่านชอป ของถูกก็เยอะ แค่ต้องระวังของปลอม
7. Asakusa
สุดท้ายเราก็ได้แผนคร่าวๆ โดยอ้างอิงจากความเป็นจริง และไม่หลวมเกินไป

ดูยากไปมั้ยคะ 5555
แผนเที่ยวเราค่อนข้างหลวม(ดูเหมือนหลวม แต่จริงๆเราอยากทำไปหมดทุกอย่างเลยค่ะ เหมือนจะไม่พอ)
ตอนเขียนแผนตอนแรกเราปักหมุดเกือบทุกที่เลยค่ะ 55555 พอมาคำนวนเวลาแล้วเศร้าใจ ถอนหมุดกันไม่ทันเลยจ้า
**ทริปนี้อาจไม่เน้นวิธีการเดินทางมาก ถ้าสถานที่นั้นๆเป็นที่ๆคนนิยมไปและมีรีวิวเยอะนะคะ ทางเราก็ใส่ข้อมูลพอเป็นกระไส อิอิ
***กระทู้นี้ตำหนิติเตียนได้ตามสบาย จะว่าสิ้นเปลืองอะไรยังไงก็ได้ค่ะ เราแค่

และ

****เรารู้สึกว่าเก็บไม่ครบ แต่ไม่ต้องห่วงค่ะ เราจะไปซ้ำแน่นอน
เรามาเริ่มการเดินทางครั้งนี้กันเลยค่ะ เย่

เครื่องลงปุ๊บ หลังจากทนฟังเสียงคนข้างๆนอนกรนตลอดทาง (ชีวิตไม่ค่อยดีเลยเน้าะ) เราก็รับประเป๋าและผ่านตม.ภายในเวลาประมาณ 30-40นาที
ตอนผ่านตม.มีจนท.คุณป้าและคุณตาที่พูดไทยได้นิดหน่อยด้วย (กดรีข้าม..)ฟีลทุกอย่างเป็นญี่ปุ่นหมดเลยค่ะ ตั้งแต่เห็นคนขนกระเป๋ายังจนท.สนามบินก็รู้สึกได้เลยว่านี่แหละ โคตรยุ่น!!!

ไม่รู้คิดไปเองคนเดียวมั้ย 555
หลังจากผ่านตม.มาแบบ ....ไม่ถามอะไรเลย.....แค่พลิกๆพาสปอร์ตแล้วปล่อยเราไป (คืออยากคุยกับตม.ค่ะ ตม.หล่อมาก หน้าใสกิ๊ก

)
โอเคค่ะ เค้าปล่อยเรา เราก็ต้องเดินไปตามทางของเรา หาจุดแลกตั๋วรถ Skyliner ซึ่งเราซื้อออนไลน์ไว้ค่ะ เป็น SkylinerOneway+Subway24hr
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เราเลือกแบบแถวแรกนะคะ
ลิงค์
http://www.keisei.co.jp/keisei/tetudou/skyliner/e-ticket/en/ticket/skyliner-subway/index.php
ข้อมูลเพิ่มเติม
http://www.keisei.co.jp/keisei/tetudou/skyliner/th/sp/tickets/subway.php
ตามที่บอกว่าเราเที่ยวแค่ในโตเกียว เพราะฉะนั้นเราจะซื้อกันแค่พาสของ Subway & Metro ค่ะ
Day1 Skyliner+24hr Subway
Day2 N/A (วันนี้ใช้แค่ JR เราจะไม่ใช้ Pass กันค่ะ)
Day3-5 72hr Subway
Day5 Skyliner
Day1 ลงเครื่อง > ไปฝากกระเป๋า > ไปเที่ยว
หลังจากเดินเป็นกะเหรี่ยงในสนามบินอยู่นาน เราก็เพิ่งจะรู้ว่าเคาท์เตอร์ Keisei และ Skyliner ทั้งหมดนั้นเป็นที่ขายอย่างเดียว ถ้าจะแลกตั๋วต้องไปที่ Skyliner Informationชั้นล่างจ้า ทุกคนอาจจะรู้แล้ว แต่เราเพิ่งรู้ค่ะ มันต้องเป็นที่มี Information แง...(รู้สึกว่าตัวเองกะเหรี่ยงสุดๆ

)
สำหรับคนที่มาแล้วแต่ความรู้ยังไม่แน่น ที่นี่มีหนังสือคู่มือเป็นภาษาไทยทั้งหมด ทั้งแนะนำที่เที่ยว และการใช้ยานโดยสารสาธารณะทุกรูปแบบ เป็นเล่มๆ หยิบกันได้ฟรีๆเลยจ้า
ปลื้มปลิ่มอีกครั้งตอนนั้น Skyliner มีที่ชาร์ตแบตให้ด้วยค่า เสียบแล้วนอนต่อเลยไม่พูดมากค่ะง่วง55555
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เราก็แอบต้องระแวงด้วยนะคะ อย่านอนลืม เราลงกันที่สุดสาย Ueno เปลี่ยนรถมาขึ้น Subway (Hibiya Line) H17 ไปที่ H15 - Akihabara
ถ้าสัมภาระเยอะ พยายามมองหาลิฟท์นะคะ มันจะซ่อนอยู่สักมุมนึง 555
พอถึงสถานีอากิฮาบาระ คราวนี้ก็มี2ทางเลือก
Exit2 ขึ้นบันได อยู่ใกล้โรงแรมสุด,
Exit3 มีลิฟท์ อยู่ห่างจากทาง2ไม่เกิน50ก้าว
ตอนนั้นอินี่ไม่ต้องเลือกค่ะ ขึ้นลิฟท์แน่นอน กระเป๋าลากเรา2ใบ
เราขึ้นลิฟท์ไปเจอห้าง Yodobashi เลยค่ะ สะดวกแท้ ออกมาจากลิฟท์ก็มองไปทางถนนที่มีทางโทรลเวยนะคะ เลี้ยวซ้ายแล้วเดินขนาบถนนไป
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เห็นโคโค่อิจิบันมั้ยค่ะ 
ตรงไปเจอถนนที่ต้องข้ามครั้งแรกจะเจอตึกนี้ค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เราเดินตรงไปแล้วเลี้ยวซ้ายซอยถัดไป เลี้ยวขวาอีกทีก็เจอโรงแรมเลย (รวมไม่ถึง100ก้าวจากสถานี

)
ระหว่างทางคือร้านอาหารหนาแน่นมาก มีเซเว่นด้วย มีร้านนวดด้วย นวดกระปู๋วก็มี

แปะรูปหน้าโรงแรมจากกูเกิ้ลนะก๊ะ โรงแรมเป็นสีชมพูและดูผู้หญิงฝุดๆ
Akihabara Bay Hotel (Female only) นะจ๊ะ

22/11/2561 อัพเดต
เราจะโปรโมทโรงแรมกันให้สุด แล้วค่อยไปต่อเรื่องเที่ยวแต่ละวันนะคะ เพราะเรารู้สึกว่าโรงแรมนี้โอเคจริงๆ ควรค่าเเก่การแนะนำ
ก่อนอื่นก็จัดข้อมูลโรงแรมก่อนค่ะ
เวลาเช็คอิน 16.00
เวลาเช็คเอาท์ 10.00
เครื่องใช้ส่วนตัว/1วัน - ผ้าขนหนู2ผืน ชุดนอน หวี แปรงสีฟัน ยาสีฟัน ที่อุดหู
อื่นๆ - เมคอัพคลีนซิ่ง โฟมล้างหน้า โทนเนอร์ โลชั่น เอสเซ้นผม แชมพู ครีมนวด สบู่เหลว
สิ่งอำนวยความสะดวก -ลอคเกอร์ ไดร์เป่าผม เครื่องดัดลอนไฟฟ้า เครื่องซักอบแห้ง เตารีด ล็อกเกอร์ ไมโครเวฟ เครื่องทำน้ำร้อน ตู้กดน้ำ
ตอนเช็คอิน สามารถใช้เเค่พาสปอร์ตนะคะ แต่เพื่อความรวดเร็วถ้ามีใบยืนยันการจองก็จะเร็วกว่า
เช็คอินเสร็จเราต้องเอารองเท้าไปใส่ตู้รองเท้า ให้หยิบสลิปเปอร์ในตู้มาใส่แทน แล้วนำกุญแจไปให้พนง. พนักงานจะเก็บกุญแจตู้รองเท้าไปและเอาริสแบรนด์ให้เราค่ะ ริสแบนมีไว้เปิดประตูในชั้นที่เราอยู่เท่านั้น และมีกุญแจที่สามารถเปิดลอคเกอร์ของเราได้ค่ะ
นอกจากนั้นเราจะได้เอกสารประกอบ เพื่อทำความเข้าใจ

เราได้ห้องชั้นบนสุด นั้นก็คือ ชั้น 5
ชั้นทื่เราอยู่จะต่างจากทุกชั้นนั่นก็คือ เปิดประตูลิฟท์ออกมาแล้วจะมีโซฟาและที่กว้างๆค่ะ แล้วถึงจะเป็นโซนที่พัก
ชั้นอื่นที่เราแอบเปิดดูทุกชั้น(ซนค่ะ555

) ต้องใช้ริสแบนไปแสกนก่อนถึงจะเข้าได้ ไม่มีโซฟา ไม่มีพื้นที่กว้างๆ ลองดูตามรูปนะคะ

กลับไปที่โซนที่พักชั้น5 เราแสกนริสแบนเข้าไปก็เจอห้องลอคเกอร์เก็บสัมภาระค่ะ ห้องสะอาดมาก มีกระจกบานใหญ่ มีรูปผู้ในท่านอนแปะอยู่ตามกำแพง สำหรับเซอร์วิสสาวๆ

ลอกเกอร์เป็นทรงยาว เลขตู้ลอกเกอร์ กับเลขห้องแคปซูลเราจะเป็นเลขเดียวกัน ดูบนริสแบนได้เลยค่ะ ถ้าหากเลี้ยวซ้ายเป็นโซนห้องแคปซูล เลี้ยวขวาเป็นห้องน้ำ(สุขา3 อ่างล้างหน้า1)
รูปลอคเกอร์ ยืมของโรงแรมมาเลย>>
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ถ้าสัมภาระเพื่อนๆใส่ไม่พอ ให้เอาไปฝากที่ลอบบี้แล้วถือแทกกระเป๋าแทนก็ได้ค่ะ

ไปกันที่แคปซูล แคปซูลมีขนาดใหญ่มากพอที่เราจะม้วนหน้าม้วนหลังเล่นกายกรรมได้ (เราลองม้วนหน้าดูแล้วน่ะค่ะ 555แอบลองเงียบๆ)

ในแคปซูลมีที่เสียบหัวUSB 1ช่องสำหรับชาร์ตอะไรก็ได้ แต่ห้ามคุยโทรศัพท์ในโซนนี้นะคะ ไฟในห้องกดปิดจากหน้าแคปซูล แต่ในแคปซูลสามารถหรี่ได้ ชุดนอนในภาพเราจะได้มาวันละชุด เหมือนชุดนักโทษ แต่ใส่สบายมากค่ะ 
ถ้าจะคุยโทรศัพท์ หรือทานอาหารต้องลงไปชั้น B1 เป็นพื้นที่ส่วนกลางค่ะ ส่วนใหญ่ที่นั่งจะเต็มตอนช่วงสามทุ่มครึ่งถึงเที่ยงคืน
มีสาวๆใส่ชุดคนคุก(ชุดนักโทษสาว 555)นั่งกันเต็มเลยค่ะ ถ้าเก้าอี้โต๊ะไหนว่างก็ขอเข้าไปนั่งด้วยได้
ชั้นส่วนกลางมีช่องเสียบปลั๊กรูแบน และช่องUSB ที่ทุกโต๊ะ โต๊ะละหลายช่องค่ะ
มาว่ากันที่ห้องอาบน้ำ จะอยู่ที่ชั้น1 ชั้นเดียวกับลอบบี้แต่คนละโซน
เดินเข้าไปก็จะมีเครื่องซักอบผ้า ตรงไปเป็นอ่างล้างหน้า แต่ถ้าหันไปทางซ้ายจะเจอห้องอาบน้ำเป็นแนวยาวค่ะ

ยังไม่เคยเจอจังหวะที่มาแล้วห้องอาบน้ำเต็มเลยนะคะ เคยแค่ยืนรอไดร์เป่าผม2-3นาที
(ที่ห้องน้ำมีตาชั่งมินิอยู่ด้วย ก่อนกลับเราขอยืมไปชั่งสัมภาระ พนง.ก็ใจดีค่ะไม่ว่าอะไร)
สิ่งที่ชอบสุดๆจากโรงแรมนี้มีด้วยกัน 3 อย่างค่ะ
1. แสงไฟที่ไม่หลอกตา และกระจกที่มีอยู่ในทุกๆที่ของโรงแรม กระจกมีทุกที่จริงๆนะคะ 55555 แสงก็สว่างทุกที่จริงๆ
2. มีชุดนอน ผ้าขนหนู ไดร์เป่า ฯลฯ ของใช้แต่ละวันให้ พร้อมสุดๆ
3. สกินแคร์ของโรงแรมใช้ดีมาก คือกลัวคลีนซิ่งออยของโรงแรมจะล้างไม่สะอาด พอใช้....ออกหมดทุกอณู เราแต่งหน้าคอสเพลย์คือหนามาก แต่ล้างสะอาด กาวติดขนตายังหลุด โฟมล้างหน้าก็ดี หน้าไม่เเห้งตึง น้ำตบโลชั่น ทุกอย่าง ดีย์!!!!! คือถ้าไปที่นี่อีกจะไม่เอาอะไรไปเลย 5555
ตัวอักษรเต็มแล้ว ไว้ต่อวันหน้าละกันค่า
เที่ยวโตเกียว ครั้งแรก คนเดียว ฉบับสาวสายคอส
สวัสดีค่ะ เพื่อนๆชาวพันทิปทุกท่าน
วันนี้เราจะมารีวิวทริปโตเกียว ครั้งแรก คนเดียว ของเราค่ะ
แน่นอนว่าเป้าหมายหลักของเราในครั้งนี้คือ คอสเพลย์ + กิน/เที่ยว + ชอป
แต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะอยู่แต่กับคอสเพลย์นะคะ
เราก็จะกินเที่ยวแบบคนทั่วไป และชอปกู้ดส์อะไรบ้างเล็กน้อย
ก่อนเดินทางเราก็มีสมุดไว้จดข้อมูลหลายๆอย่างค่ะ กันลืม
คัดกรองข้อมูลมาจากเว็บบ้าง หนังสือบ้าง พันทิปบ้าง เพื่อนบ้าง
จดเฉพาะที่ตัวเองสนใจจะได้หาง่ายๆค่ะ[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ข้อมูลโดยรวมสำหรับทริปนี้คือ
เวลา - 5 วัน (ถึงญี่ปุ่นวันที่ 11ตอนเช้า-กลับวันที่ 15 ตอนเช้า)
งบ - 50,000 (รวมตั๋วและที่พัก)
ทริปนี้เราไปคนเดียว จึงเลือกนอนเป็นโรงแรมแคปซูลค่ะ ตกคืนหละ 600-700บ./คืน
แล้วเวลาเที่ยวก็น้อยมาก จึงเลือกเป็นที่เดินทางสะดวก และอยู่ในย่าน Akihabara เลย
(เปิดดูไฟล์ทและโรงแรม)
เนื่องจากเวลาที่มีอันน้อยนิด เราจึงมีเป้าหมายแค่ในโตเกียวเท่านั้น
ไม่ไปที่ไกลๆเเบบฟูจิ หรือนอกเมือง แล้วก็ไม่ไปที่สุดฮิตและใช้เวลาทั้งวันแบบดิสนีย์
แต่เน้นอะไรที่ค่อนข้างเฉพาะสาย ที่แบบที่พาครอบครัวหรือเพื่อนไปอาจจะไม่สนุก
แต่เราก็แอบเจอฟูจิซังตอนก่อนเครื่องลงด้วยนะคะ
โชคดีจริงๆที่ตื่นค่ะ 55555
มาดูสถานที่ Target ที่เราสนใจกันนะคะ
(ไม่ใช่ว่าจะไปทั้งหมดนะคะ คือที่สำคัญต้องเก็บ แต่อะไรที่เผื่อๆไว้ถ้าไม่ทันค่อยมาตำซ้ำเอา
1. Onepiece Tower : เป็นที่ที่ต้องไปค่ะ เราอินกับเรื่องนี้มาก ตั้งตารอและศึกษาโปรแกรมอย่างละเอียด 555
2. Tokyo Tower : อยู่ที่เดียวกับวันพีชค่ะ มาแล้วก็ควบไปเลยหละกัน ได้เช็คอินให้ขุ่นแม่ที่บ้านเห็นบ้าง
3. Harajuku : ที่นี่เป็นที่ในฝันที่อยากไปตั้งแต่เด็กๆ เลยคิดว่าจะไปในวันอาทิตย์ให้ได้เลย อยากไปยืนชื่นชมปลื้มปลิ่มความnew culture ตรงนี้มากๆ
4. Cosplay Studio (มีเยอะกว่านี้)
- HacoStadium : รอบนี้มาเก็บที่นี่ก่อนค่ะ สตูฯเค้าดีจริงๆค่ะ
- Booty Studio : รอบหน้าจะไปลองที่นี่ค่ะ
5. Cosplay Shop
-Ascos, Akihabara : ไปโดนมาแล้วค่ะ
-Donqijote, Akihabara : ไปโดนมาแล้วค่ะ
-Cospatio, Akihabara : ไปมาแต่แบตหมดไม่ได้ถ่ายรูป 555
-Assit Wig, Akihabara : หาไม่เจอค่ะ แบตหมดจะเสิร์ชก็ไม่ได้ 555 เวลาไม่พอด้วย 5555555555
5. Figure, Nendoroid, Toy oth
-Akihabara Area : แค่ไปดงที่ใช่ คุณก็ไม่สามารถปลีกตัวออกมาได้อีกเลยจ้า......
-Otome Road Area : เงินหมดเลยไม่ไปดีกว่าค่ะ กลัวหนี้บานตระไท
-Nakano Broadway Area : เหตุผลเดียวกันก็เลยไม่ไปค่ะ 55555
6. Shopping ขนม. คสอ. ยา บลาๆ
-Akihabara area : แถวนี้ก็ย่านการค้าค่ะเลยคิดว่าหลายๆอย่างซื้อจากที่นี่ก็ได้
-Ameyoko : แถวนี้ก็ย่านชอป ของถูกก็เยอะ แค่ต้องระวังของปลอม
7. Asakusa
สุดท้ายเราก็ได้แผนคร่าวๆ โดยอ้างอิงจากความเป็นจริง และไม่หลวมเกินไป
แผนเที่ยวเราค่อนข้างหลวม(ดูเหมือนหลวม แต่จริงๆเราอยากทำไปหมดทุกอย่างเลยค่ะ เหมือนจะไม่พอ)
ตอนเขียนแผนตอนแรกเราปักหมุดเกือบทุกที่เลยค่ะ 55555 พอมาคำนวนเวลาแล้วเศร้าใจ ถอนหมุดกันไม่ทันเลยจ้า
**ทริปนี้อาจไม่เน้นวิธีการเดินทางมาก ถ้าสถานที่นั้นๆเป็นที่ๆคนนิยมไปและมีรีวิวเยอะนะคะ ทางเราก็ใส่ข้อมูลพอเป็นกระไส อิอิ
***กระทู้นี้ตำหนิติเตียนได้ตามสบาย จะว่าสิ้นเปลืองอะไรยังไงก็ได้ค่ะ เราแค่
****เรารู้สึกว่าเก็บไม่ครบ แต่ไม่ต้องห่วงค่ะ เราจะไปซ้ำแน่นอน
เรามาเริ่มการเดินทางครั้งนี้กันเลยค่ะ เย่
เครื่องลงปุ๊บ หลังจากทนฟังเสียงคนข้างๆนอนกรนตลอดทาง (ชีวิตไม่ค่อยดีเลยเน้าะ) เราก็รับประเป๋าและผ่านตม.ภายในเวลาประมาณ 30-40นาที
ตอนผ่านตม.มีจนท.คุณป้าและคุณตาที่พูดไทยได้นิดหน่อยด้วย (กดรีข้าม..)ฟีลทุกอย่างเป็นญี่ปุ่นหมดเลยค่ะ ตั้งแต่เห็นคนขนกระเป๋ายังจนท.สนามบินก็รู้สึกได้เลยว่านี่แหละ โคตรยุ่น!!!
หลังจากผ่านตม.มาแบบ ....ไม่ถามอะไรเลย.....แค่พลิกๆพาสปอร์ตแล้วปล่อยเราไป (คืออยากคุยกับตม.ค่ะ ตม.หล่อมาก หน้าใสกิ๊ก
โอเคค่ะ เค้าปล่อยเรา เราก็ต้องเดินไปตามทางของเรา หาจุดแลกตั๋วรถ Skyliner ซึ่งเราซื้อออนไลน์ไว้ค่ะ เป็น SkylinerOneway+Subway24hr
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ลิงค์ http://www.keisei.co.jp/keisei/tetudou/skyliner/e-ticket/en/ticket/skyliner-subway/index.php
ข้อมูลเพิ่มเติมhttp://www.keisei.co.jp/keisei/tetudou/skyliner/th/sp/tickets/subway.php
ตามที่บอกว่าเราเที่ยวแค่ในโตเกียว เพราะฉะนั้นเราจะซื้อกันแค่พาสของ Subway & Metro ค่ะ
Day1 Skyliner+24hr Subway
Day2 N/A (วันนี้ใช้แค่ JR เราจะไม่ใช้ Pass กันค่ะ)
Day3-5 72hr Subway
Day5 Skyliner
Day1 ลงเครื่อง > ไปฝากกระเป๋า > ไปเที่ยว
หลังจากเดินเป็นกะเหรี่ยงในสนามบินอยู่นาน เราก็เพิ่งจะรู้ว่าเคาท์เตอร์ Keisei และ Skyliner ทั้งหมดนั้นเป็นที่ขายอย่างเดียว ถ้าจะแลกตั๋วต้องไปที่ Skyliner Informationชั้นล่างจ้า ทุกคนอาจจะรู้แล้ว แต่เราเพิ่งรู้ค่ะ มันต้องเป็นที่มี Information แง...(รู้สึกว่าตัวเองกะเหรี่ยงสุดๆ
สำหรับคนที่มาแล้วแต่ความรู้ยังไม่แน่น ที่นี่มีหนังสือคู่มือเป็นภาษาไทยทั้งหมด ทั้งแนะนำที่เที่ยว และการใช้ยานโดยสารสาธารณะทุกรูปแบบ เป็นเล่มๆ หยิบกันได้ฟรีๆเลยจ้า
ปลื้มปลิ่มอีกครั้งตอนนั้น Skyliner มีที่ชาร์ตแบตให้ด้วยค่า เสียบแล้วนอนต่อเลยไม่พูดมากค่ะง่วง55555
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เราก็แอบต้องระแวงด้วยนะคะ อย่านอนลืม เราลงกันที่สุดสาย Ueno เปลี่ยนรถมาขึ้น Subway (Hibiya Line) H17 ไปที่ H15 - Akihabara
ถ้าสัมภาระเยอะ พยายามมองหาลิฟท์นะคะ มันจะซ่อนอยู่สักมุมนึง 555
พอถึงสถานีอากิฮาบาระ คราวนี้ก็มี2ทางเลือก
Exit2 ขึ้นบันได อยู่ใกล้โรงแรมสุด,
Exit3 มีลิฟท์ อยู่ห่างจากทาง2ไม่เกิน50ก้าว
ตอนนั้นอินี่ไม่ต้องเลือกค่ะ ขึ้นลิฟท์แน่นอน กระเป๋าลากเรา2ใบ
เราขึ้นลิฟท์ไปเจอห้าง Yodobashi เลยค่ะ สะดวกแท้ ออกมาจากลิฟท์ก็มองไปทางถนนที่มีทางโทรลเวยนะคะ เลี้ยวซ้ายแล้วเดินขนาบถนนไป
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ตรงไปเจอถนนที่ต้องข้ามครั้งแรกจะเจอตึกนี้ค่ะ[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เราเดินตรงไปแล้วเลี้ยวซ้ายซอยถัดไป เลี้ยวขวาอีกทีก็เจอโรงแรมเลย (รวมไม่ถึง100ก้าวจากสถานี
ระหว่างทางคือร้านอาหารหนาแน่นมาก มีเซเว่นด้วย มีร้านนวดด้วย นวดกระปู๋วก็มี
แปะรูปหน้าโรงแรมจากกูเกิ้ลนะก๊ะ โรงแรมเป็นสีชมพูและดูผู้หญิงฝุดๆ
Akihabara Bay Hotel (Female only) นะจ๊ะ
22/11/2561 อัพเดต
เราจะโปรโมทโรงแรมกันให้สุด แล้วค่อยไปต่อเรื่องเที่ยวแต่ละวันนะคะ เพราะเรารู้สึกว่าโรงแรมนี้โอเคจริงๆ ควรค่าเเก่การแนะนำ
ก่อนอื่นก็จัดข้อมูลโรงแรมก่อนค่ะ
เวลาเช็คอิน 16.00
เวลาเช็คเอาท์ 10.00
เครื่องใช้ส่วนตัว/1วัน - ผ้าขนหนู2ผืน ชุดนอน หวี แปรงสีฟัน ยาสีฟัน ที่อุดหู
อื่นๆ - เมคอัพคลีนซิ่ง โฟมล้างหน้า โทนเนอร์ โลชั่น เอสเซ้นผม แชมพู ครีมนวด สบู่เหลว
สิ่งอำนวยความสะดวก -ลอคเกอร์ ไดร์เป่าผม เครื่องดัดลอนไฟฟ้า เครื่องซักอบแห้ง เตารีด ล็อกเกอร์ ไมโครเวฟ เครื่องทำน้ำร้อน ตู้กดน้ำ
ตอนเช็คอิน สามารถใช้เเค่พาสปอร์ตนะคะ แต่เพื่อความรวดเร็วถ้ามีใบยืนยันการจองก็จะเร็วกว่า
เช็คอินเสร็จเราต้องเอารองเท้าไปใส่ตู้รองเท้า ให้หยิบสลิปเปอร์ในตู้มาใส่แทน แล้วนำกุญแจไปให้พนง. พนักงานจะเก็บกุญแจตู้รองเท้าไปและเอาริสแบรนด์ให้เราค่ะ ริสแบนมีไว้เปิดประตูในชั้นที่เราอยู่เท่านั้น และมีกุญแจที่สามารถเปิดลอคเกอร์ของเราได้ค่ะ
นอกจากนั้นเราจะได้เอกสารประกอบ เพื่อทำความเข้าใจ
เราได้ห้องชั้นบนสุด นั้นก็คือ ชั้น 5
ชั้นทื่เราอยู่จะต่างจากทุกชั้นนั่นก็คือ เปิดประตูลิฟท์ออกมาแล้วจะมีโซฟาและที่กว้างๆค่ะ แล้วถึงจะเป็นโซนที่พัก
ชั้นอื่นที่เราแอบเปิดดูทุกชั้น(ซนค่ะ555
กลับไปที่โซนที่พักชั้น5 เราแสกนริสแบนเข้าไปก็เจอห้องลอคเกอร์เก็บสัมภาระค่ะ ห้องสะอาดมาก มีกระจกบานใหญ่ มีรูปผู้ในท่านอนแปะอยู่ตามกำแพง สำหรับเซอร์วิสสาวๆ
รูปลอคเกอร์ ยืมของโรงแรมมาเลย>>[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้