อยากสร้างตัวได้ตั้งแต่อายุยังน้อย

สวัสดีค่ะ เราอยากจะเล่าเรื่องราวชีวิตของเรา และทั้งหมดต่อไปนี้คือเรื่องราวชีวิตของเรา อาจจะมีงงๆบ้างนะคะ ตอนนี้เราอายุ 18 ปี พ่อแม่แยกทางกันตั้งแต่เราอายุ 2 ขวบ ตอนนี้เราอาศัยอยู่กับแม่ พ่อเลี้ยง (แม่แต่งงานใหม่) พี่ชาย และน้องสาว (ลูกของพ่อเลี้ยง) แม่เล่าว่าตอนที่แม่ท้องพี่ชายกับเรา พ่อไม่เคยมาหาแม่ที่ รพ. เลย ไม่เคยสนใจใยดีแม่เลย มีแค่ย่าที่ยังมาเยี่ยมบ้าง เรากับพี่ไม่เคยได้ใช้ของที่ทารกควรได้ใช้ ไม่เคยได้กินนมชง กินแค่นมถั่วเหลืองถุงละ 5 บาท วันหนึ่งพ่อเลี้ยงได้มาแวะร้านก๋วยเตี๋ยวและได้เจอกับแม่ แล้วแม่ก็ได้เล่าเรื่องราวต่างๆให้พ่อเลี้ยงฟัง ตั้งแต่นั้นมาพ่อเลี้ยงเป็นคนซื้อข้าวของเครื่องใช้และนมมาให้เสมอๆด้วยความสงสาร แล้ววันหนึ่งแม่ก็ตัดสินใจจะพาพี่ชายกับเราไปเริ่มต้นใหม่ แต่ย่าไม่ยอมให้เราไป เราจึงต้องอยู่กับย่า และแม่ก็พาพี่ชายเราไป ตอนนั้นเราจำอะไรไม่ได้เลย พอจำความได้น่าจะตอนอายุประมาณ 5-6 ขวบ ย่าจะบอกกับเราเสมอว่าแม่เป็นคนไม่ดี ทิ้งเราไป และวันนั้นเป็นวันที่ย่าพาเราไปบ้านใครก็ไม่รู้ ขังเราไว้ในบ้านกับใครก็ไม่รู้ ทุกคนในบ้านบอกเราว่าถ้าใครเรียกห้ามออกไปนะ แล้วก็มีคนเรียกเราจริงๆ แต่ไม่รู้ทำไมตอนนั้นเราอยากออกไปและร้องไห้หนักมาก จนในที่สุดเราก็ได้ออกไป คนที่เรียกเราคือแม่กับพี่ชาย ตอนนั้นเราวิ่งไปกอดแม่โดยไม่คิดถึงคำพูดของใครเลย แล้วเราก็ได้ไปอยู่กับแม่ตามที่ปรารถนามาโดยตลอด และชีวิตเราก็ดีขึ้นมาระดับหนึ่ง เราดีใจมากที่ได้มีน้องสาว เราได้เข้าศึกษาชั้น ป.1 ในโรงเรียนใกล้บ้าน ซึ่งเป็นโรงเรียนเดียวกับพี่ชายของเรา ตอนนั้นเรากับพี่ชายเป็นคนที่เรียนเก่งระดับหนึ่ง ได้เป็นนักเรียนดีเด่นทั้งคู่ และแม่ก็ได้เป็นแม่ดีเด่นหลายปีซ้อน พอเราขึ้น ป.2 แม่ก็ส่งพี่ชายเรียนต่อ ม.1 ที่โรงเรียนกีฬาแห่งหนึ่งเพราะพี่เป็นคนที่เล่นบอลเก่งมากๆ และน้องสาวเราก็เข้ามาเรียนที่เดียวกับเรา พอพี่ชายเราจบ ม.3 พี่ชายก็กลับมาเรียนแถวบ้าน ไม่รู้เพราะอะไร ทั้งๆที่สอบติดโรงเรียนดังๆที่เขาปั้นนักกีฬา แต่กลับไม่ยอมไปเรียน ตอนนั้นแม่เสียใจมากที่พี่ทิ้งโอกาส จากที่ตั้งความหวังกับพี่กลับมาตั้งความหวังกับเราแทน เราเป็นคนที่เข้าร่วมทุกกิจกรรมของโรงเรียนมาโดยตลอดจนถึง ม.ต้น เราได้รับเกียรติบัตรเยอะพอสมควร เป็นนางรำของโรงเรียน เป็นตัวแทนไปแข่งทักษะหลายสาระ เป็นตัวแทนของระดับภาค เป็นสภานักเรียน และเป็นพิธีกรโรงเรียน ช่วงเวลาเหล่านั้นเราไม่รู้ว่ามันเรียกว่าชีวิตดีรึเปล่า เพราะเราไม่รู้ว่าสิ่งที่เราต้องการจริงๆคืออะไร พอพี่เราจบ ม.6 เป็นช่วงที่มีปัญหาครอบครัวและปัญหาการเงิน พ่อแม่ทะเลาะกันทุกวัน (พ่อเลี้ยง)  และพี่เราก็ได้โควต้านักกีฬาของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในภาคเหนือ คณะรัฐศาสตร์  พี่ไปเรียนได้ไม่กี่เดือนก็ต้องหยุด ไม่เรียนต่อ ตอนนั้นแม่เสียใจมาก แม่ร้องไห้ทุกวันเลย แม่ถามพี่ว่าทำไมถึงทำแบบนี้ แต่พี่ไม่ยอมบอกแม่ และพี่เราก็ทำงาน ทั้งเป็นเด็กเสิร์ฟ ทั้งขายของกินตามถนนคนเดิน ทั้งขายเสื้อผ้า พี่ไม่เคยขอเงินแม่เลย บางครั้งก็เอาเงินที่ได้จากการทำงานมาให้แม่ เราเคยถามพี่ว่าทำไมถึงไม่เรียนต่อ ไม่สงสารแม่หรอ แม่เสียใจรู้มั้ย และคำตอบที่เราได้จากพี่ทำให้เราร้องไห้ พี่บอกว่า "เพราะสงสารแม่ไง พี่ถึงไม่เรียนต่อ เรียนมหาลัยค่าใช้จ่ายเยอะ ไหนจะน้องอีกสองคนที่ต้องเรียนต่ออีก ตอนนี้พ่อแม่ก็แทบจะไม่มีเงินแล้ว ถ้าพี่เรียนคงไม่มีอะไรกินแล้ว ตั้งใจเรียนนะน้อง อย่าทำให้ท่านผิดหวังเหมือนพี่" คำพวกนี้ทำให้เราอยากจะทำให้ครอบครัวมีชีวิตที่ดีขึ้น และอยากทำให้ครอบครัวสบาย แต่แล้วทุกอย่างก็เลือนลาง เราจบ ม.3 และเราสอบติดโรงเรียนมัธยมดังแห่งหนึ่ง เราเจอกับสังคมใหม่ที่ต่างจากเดิมมาก เรากลายเป็นคนพูดน้อย ไม่กล้าแสดงความคิดเห็น ความสามารถในการเรียนลดลง เกรดเฉลี่ยตอน ม.4 เทอม 1 ได้ 2.90 จากที่ได้ไม่เคยต่ำกว่า 3.65 ตอนนั้นเราร้องไห้หนักมาก ไม่กล้าบอกแม่ แต่สุดท้ายแม่ก็รู้ แม่บอกว่าไม่เป็นไรนะ เอาใหม่ ตอนนี้คงปรับตัวยังไม่ได้ พอเทอม 2 เกรดเฉลี่ยตกกว่าเดิม ได้ 2.67 ทั้งๆที่ตั้งใจเรียนมากแท้ๆ ความฝันของเราคืออยากจะเป็นสัตวแพทย์ แต่เราโดนดูถูกว่าเกรดก็น้อยเป็นไม่ได้หรอก เคยสอบอังกฤษได้ 0 แล้วโดนครูประจานหน้าห้องว่าโง่ ขาดแรงบันดาลใจไปเลย เราเครียดมากจนต้องเข้าโรงพยาบาล เราเคยทำลายข้าวของในห้องของตัวเอง เราร้องไห้แทบทุกวัน โดยไม่มีใครรู้ เราไม่รู้จะทำยังไง มันตันไปหมด สภาพจิตใจแย่มาก เราขอแม่ย้ายโรงเรียน แต่กลับหาว่าอ่อนแอ และไม่ให้ย้าย เราจึงต้องเรียน ม.5 ที่นั่น และต้องสอบคัดห้อง เราสอบได้ห้องค่อนข้างดี แต่เรารู้สึกว่าเราเครียดกว่าเดิม ทั้งปัญหาครอบครัวที่หนักขึ้น เรียนหนักขึ้น และมีปัญหาเรื่องเพื่อนเพิ่มขึ้นมาอีก วันนั้นเราเครียดจนเจ็บหน้าอก ปวดหัว หายใจไม่ออก เลยขอครูกลับบ้าน แม่เรามารับ พอเราขึ้นรถน้ำตาเราไหลไม่หยุดเลย แม่ถามว่าเป็นอะไร เราเลยตัดสินใจเล่าทุกอย่างให้แม่ฟัง และสุดท้ายแม่ก็ให้ย้ายโรงเรียนตอน ม.5 เทอม 2 ทุกคนอาจคิดว่าเราหนีปัญหา ใช่เราหนีปัญหา แต่การหนีปัญหาของเราทำให้เราเครียดน้อยลง เราเจอเพื่อนใหม่ที่ดี ช่วยกันเรียน ครูที่ใกล้ชิดกับเด็ก ถามว่าเกรดดีขึ้นมั้ย ก็ไม่ได้ดีขึ้น แต่ก็ไม่แย่ไปกว่าเดิม จนตอนนี้เราก็อยู่ ม.6 เกรดเฉลี่ย 5 เทอมเราได้ 2.77 เครียดกับการจะไปเรียนต่อมหาวิทยาลัย ไม่รู้จะเรียนอะไร เกรดก็น้อย อันที่อยากจะเรียนก็เรียนไม่ได้ ไหนน้องก็ต้องเรียนอีก ไหนพ่อแม่จะทะเลาะกันทุกวันจนไล่กันไปไม่รู้กี่รอบ ไหนจะเรื่องค่าใช้จ่ายที่เพิ่มมากขึ้นทุกวัน เคยจะไปติวบ้างจะไปเข้าค่ายบ้าง เราถามแม่ว่ามีตังให้ไปมั้ย แม่บอกว่าถามว่ามีมั้ยมันก็ไม่มีหรอกแต่ถ้าจะไปแม่ก็จะหามาให้ได้ เราเลยตัดสินใจไม่ไป ทุกวันนี้เราสงสารแม่ที่สุด เรามองหน้าแม่ก็รู้ว่าแม่เครียดกว่าเรามาก ตาของแม่เศร้าตลอดเวลา แม่เคยพูดว่า "อยากมีบ้านสักหลัง หลังเล็กๆก็ได้ อยากอยู่กับลูกทั้งสามคน แค่มีแม่กับลูก  ไม่เอาอีกแล้วความรักจอมปลอม รักแท้มีแค่กับลูก" ทำให้เรารู้ว่าความฝันของเราไม่ใช่การได้เรียนได้ทำในสิ่งที่เราต้องการ  แต่ความฝันของเราเป็นการทำความฝันของแม่ให้เป็นจริง อยากทำให้แม่มีความสุข เราอยากสร้างตัวได้ตั้งแต่อายุยังน้อย แต่ด้วยอะไรหลายๆอย่างทำให้เราไม่รู้จะต้องเริ่มยังไง เศร้า
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่