สำหรับการเขียนข้อมูล Victor ในครั้งนี้ ผู้เขียนขอออกตัวก่อนเลยว่าไม่ถนัดทางสาย Kawasaki จริงๆ เนื่องจากทาง Kawasaki มีความซับซ้อนของรุ่นรถมากกว่าค่ายอื่นๆ หากข้อมูลผิดผลาด ตกหล่น อย่างไร ขออภัยไว้ ณ.ที่นี้ด้วย
Victor
“แรงไม่รอใคร...คาวาซากิ วิคเตอร์” สโลแกนเปิดตัวครั้งแรกของรถจักรยานยนต์ทรงคลาสสิคสปอร์ตจากค่าย Kawasaki โดยใช้รหัสว่า Victor ซึ่งได้ทำการเปิดตัวในวันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2534 ณ.โรงแรมแอมบาสซาเดอร์
รูปทรงดีไซน์ที่แปลกประหลาดฉีกออกจากกระแสของรถตลาดในประเทศในเวลานั้น ซึ่งทางค่าย Kawasaki ได้อ้างอิงตลาดรถจักรยานยนต์ประเทศญี่ปุ่นและอเมริกาที่มีความนิยมในรถทรงคลาสสิคสปอร์ โดยเฉพาะในประเทศญี่ปุ่นรถทรงคลาสสิคสปอร์ สามารถแบ่งส่วนการตลาดได้อย่างมหาศาล ส่งผลทำให้ทาง Kawasaki ประเทศไทยกล้าที่จะลิ้มลองตลาดรถทรงคลาสสิคสปอร์
นอกจากรูปทรงงานออกแบบแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ไม่อาจปฏิเสธได้คือเครื่องยนต์ ทั้งนี้ทาง Kawasaki ได้นำเครื่องยนต์ของรถรุ่น Kr150 SP เทอร์โบแม็ก มาใช้โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรเลยทั้งสิ้น (ทั้งนี้ข้อมูลอ้างอิงจากโบรชัวร์เพียงเท่านั้น)
Victor มาพร้อมกับเครื่องยนต์ 2 จังหวะ 1 ลูกสูบ ป้อนไอดีแบบแคร้งเคสรีดวาล์ว ระบายความร้อนด้วยน้ำ ความจุกระบอกสูบอยู่ที่ 148cc มีระยะชักที่ 57-54.4 มม และมีกำลังอัดอยู่ที่ 8.0: 1 พร้อมทั้งยังถูกควบคุมการทำงานด้วยระบบ KIPS (Kawasaki Integrated Power Valve System)
สิ่งที่จะทำให้ดูสวยสง่าแบบคลาสสิคคงหนีไม่พ้นดวงไฟหน้าแบบกลม โดย Victor มาพร้อมกับไฟหน้ากลมดวงใหญ่ พร้อมทั้งกระจกแบบ Flatness รวมไปถึงโคมไฟโครเมียมวาววับสะดุดตา ผสมผสานกับเรือนไมล์กลมแบบคมเข้ม ครบครันทุกระบบ
โช๊คอัพหน้าแบบเทเลสโคปิคที่มีถึงขนาด 33 มม. ให้ความแข็งแรงและนุ่มนวล พลิกซ้ายขวาได้แม่นยำ
โช๊คอัพหลังเดี่ยวยูนิ-แทรค (Uni-Trak) รูปแบบแขวนเหวี่ยงด้านล่าง ตัดทุกปัญหาของโช๊คอัพหลังแบบคู่ รับแรงแบบ 2 จังหวะ โดยแขวนเหวี่ยงรับแรงในจังหวะแรก ก่อนส่งต่อไปที่โช๊คในจังหวะที่ 2 พร้อมทั้งปรับระดับความแข็งอ่อนได้ 5 ระดับ
----------------------------
Victor 93
การปรับโฉมครั้งแรกของ Victor โดยมาพร้อมชื่อเรียกใหม่ว่า “Victor 93” ซึ่งทาง Kawasaki ยังคงแนวคิดแบบเดิม ทั้งนี้ในการปรับโฉมเป็นเพียงการเพิ่มลูกเล่นโครเมี่ยมในส่วนต่างๆ แต่สิ่งที่สามารถเห็นได้เด่นชัดที่สุดของการเปลี่ยนแปลงคือการเอาที่บังหม้อน้ำออกไป
สำหรับในส่วนของเครื่องยนต์ทาง Kawasaki ไม่ได้ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงใดๆ ทั้งสิ้น
----------------------------
Victor S
ไม่สามารถหาข้อมูลได้ หากใครมีโบรชัวร์เก็บไว้ อยากแบ่งปันข้อมูล ยินดีนะครับ
----------------------------
Victor M ร้อนแรงไม่รอใคร
การปรับโฉมครั้งที่ 3 ของรถรุ่น Victor ซึ่งทาง Kawasaki ได้ทำการเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบต่างๆ ให้เป็นไปตามยุคสมัย โดยสิ่งที่สามารถเห็นเด่นชัดที่สุดคือล้อแม็ก และระบบเบรคหลังเป็นดิสเบรคแทน นอกจากนี้ยังมีไฟท้ายจากตูดแบนกลายเป็นตูดเป็ดแทนที่
หากนำเอาสเปคข้อมูลในโบรชัวร์มาเทียบกันแล้ว พบว่าไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลงเลยสำหรับเครื่องยนต์ ทั้งนี้มีเพียงหนึ่งสิ่งที่หายไปจากโบรชัวร์นั้นคือแรงม้าที่หาย อาจเป็นเพราะประเทศไทยเริ่มบังคับใช้กฏหมายควบคุมมลพิษ ทำให้แรงม้าของรถหายไปจากเดิม ส่งผลทำให้ทาง Kawasaki ไม่ได้ระบุแรงม้าลงไปในรุ่นนี้
----------------------------
Victor SE

นสุดท้ายของรถจักรยานยนต์ทรงคลาสสิคสปอร์ต โดยทาง Kawasaki ได้ตั้งชื่อรุ่นนี้ว่า “Victor SE” นอกจากนี้นี้ยังสามารถพูดได้ว่าเป็นรุ่นที่แรงที่สุดของตระกูล Victor อีกด้วย
การเปลี่ยนแปลงไปจากรุ่น Victor M
• ท่อรถแข่งแบบทีม TSUKIGI
• ชุดเสื้อทอง, ฝาสูบทอง จากทีมรถแข่ง PDK
สิ่งที่จะไม่กล่าวถึงไม่ได้เลยคือเครื่องยนต์ โดยเป็นการเปลี่ยนเปลี่ยนแปลงเครื่องยนต์จากเดิม โดยในโบรชัวร์ได้กลับมาระบุแรงม้าอีกครั้ง ซึ่งทาง Kawasaki ได้ระบุแรงม้าของ Victor SE ไว้ที่ 40 แรงม้าที่ 11,000 รอบ/นาที เลยทีเดียว
----------------------------
เทียบสเปค Victor ทั้ง 4 รุ่น (ไม่มีข้อมูลรุ่น S)
----------------------------
“เมื่อคุณเลิกกลัวและกล้าออกไปเสี่ยง ความสำเร็จจึงจะเกิดขึ้น” วาทะกรรมประโยคนี้อาจจะตรงกับมุมมองทางตลาดของค่าย Kawasaki
ในปีพ.ศ. 2534 ช่วงระยะเวลาของการแย่งชิงตลาดของรถจักรยานยนต์ทรงสปอร์ต 150cc เป็นปีเดียวกันที่ทาง Kawasaki ได้ปล่อย Victor รุ่นแรกเข้าสู่ท้องตลาด ซึ่งหากมองคู่แข่งจะพบว่าแต่ละค่ายมีรถจักรยานยนต์ทรงสปอร์ตครบทุกค่ายแล้ว โดยไล่จาก Suzuki RGV-S / Yamaha VR150, Tzr150 / Honda Nsr150R หรือแม้กระทั่งรุ่นพี่ร่วมค่ายอย่างเจ้า KR150R อีกด้วย
การที่ Kawasaki กล้าที่จะฉีกกระแสความนิยมของรถจักรยานยนต์สปอร์ตในขณะนั้น กลับกลายเป็นความสำเร็จของรถจักรยานยนต์ทรงคลาสสิคสปอร์ตไปโดยบรรยาย
นอกเหนือจากรูปทรงแล้ว การวางราคาของ Victor ไม่ใช่แค่เพียงไม่ตัดราคารุ่นพี่รวมค่ายอย่าง Kr แล้ว ยังมีราคาต่ำกว่าเกือบ 1 หมื่นบาทเลย อาจพูดง่ายๆ ว่า Victor ไม่ใช่รถที่เป็นตัวชูโรง ซึ่งลักษณะนี้คล้ายคลึงกับทาง Yamaha ที่ปล่อย Tzr ออกมาและยังคงผลิต Vr ควบคู่กันไป
หากจะเปรียบหาคู่แข่งโดยตรงในด้านราคาของ Victor ในเวลานั้น ผู้เขียนขออ้างอิงราคาซื้อขายรถในปี 2538 โดยราคา Victor 93 อยู่ที่ 53,000 บาท หากจะหาคู่แข่งที่มีราคาไล่เรียงกันคงหนีไม่พ้น Vr150R ที่มีราคาอยู่ที่ 54,000 บาท อีกทั้งยังมี Ls125R มีราคา 51,000 บาท ซึ่งสำหรับค่าย Suzuki นั้นไม่มีรุ่นไหนที่สามารถจัดเป็นคู่แข่งได้ เนื่องจากไม่มีราคาใกล้เคียงเลย
ราคาซื้อขายรถในปี 2538
นอกจากนี้ Victor ยังได้กลายเป็นภาพติดตาว่าเป็นรถจักรยานยนต์ของตำรวจอีกด้วย
สุดท้ายนี้ หากจะพูดถึงความสำเร็จของ Victor ไม่อาจกล่าวได้อย่างแน่ชัด แต่สิ่งที่อาจจะยืนยันได้ดีที่สุดคงเป็นรุ่นย่อยของ Victor ที่ออกสู่ท้องตลาดด้วยกันถึง 5 รุ่น ถ้าหากไม่ประสบความสำเร็จ ยังไงซะทาง Kawasaki คงไม่ทำการปล่อยให้มีได้ถึง 5 รุ่น อย่างแน่นอน
#Kawasaki #Victor #คาวาซากิ #วิคเตอร์
แรงไม่รอใคร...คาวาซากิ วิคเตอร์ (Kawasaki Victor)
“แรงไม่รอใคร...คาวาซากิ วิคเตอร์” สโลแกนเปิดตัวครั้งแรกของรถจักรยานยนต์ทรงคลาสสิคสปอร์ตจากค่าย Kawasaki โดยใช้รหัสว่า Victor ซึ่งได้ทำการเปิดตัวในวันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2534 ณ.โรงแรมแอมบาสซาเดอร์
รูปทรงดีไซน์ที่แปลกประหลาดฉีกออกจากกระแสของรถตลาดในประเทศในเวลานั้น ซึ่งทางค่าย Kawasaki ได้อ้างอิงตลาดรถจักรยานยนต์ประเทศญี่ปุ่นและอเมริกาที่มีความนิยมในรถทรงคลาสสิคสปอร์ โดยเฉพาะในประเทศญี่ปุ่นรถทรงคลาสสิคสปอร์ สามารถแบ่งส่วนการตลาดได้อย่างมหาศาล ส่งผลทำให้ทาง Kawasaki ประเทศไทยกล้าที่จะลิ้มลองตลาดรถทรงคลาสสิคสปอร์
นอกจากรูปทรงงานออกแบบแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ไม่อาจปฏิเสธได้คือเครื่องยนต์ ทั้งนี้ทาง Kawasaki ได้นำเครื่องยนต์ของรถรุ่น Kr150 SP เทอร์โบแม็ก มาใช้โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรเลยทั้งสิ้น (ทั้งนี้ข้อมูลอ้างอิงจากโบรชัวร์เพียงเท่านั้น)
Victor มาพร้อมกับเครื่องยนต์ 2 จังหวะ 1 ลูกสูบ ป้อนไอดีแบบแคร้งเคสรีดวาล์ว ระบายความร้อนด้วยน้ำ ความจุกระบอกสูบอยู่ที่ 148cc มีระยะชักที่ 57-54.4 มม และมีกำลังอัดอยู่ที่ 8.0: 1 พร้อมทั้งยังถูกควบคุมการทำงานด้วยระบบ KIPS (Kawasaki Integrated Power Valve System)
สิ่งที่จะทำให้ดูสวยสง่าแบบคลาสสิคคงหนีไม่พ้นดวงไฟหน้าแบบกลม โดย Victor มาพร้อมกับไฟหน้ากลมดวงใหญ่ พร้อมทั้งกระจกแบบ Flatness รวมไปถึงโคมไฟโครเมียมวาววับสะดุดตา ผสมผสานกับเรือนไมล์กลมแบบคมเข้ม ครบครันทุกระบบ
โช๊คอัพหน้าแบบเทเลสโคปิคที่มีถึงขนาด 33 มม. ให้ความแข็งแรงและนุ่มนวล พลิกซ้ายขวาได้แม่นยำ
โช๊คอัพหลังเดี่ยวยูนิ-แทรค (Uni-Trak) รูปแบบแขวนเหวี่ยงด้านล่าง ตัดทุกปัญหาของโช๊คอัพหลังแบบคู่ รับแรงแบบ 2 จังหวะ โดยแขวนเหวี่ยงรับแรงในจังหวะแรก ก่อนส่งต่อไปที่โช๊คในจังหวะที่ 2 พร้อมทั้งปรับระดับความแข็งอ่อนได้ 5 ระดับ
การปรับโฉมครั้งแรกของ Victor โดยมาพร้อมชื่อเรียกใหม่ว่า “Victor 93” ซึ่งทาง Kawasaki ยังคงแนวคิดแบบเดิม ทั้งนี้ในการปรับโฉมเป็นเพียงการเพิ่มลูกเล่นโครเมี่ยมในส่วนต่างๆ แต่สิ่งที่สามารถเห็นได้เด่นชัดที่สุดของการเปลี่ยนแปลงคือการเอาที่บังหม้อน้ำออกไป
สำหรับในส่วนของเครื่องยนต์ทาง Kawasaki ไม่ได้ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงใดๆ ทั้งสิ้น
การปรับโฉมครั้งที่ 3 ของรถรุ่น Victor ซึ่งทาง Kawasaki ได้ทำการเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบต่างๆ ให้เป็นไปตามยุคสมัย โดยสิ่งที่สามารถเห็นเด่นชัดที่สุดคือล้อแม็ก และระบบเบรคหลังเป็นดิสเบรคแทน นอกจากนี้ยังมีไฟท้ายจากตูดแบนกลายเป็นตูดเป็ดแทนที่
หากนำเอาสเปคข้อมูลในโบรชัวร์มาเทียบกันแล้ว พบว่าไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลงเลยสำหรับเครื่องยนต์ ทั้งนี้มีเพียงหนึ่งสิ่งที่หายไปจากโบรชัวร์นั้นคือแรงม้าที่หาย อาจเป็นเพราะประเทศไทยเริ่มบังคับใช้กฏหมายควบคุมมลพิษ ทำให้แรงม้าของรถหายไปจากเดิม ส่งผลทำให้ทาง Kawasaki ไม่ได้ระบุแรงม้าลงไปในรุ่นนี้
นสุดท้ายของรถจักรยานยนต์ทรงคลาสสิคสปอร์ต โดยทาง Kawasaki ได้ตั้งชื่อรุ่นนี้ว่า “Victor SE” นอกจากนี้นี้ยังสามารถพูดได้ว่าเป็นรุ่นที่แรงที่สุดของตระกูล Victor อีกด้วย
การเปลี่ยนแปลงไปจากรุ่น Victor M
• ท่อรถแข่งแบบทีม TSUKIGI
• ชุดเสื้อทอง, ฝาสูบทอง จากทีมรถแข่ง PDK
สิ่งที่จะไม่กล่าวถึงไม่ได้เลยคือเครื่องยนต์ โดยเป็นการเปลี่ยนเปลี่ยนแปลงเครื่องยนต์จากเดิม โดยในโบรชัวร์ได้กลับมาระบุแรงม้าอีกครั้ง ซึ่งทาง Kawasaki ได้ระบุแรงม้าของ Victor SE ไว้ที่ 40 แรงม้าที่ 11,000 รอบ/นาที เลยทีเดียว
“เมื่อคุณเลิกกลัวและกล้าออกไปเสี่ยง ความสำเร็จจึงจะเกิดขึ้น” วาทะกรรมประโยคนี้อาจจะตรงกับมุมมองทางตลาดของค่าย Kawasaki
ในปีพ.ศ. 2534 ช่วงระยะเวลาของการแย่งชิงตลาดของรถจักรยานยนต์ทรงสปอร์ต 150cc เป็นปีเดียวกันที่ทาง Kawasaki ได้ปล่อย Victor รุ่นแรกเข้าสู่ท้องตลาด ซึ่งหากมองคู่แข่งจะพบว่าแต่ละค่ายมีรถจักรยานยนต์ทรงสปอร์ตครบทุกค่ายแล้ว โดยไล่จาก Suzuki RGV-S / Yamaha VR150, Tzr150 / Honda Nsr150R หรือแม้กระทั่งรุ่นพี่ร่วมค่ายอย่างเจ้า KR150R อีกด้วย
การที่ Kawasaki กล้าที่จะฉีกกระแสความนิยมของรถจักรยานยนต์สปอร์ตในขณะนั้น กลับกลายเป็นความสำเร็จของรถจักรยานยนต์ทรงคลาสสิคสปอร์ตไปโดยบรรยาย
นอกเหนือจากรูปทรงแล้ว การวางราคาของ Victor ไม่ใช่แค่เพียงไม่ตัดราคารุ่นพี่รวมค่ายอย่าง Kr แล้ว ยังมีราคาต่ำกว่าเกือบ 1 หมื่นบาทเลย อาจพูดง่ายๆ ว่า Victor ไม่ใช่รถที่เป็นตัวชูโรง ซึ่งลักษณะนี้คล้ายคลึงกับทาง Yamaha ที่ปล่อย Tzr ออกมาและยังคงผลิต Vr ควบคู่กันไป
หากจะเปรียบหาคู่แข่งโดยตรงในด้านราคาของ Victor ในเวลานั้น ผู้เขียนขออ้างอิงราคาซื้อขายรถในปี 2538 โดยราคา Victor 93 อยู่ที่ 53,000 บาท หากจะหาคู่แข่งที่มีราคาไล่เรียงกันคงหนีไม่พ้น Vr150R ที่มีราคาอยู่ที่ 54,000 บาท อีกทั้งยังมี Ls125R มีราคา 51,000 บาท ซึ่งสำหรับค่าย Suzuki นั้นไม่มีรุ่นไหนที่สามารถจัดเป็นคู่แข่งได้ เนื่องจากไม่มีราคาใกล้เคียงเลย
นอกจากนี้ Victor ยังได้กลายเป็นภาพติดตาว่าเป็นรถจักรยานยนต์ของตำรวจอีกด้วย
สุดท้ายนี้ หากจะพูดถึงความสำเร็จของ Victor ไม่อาจกล่าวได้อย่างแน่ชัด แต่สิ่งที่อาจจะยืนยันได้ดีที่สุดคงเป็นรุ่นย่อยของ Victor ที่ออกสู่ท้องตลาดด้วยกันถึง 5 รุ่น ถ้าหากไม่ประสบความสำเร็จ ยังไงซะทาง Kawasaki คงไม่ทำการปล่อยให้มีได้ถึง 5 รุ่น อย่างแน่นอน
https://www.2strokeclub.com/smf/index.php?topic=70201.0
https://www.facebook.com/groups/2tspec/
https://www.facebook.com/groups/724093804294820/
ฝากเพจหน่อยครับ
https://www.facebook.com/ต้นรถเป็นอะไรอะ-451481885345798
#Kawasaki #Victor #คาวาซากิ #วิคเตอร์