——ผมขอพูดเฉพาะ ม.ปลายนะครับอย่านำสายอาชีพเข้ามาเกี่ยวข้อง—————————
ครับ ผมเป็น นศ ม.รัฐแห่งหนึ่งแถวรังสิตขอเกริ่นก่อนนะครับ คือวันนี้ผมนอนคิดไปคิดมาว่าถ้าเรียนจบแล้วเราจะไปทำงานอย่างนั้นจริงหรอ? หรือว่าเราจะซิ่วเอาคณะอื่น (คณะที่ผมเรียนอยู่ตอนนี้ผมชอบนะครับแต่ก็มีอีกคณะที่ผมชอบ55)
ทำให้ผมย้อนกลับไปคิดว่าการที่ผมไม่สามารถเลือกคณะใดคณะหนึ่งได้ส่วนหนึ่งมาจากความลังเลของผม แต่ในอีกความคิดหนึ่งผมว่าอาจจะมาจาก
ระบบการศึกษา ซึ่งผมมองว่าการศึกษาของประเทศเราไม่ค่อยได้สอนหรือเน้นความสำคัญในการค้นหาตัวตนของเด็กสักเท่าไร ลองคิดดูนะครับ ตอน ม.ต้น คุณจะได้เรียนวิชาพื้นฐานทั่วๆไป ซึ่งผมมองว่าตรงนี้ก็พอจะใช้ได้อยู่ในส่วนหนึ่ง แต่สำหรับ ม.ปลาย ผมมองว่ามันค่อนข้างที่จะไม่เวิร์คอยู่พอสมควร ยังไงหรอครับ คุณจะต้องเลือกสายละ ว่าจะเรียน วิทย์-คณิต หรือ ศิลป์ ใช่ครับผมมองว่าตรงนี้เริ่มทำให้เด็กบางส่วนเริ่มตัดสินใจผิดพลาด แล้วผมก็เห็นว่าเด็กส่วนใหญ่เป็นเด็กสายวิทย์ครับซึ่งมักจะได้การแนะนำมาจากผู้ใหญ่ที่บอกว่าเรียนสายวิทย์ ไปเถอะ "เลือกได้หลายทาง" คำนี้แหละครับทำให้ผมมองไปถึงตอนแอดมิชชั่นถ้าคุณเข้าในคณะที่เรียนต่อยอดจาก ม.ปลายก็ไม่มีปัญหาครับ แต่ถ้าคุณไม่ชอบตอน ม.ปลายละ คุณก็จะแอดเข้าคณะพวกสายสังคม เช่น นิติ ซึ่งตอนแอดคุณก็จะเลือกว่า คณะนิติศาสตร์ พื้นฐานวิทยาศาสตร์ ตรงนี้แหละครับที่มันทำให้ผมขัดใจตรงที่ว่านิติ ไม่ต้องใช้ ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ แต่คุณใช้เวลา3ปีตอน ม.ปลาย ไปกับมันผมว่ามันไม่ค่อย make sense เท่าไร แต่เด็กบางคนที่เขาทนเรียนได้ ผมมองว่าถ้าทนเรียนได้ก็ไม่มีปัญหาแต่ถ้าไม่ได้ละ บรรลัยเลยนะครับ ทำให้เสียเวลาซิ่วอีก 1 ปี ได้เลยนะครับซึ่งถ้าครอบครัวคุณมีฐานะก็อาจจะไม่มีปัญหาอะไรแต่ก็มีบางครอบครัวที่เขาไม่ได้มีเงินเขาหวังจะให้ลูกเรียนจบใน 4 ปี เพื่อที่จะได้มาช่วยแบ่งเบาภาระซึ่งก็คงทำให้ลูกของครอบครัวนั้นทนๆไปจนจบแต่ไม่ได้ชอบเลยในสิ่งที่เรียนมาแล้ว ตรงนี้ก็ทำให้ผมคิดอีกการที่เด็กเลือกสายวิทย์(บางส่วนนะครับ)ไม่ได้เลือกเรียนเพื่อที่จะไปใช้ในสาขาวิชาต่างๆที่เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์แต่เรียนไปเพียงเพราะว่า
เลือกได้หลายทาง ตามที่ผู้ใหญ่แนะนำมา เหมือนที่บอกไว้ด้านบน
ซึ่งการแก้ไขผมคิดไว้ว่าวิชาแนะแนวควรเริ่มแบบจริงจังได้ตั้งแต่ ม.ต้น โดยเฉพาะ ม.3และก็ไม่ใช่แนะแนวแบบในปัจจุบันที่ให้ฟังตัวแทนของมหาวิทยาลัยต่างๆมาบรรยายสรรพคุณของ ม.ตัวเองแต่ควรให้เด็กได้วิเคราะห์ตัวเองพาไปหาบุคลากรในอาชีพนั้นๆ บางทีการให้หาข้อมูลจากในอินเทอร์เนตมันก็ไม่เท่ากับการได้ฟังจริงๆนะครับ หรือไม่ก็กำหนด gap year ไปเลยแต่ผมว่าคงใช้ไม่ได้ผลกับประเทศไทย 555
เพื่อนๆละครับคิดว่าไง "การศึกษาของเราสอนให้เด็กสามารถเลือกอนาคตได้หรือไม่"
ป.ล.1 ผมก็เด็กสายวิทย์นะครับ
ป.ล.2 กระทู้นี้เป็นความเห็นส่วนตัวของผมนะครับ
คิดว่า 3 ปีตอน ม.ปลาย เพียงพอกับการตัดสินอนาคตหรือไม่
ครับ ผมเป็น นศ ม.รัฐแห่งหนึ่งแถวรังสิตขอเกริ่นก่อนนะครับ คือวันนี้ผมนอนคิดไปคิดมาว่าถ้าเรียนจบแล้วเราจะไปทำงานอย่างนั้นจริงหรอ? หรือว่าเราจะซิ่วเอาคณะอื่น (คณะที่ผมเรียนอยู่ตอนนี้ผมชอบนะครับแต่ก็มีอีกคณะที่ผมชอบ55)
ทำให้ผมย้อนกลับไปคิดว่าการที่ผมไม่สามารถเลือกคณะใดคณะหนึ่งได้ส่วนหนึ่งมาจากความลังเลของผม แต่ในอีกความคิดหนึ่งผมว่าอาจจะมาจาก ระบบการศึกษา ซึ่งผมมองว่าการศึกษาของประเทศเราไม่ค่อยได้สอนหรือเน้นความสำคัญในการค้นหาตัวตนของเด็กสักเท่าไร ลองคิดดูนะครับ ตอน ม.ต้น คุณจะได้เรียนวิชาพื้นฐานทั่วๆไป ซึ่งผมมองว่าตรงนี้ก็พอจะใช้ได้อยู่ในส่วนหนึ่ง แต่สำหรับ ม.ปลาย ผมมองว่ามันค่อนข้างที่จะไม่เวิร์คอยู่พอสมควร ยังไงหรอครับ คุณจะต้องเลือกสายละ ว่าจะเรียน วิทย์-คณิต หรือ ศิลป์ ใช่ครับผมมองว่าตรงนี้เริ่มทำให้เด็กบางส่วนเริ่มตัดสินใจผิดพลาด แล้วผมก็เห็นว่าเด็กส่วนใหญ่เป็นเด็กสายวิทย์ครับซึ่งมักจะได้การแนะนำมาจากผู้ใหญ่ที่บอกว่าเรียนสายวิทย์ ไปเถอะ "เลือกได้หลายทาง" คำนี้แหละครับทำให้ผมมองไปถึงตอนแอดมิชชั่นถ้าคุณเข้าในคณะที่เรียนต่อยอดจาก ม.ปลายก็ไม่มีปัญหาครับ แต่ถ้าคุณไม่ชอบตอน ม.ปลายละ คุณก็จะแอดเข้าคณะพวกสายสังคม เช่น นิติ ซึ่งตอนแอดคุณก็จะเลือกว่า คณะนิติศาสตร์ พื้นฐานวิทยาศาสตร์ ตรงนี้แหละครับที่มันทำให้ผมขัดใจตรงที่ว่านิติ ไม่ต้องใช้ ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ แต่คุณใช้เวลา3ปีตอน ม.ปลาย ไปกับมันผมว่ามันไม่ค่อย make sense เท่าไร แต่เด็กบางคนที่เขาทนเรียนได้ ผมมองว่าถ้าทนเรียนได้ก็ไม่มีปัญหาแต่ถ้าไม่ได้ละ บรรลัยเลยนะครับ ทำให้เสียเวลาซิ่วอีก 1 ปี ได้เลยนะครับซึ่งถ้าครอบครัวคุณมีฐานะก็อาจจะไม่มีปัญหาอะไรแต่ก็มีบางครอบครัวที่เขาไม่ได้มีเงินเขาหวังจะให้ลูกเรียนจบใน 4 ปี เพื่อที่จะได้มาช่วยแบ่งเบาภาระซึ่งก็คงทำให้ลูกของครอบครัวนั้นทนๆไปจนจบแต่ไม่ได้ชอบเลยในสิ่งที่เรียนมาแล้ว ตรงนี้ก็ทำให้ผมคิดอีกการที่เด็กเลือกสายวิทย์(บางส่วนนะครับ)ไม่ได้เลือกเรียนเพื่อที่จะไปใช้ในสาขาวิชาต่างๆที่เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์แต่เรียนไปเพียงเพราะว่า เลือกได้หลายทาง ตามที่ผู้ใหญ่แนะนำมา เหมือนที่บอกไว้ด้านบน
ซึ่งการแก้ไขผมคิดไว้ว่าวิชาแนะแนวควรเริ่มแบบจริงจังได้ตั้งแต่ ม.ต้น โดยเฉพาะ ม.3และก็ไม่ใช่แนะแนวแบบในปัจจุบันที่ให้ฟังตัวแทนของมหาวิทยาลัยต่างๆมาบรรยายสรรพคุณของ ม.ตัวเองแต่ควรให้เด็กได้วิเคราะห์ตัวเองพาไปหาบุคลากรในอาชีพนั้นๆ บางทีการให้หาข้อมูลจากในอินเทอร์เนตมันก็ไม่เท่ากับการได้ฟังจริงๆนะครับ หรือไม่ก็กำหนด gap year ไปเลยแต่ผมว่าคงใช้ไม่ได้ผลกับประเทศไทย 555
เพื่อนๆละครับคิดว่าไง "การศึกษาของเราสอนให้เด็กสามารถเลือกอนาคตได้หรือไม่"
ป.ล.1 ผมก็เด็กสายวิทย์นะครับ
ป.ล.2 กระทู้นี้เป็นความเห็นส่วนตัวของผมนะครับ