ฉันเป็นเมียน้อยโดยไม่รู้ตัวและฉันกำลังจะโดนฟ้อง!!

ขอคำปรึกษาหน่อยค่ะ ตอนนี้ฉะนตกอยู่ในสภาวะเป็นเมียน้อยโดยที่เราไม่รู้ตัว เราคบหาอยู่กับสามีมาเกือบจะครบ 1 ปีแล้ว ทั้งนี้แม่สามีก็ทราบเรื่องนี้และก็ยอมรับให้เราคบหาดูใจอยู่กับแฟน แต่เนื่องด้วยแฟนเราทำงานที่ต้องออกไซต์งานตามต่างจังหวัดอยู่บ่อยๆ จึงเจอกันแค่อาทิตย์ละครั้งหรือ 2 ครั้ง บางครั้งก็จะพาเราไปเยี่ยมแม่เขาบ้าง แต่จู่ๆก็มีเหตุการณ์เกิดขึ้น มีผู้หญิงคนนึงมาพร้อมกับลูกชายวัยประมาณ 4 ขวบ อ้างว่าเขาเป็นภรรยาและลูกที่ถูกต้องตามกฏหมายพร้อมหลักฐาน เขาต้องการที่จะฟ้องศาลเนื่องจากสามีไม่ส่งเสียค่าเลี้ยงดูลูก อ้างว่าไปทำงานแต่ไม่กลับมาอีกเลย และเขาก็บอกอีกว่า ไปหาทางพ่อแม่ฝ่ายสามีแล้ว เขาก็บอกว่าสามีไปทำงานยังไม่กลับมาตลอด จึงสืบเรื่องนี้และรู้เรื่องราวทั้งหมด เราทั้งตกใจแทบช๊อค ตอนนี้เราไม่รู้จะทำยังไง เราโทรไปคุยกับสามีเรา พอเขารู้เรื่องเขาก็บอกความจริงกับเรา ตอนนั้นยอมรับว่าแทบจะล้มทั้งยืน ทำไมเขาทำกับเราได้ลงคอ เราพยายามรวบรวมสติและบอกเลิกกับเขา หยุดสถานะทุกสิ่งทุกอย่าง แต่เขายืนยันไม่ยอมเลิก จากรักกลายเป็นความเกลียด เราพยายามติดต่อกับภรรยาเขาเพื่อบอกความจริงว่าเราไม่รู้เรื่อง เขาก็ไม่ยอม เขาจะฟ้องให้ถึงที่สุด เราก็มีปากเสียงกับภรรยาเขาจนคุยกันไม่รู้เรื่อง สุดท้ายเราก็หันไปคุยกับแม่สามีเพราะคิดว่าเขาเป็นผู้ใหญ่พอ แต่ได้คำตอบที่ว่า เป็นเรื่องของคนสองคน เขาไม่ยุ่ง ตอนนี้เราทั้งสับสน ทั้งเครียด เราจะต้องทำยังไง ใครพอมีวิธีให้คำแนะนำหน่อยนะคะ ขอร้องอย่าเพิ่งว่ากัน ตอนนี้ฉันไม่รู้จะต้องทำยังไงแล้วจริงๆจนมุมมากๆเลย
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 12
สำหรับคุณ จขกท. คุณก็คงเอาเรื่องที่แม่สามีรับรู้แล้วไม่ได้บอกคุณทำให้คุณไม่ทราบว่าเขามีเมียแล้ว และให้สามีไปเป็นพยานว่าเขาหลอกคุณจริง ไปต่อสู้ในชั้นศาล จากหนักอาจกลายเป็นเบาได้

สำหรับผู้หญิงหลายๆคนที่ทำตัวง่ายๆ อยากอยู่เป็นผัวเมียก็ไปอยู่ ไม่ต้องมีพิธีรีตรอง ไม่ต้องมีทะเบียนสมรส คุณก็เป็นแค่คนง่ายๆโง่ๆคนหนึ่งที่ส่งผลร้ายให้กับตัวเองภายหลัง

จะมีเมียก็แค่ตามจีบ สินสอดก็ไม่ต้องหา งานแต่งก็ไม่ต้องจัด คนที่มีเมียแล้วจะมีเมียน้อยอีกกี่คนก็ไม่เดือดร้อน ลองต้องตบหาแบบมีขั้นตอน ไปมาหาสู่ทั้งสองครอบครัว ไปสู่ขอ ผู้ชายที่มีเมียแล้วมันก็หนีหมดล่ะ

บางคนไม่โดนฟ้องชู้ก็โดนผู้ชายทิ้งไปอยู่กับคนอื่น ท้องไม่รับ บลาๆๆๆ อยากบอกว่าทั้งหลายทั้งปวงเกิดจากความ==ง่าย=== จะมีสามีอย่าเอาง่ายเข้าว่า
ความคิดเห็นที่ 7
มีหลักฐานแชทหรือการพูดคุยกับผู้ชายที่ผู้ชายพูดในทำนองว่าตัวเองโสด ไม่มีใครมั้ยคะ? มีหลักฐานการไปอยู่บ้านผู้ชายโดยพ่อแม่ฝ่ายชายรับรู้มั้ยคะ? คุณมีหลักฐานแชทกับพ่อหรือแม่สามี โดยที่มีเนื้อหาที่สื่อว่าคุณไม่รู้เรื่องเขามีภรรยาแล้วมั้ยคะ(เช่น คุณบอกว่า “ทำไมแม่ไม่เคยบอกหนูเลยว่ามันมีเมียแล้ว”) คุณมีหลักฐานทางแชทว่าคุณได้ขอเลิกหลังทราบเรื่องหรือฝ่ายชายขอโทษ(ผ่านแชท)ที่หลอกลวงคุณว่ายังไม่ทีภรรยาไหมคะ?

ถ้ามีเราว่ารวบรวมไว้กันเหนียวเพื่อใช้ต่อสู้ในชั้นศาลก็ดีนะ
ความคิดเห็นที่ 44


คำว่าสามี มี 2 แบบ คือโดยนิตินัย คือจดทะเบียนสมรสกันตามกฎหมาย อย่างนี้แม้ไม่มีการจัดงานแต่งงานเลี้ยงแขกคนเดียวหรือหมื่นคนก็เรียกว่าสามี

อีกแบบ โดยพฤตินัย แบบนี้จะจัดงานแต่งงานหรือไม่แต่งงาน ไม่จดทะเบียนสมรส ก็เรียกว่าสามีได้ตามกฎหมายอีกเช่นกัน กฎหมายบางฉบับที่มีหมวดเกียวกับการยื่นขอรับประโยชน์ทดแทนต่างๆยังยอมรับสามีหรือภรรยาประเภทนี้ โดยนิยามเพิ่มเติมไว้ว่าด้วยอยู่กินฉันสามีภรรยาและสังคมยอมรับ เช่นนี้ก็เรียกสามีได้เช่นกัน

คนที่มาด่า จขกท. เขาว่าพูดว่าสามีได้ไงนี่ เอะอะก็อ้างเรื่องจดทะเบียนสมรสอย่างเดียวจึงจะถูกต้องนี่เขาเรียกพวกไม่รู้แต่อวดฉลาดเกินไปมั้ย แค่นี้ จขกท ก็เจ็บช้ำพอแล้ว

การที่เขาจะไม่รู้จริงๆมันก็มีสิทธิเป็นไปได้ เราคนนอกไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ จะไปตราหน้าเขาในทางเลวร้ายมันก็เกินไป

เขามาตั้งกระทู้ขอคำปรึกษา พวกคุณๆนี่ละครกันจัดอย่างกับทีมเมียหลวงจะตบจะจิกอย่างเดียว ไม่เชื่ออะไรทั้งนั้น เป็นซะอย่างงี้ สังคมคีย์บอร์ดคุณภาพ  นี่ถ้าเกิด จขกท เขาหาหลักฐานมาแสดงได้ว่าไม่รู้จริงๆ เช่น มีแชทเก่าๆที่หามาได้ พวกละครจัดระวังจะเงิบเอานะ ไม่รับฟัง ก็แค่เงียบไปก่อน จะไปเดือดแค้นอย่างกับโดนแย่งสามีซะเองอย่างงั้นแหละ เรื่องจริงจะมีรายละเอียดอย่างไร ให้เป็นกระบวนการต่อสู้ในศาลจะดีกว่ามั้ย
ความคิดเห็นที่ 13
ทำไมถึงเรียกผู้ชายว่าสามีทั้งที่ไม่ได้แต่งงานจดทะเบียนกันอย่างถูกต้องตามกฏหมาย ตราบใดที่คุณไม่ได้แต่งงานจดทะเบียนถูกต้องตามกฏหมายแล้วเขามีภรรยาที่จดทะเบียนที่ถูกต้องตามกฏหมายอยู่แล้ว คุณก็เป็นได้แค่คู่นอนนะคะ คุณไม่งงตัวเองหรอที่เรียกผู้ชายว่าสามี แล้วเรียกภรรยาของเขาว่าภรรยา แล้วตัวคุณอยู่ในฐานะอะไรคะ
ความคิดเห็นที่ 24
เป็นคดีแพ่ง

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
    มาตรา ๑๕๒๓ วรรคสอง สามีจะเรียกค่าทดแทนจากผู้ซึ่งล่วงเกินภริยาไปในทำนองชู้สาวก็ได้ และภริยาจะเรียกค่าทดแทนจากหญิงอื่นที่แสดงตนโดยเปิดเผยเพื่อแสดงว่าตนมีความสัมพันธ์กับสามีในทำนองชู้สาวก็ได้

    มาตรา ๑๕๒๙  สิทธิฟ้องร้องโดยอาศัยเหตุใน ... มาตรา  ๑๕๒๓ ย่อมระงับไปเมื่อพ้นกำหนดหนึ่งปีนับแต่วันผู้กล่าวอ้างรู้หรือควรรู้ความจริงซึ่งตนอาจยกขึ้นกล่าวอ้าง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6164/2552
    เมื่อโจทก์จดทะเบียนสมรสกับจำเลยที่ 1 โจทก์ย่อมได้รับสิทธิและได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายในฐานะภริยาโดยชอบด้วยกฎหมาย
    จำเลยที่ 1 ไม่มีสิทธิที่จะไปอุปการะเลี้ยงดูหรือยกย่องจำเลยที่ 2 ฉันภริยา ไม่ว่าจะได้อุปการะหรือยกย่องอยู่ก่อนแล้วหรือไม่
    ส่วนจำเลยที่ 2 นั้น เมื่อจำเลยที่ 2 รู้ว่าโจทก์เป็นภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของจำเลยที่ 1 แล้ว แต่ยังรับการอุปการะเลี้ยงดูและการยกย่องฉันภริยาอยู่อีกจึงเป็นการละเมิดสิทธิของโจทก์
    โจทก์ย่อมมีสิทธิโดยชอบที่จะนำคดีมาสู่ศาลเรียกค่าทดแทนจากจำเลยที่ 2 ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1523 วรรคสองได้ ถือไม่ได้ว่าเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต

จากหลักกฎหมายและแนวคำพิพากษาศาลฎีกาดังกล่าว
    เมื่อ จขกท. ได้รู้ว่าผู้หญิงอื่นเป็นภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ชายแล้ว และ จขกท. ได้เลิกติดต่อผู้ชายทุกอย่างแล้ว (เลิกรับการอุปการะเลี้ยงดูและการยกย่องฉันภริยาแล้ว)
    การกระทำดังกล่าวของ จขกท. จึงไม่เป็นการละเมิดสิทธิของผู้หญิงอื่น
    ผู้หญิงอื่นจึงไม่มีสิทธิเรียกค่าทดแทนในทำนองชู้สาวจาก จขกท. ได้

ดังนั้น ตอนนี้ทำถูกแล้ว  แต่ให้เตรียมการไว้เบื้องต้นเตรียมไว้หากถูกฟ้อง ซึ่งคดีมีอายุความ 1 ปี
โดยเก็บหลักฐานต่างๆ ไว้ (ทั้ง คน , เอกสาร , รูปภาพ , วีดีโอ , สื่อออนไลน์ต่างๆ)
ที่สามารถยืนยันได้ว่า จขกท. เลิกรับการอุปการะเลี้ยงดูและการยกย่องฉันภริยาแล้ว นับแต่รู้ว่าผู้หญิงอื่นเป็นภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ชาย
และหากถูกฟ้องจริง ให้นำหลักฐานดังกล่าวไปหาทนายความเพื่อให้ทนายความทำคำให้การสู้คดีต่อไป
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่