อดีตนายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้รับความไว้วางใจให้ดำรงตำแหน่ง หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ต่อไป
หลังจากชนะการหยั่งเสียงไพรมารีโหวต 67,505 คะแนนจากสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ที่ไปใช้สิทธิ์ออก
เสียง 127,479 คน แสดงว่าสมาชิกพรรคส่วนใหญ่ตัดสินว่า นายอภิสิทธิ์ ซึ่งยึดครองเก้าอี้หัวหน้าพรรค
ปชป.มาแล้ว 13 ปี ยังเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดจากผู้ประกวดชายงามทั้ง 3 คน
“แม่ลูกจันทร์” ชี้ว่าถ้าจะมองเรื่องนี้ให้ชัดต้องมองให้ครบทั้ง 4 มุม
1,ถ้ามองมุมนายอภิสิทธิ์ การชนะหยั่งเสียงไพรมารีโหวตด้วยคะแนนเกินครึ่ง และเป็นเสียงข้างมาก
ถือว่านายอภิสิทธิ์มีความชอบธรรมที่จะเป็นผู้นำพรรคประชาธิปัตย์ในช่วงเปลี่ยนแผนทางการเมือง
2,ถ้ามองมุม นายแพทย์วรงค์ เดชกิจวิกรม ผู้ท้าชิงเบอร์ 2 ในฐานะมวยรองกระดูกคนละเบอร์
การได้คะแนนสนับสนุนจากสมาชิกพรรคมากถึง 57,689 คะแนน ถือว่าไม่ธรรมดา
ถ้า นพ.วรงค์มีเวลาเดินสายหา เสียงมากกว่านี้ ก็มีสิทธิ์โค่นแชมป์เก่าแบบหักปากกาเซียนได้
เหมือนกัน
3,ถ้ามองมุม นายอลงกรณ์ พลบุตร ผู้ท้าชิงเบอร์ 3 ที่ได้คะแนนเสียงจุ๋มจิ๋มเพียง 2,285 คะแนน
ถือเป็นความพ่ายแพ้ที่ไม่ขาดทุน เพราะการได้คืนสู่เหย้ากลับมาเป็นรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
อีกครั้งคือเป้าหมายสำคัญของนายอลงกรณ์
4,ถ้ามองแบบคนนอก ศรัทธาที่สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์มีต่อ “นายอภิสิทธิ์” ได้ถดถอยลงอย่างน่าตกใจ
ผลการหยั่งเสียงคือใบเสร็จยืนยันว่า มีสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์จำนวนมาก (เกือบ 60,000 คน) ต้องการ
เปลี่ยนผู้นำพรรคคนใหม่
ที่ไม่ใช่คนเก่าหน้าเดิม
เพราะถ้าไม่เปลี่ยนตัวแม่ทัพใหญ่ พรรคประชาธิปัตย์จะย่ำเท้าอยู่ที่เดิม ลีลาเดิม สไตล์เดิม ไม่มีจุดขายใหม่ที่
จะพลิกอนาคตพรรคประชาธิปัตย์ให้ผงาดกลับมายิ่งใหญ่เหมือนสมัย “อดีตนายกฯชวน หลีกภัย”
“แม่ลูกจันทร์” มองว่าโจทย์ยากที่ “นายอภิสิทธิ์” ต้องไปนอนก่ายหน้าผากคิดหาคำตอบให้ตัวเองคือ
ทำอย่างไรที่จะนำทัพพรรคประชาธิปัตย์ ชนะพรรคเพื่อไทย เพื่อลบล้างความล้มเหลวที่ผ่านมา??
เพราะนายอภิสิทธิ์นำพรรคประชาธิปัตย์พ่ายแพ้พรรคเพื่อไทย ในศึกเลือกใหญ่มาแล้ว 2 ครั้ง 2 ครา
เลือกตั้งใหญ่ “23 ธันวาคม 2550” พรรค ปชป.ได้ ส.ส. 172 คน จากทั้งหมด 475 คน หรือ 36 เปอร์เซ็นต์
เลือกตั้งใหญ่ “3 กรกฎาคม 2554” พรรค ปชป.ได้ ส.ส. 156 คน จากทั้งหมด 500 คน หรือ 31 เปอร์เซ็นต์
การเลือกตั้งครั้งหน้า “24 กุมภาพันธ์ 2562” จะเป็นศึกล้างตา จะทวงบัญชีแค้นพรรคเพื่อไทย
อดีตนายกฯอภิสิทธิ์ ลั่นวาจาจะนำพรรคประชาธิปัตย์ชนะการเลือกตั้งมากที่สุด เพื่อเป็นแกนจัดตั้งรัฐบาลเอง
“แม่ลูกจันทร์” มองว่าการตั้งเป้าให้พรรคประชาธิปัตย์ชนะเลือกตั้งเป็นอันดับหนึ่ง เพื่อเป็นแกนนำตั้งรัฐบาลเอง
เป็นเรื่องยากเกินไป
หรือ การตั้งเป้าจะอุ้ม ส.ส.เข้าสภามากกว่าพรรคเพื่อไทยก็ไม่ง่ายเช่นกัน
เอาแค่ตั้งเป้าให้ได้ ส.ส.ปชป. ไม่น้อยกว่าการเลือกตั้ง 2 ครั้งที่ผ่านมาก็ถือว่าเป็นความสำเร็จน่าพอใจ
เพราะดูแนวโน้มแล้ว พรรคประชาธิปัตย์คงต้องจับมือพรรคพลังประชารัฐ ตั้งรัฐบาลให้
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สืบทอดอำนาจเป็นนายกฯอีก 4 ปี
เส้นทางมันล็อกไว้แบบนี้ หนีไม่พ้นหรอกโยม.
“แม่ลูกจันทร์”
"หืดขึ้นคอ" .... แม่ลูกจันทร์ .... ไทยรัฐออนไลน์ .../sao..เหลือ..noi
อดีตนายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้รับความไว้วางใจให้ดำรงตำแหน่ง หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ต่อไป
หลังจากชนะการหยั่งเสียงไพรมารีโหวต 67,505 คะแนนจากสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ที่ไปใช้สิทธิ์ออก
เสียง 127,479 คน แสดงว่าสมาชิกพรรคส่วนใหญ่ตัดสินว่า นายอภิสิทธิ์ ซึ่งยึดครองเก้าอี้หัวหน้าพรรค
ปชป.มาแล้ว 13 ปี ยังเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดจากผู้ประกวดชายงามทั้ง 3 คน
“แม่ลูกจันทร์” ชี้ว่าถ้าจะมองเรื่องนี้ให้ชัดต้องมองให้ครบทั้ง 4 มุม
1,ถ้ามองมุมนายอภิสิทธิ์ การชนะหยั่งเสียงไพรมารีโหวตด้วยคะแนนเกินครึ่ง และเป็นเสียงข้างมาก
ถือว่านายอภิสิทธิ์มีความชอบธรรมที่จะเป็นผู้นำพรรคประชาธิปัตย์ในช่วงเปลี่ยนแผนทางการเมือง
2,ถ้ามองมุม นายแพทย์วรงค์ เดชกิจวิกรม ผู้ท้าชิงเบอร์ 2 ในฐานะมวยรองกระดูกคนละเบอร์
การได้คะแนนสนับสนุนจากสมาชิกพรรคมากถึง 57,689 คะแนน ถือว่าไม่ธรรมดา
ถ้า นพ.วรงค์มีเวลาเดินสายหา เสียงมากกว่านี้ ก็มีสิทธิ์โค่นแชมป์เก่าแบบหักปากกาเซียนได้
เหมือนกัน
3,ถ้ามองมุม นายอลงกรณ์ พลบุตร ผู้ท้าชิงเบอร์ 3 ที่ได้คะแนนเสียงจุ๋มจิ๋มเพียง 2,285 คะแนน
ถือเป็นความพ่ายแพ้ที่ไม่ขาดทุน เพราะการได้คืนสู่เหย้ากลับมาเป็นรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
อีกครั้งคือเป้าหมายสำคัญของนายอลงกรณ์
4,ถ้ามองแบบคนนอก ศรัทธาที่สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์มีต่อ “นายอภิสิทธิ์” ได้ถดถอยลงอย่างน่าตกใจ
ผลการหยั่งเสียงคือใบเสร็จยืนยันว่า มีสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์จำนวนมาก (เกือบ 60,000 คน) ต้องการ
เปลี่ยนผู้นำพรรคคนใหม่
ที่ไม่ใช่คนเก่าหน้าเดิม
เพราะถ้าไม่เปลี่ยนตัวแม่ทัพใหญ่ พรรคประชาธิปัตย์จะย่ำเท้าอยู่ที่เดิม ลีลาเดิม สไตล์เดิม ไม่มีจุดขายใหม่ที่
จะพลิกอนาคตพรรคประชาธิปัตย์ให้ผงาดกลับมายิ่งใหญ่เหมือนสมัย “อดีตนายกฯชวน หลีกภัย”
“แม่ลูกจันทร์” มองว่าโจทย์ยากที่ “นายอภิสิทธิ์” ต้องไปนอนก่ายหน้าผากคิดหาคำตอบให้ตัวเองคือ
ทำอย่างไรที่จะนำทัพพรรคประชาธิปัตย์ ชนะพรรคเพื่อไทย เพื่อลบล้างความล้มเหลวที่ผ่านมา??
เพราะนายอภิสิทธิ์นำพรรคประชาธิปัตย์พ่ายแพ้พรรคเพื่อไทย ในศึกเลือกใหญ่มาแล้ว 2 ครั้ง 2 ครา
เลือกตั้งใหญ่ “23 ธันวาคม 2550” พรรค ปชป.ได้ ส.ส. 172 คน จากทั้งหมด 475 คน หรือ 36 เปอร์เซ็นต์
เลือกตั้งใหญ่ “3 กรกฎาคม 2554” พรรค ปชป.ได้ ส.ส. 156 คน จากทั้งหมด 500 คน หรือ 31 เปอร์เซ็นต์
การเลือกตั้งครั้งหน้า “24 กุมภาพันธ์ 2562” จะเป็นศึกล้างตา จะทวงบัญชีแค้นพรรคเพื่อไทย
อดีตนายกฯอภิสิทธิ์ ลั่นวาจาจะนำพรรคประชาธิปัตย์ชนะการเลือกตั้งมากที่สุด เพื่อเป็นแกนจัดตั้งรัฐบาลเอง
“แม่ลูกจันทร์” มองว่าการตั้งเป้าให้พรรคประชาธิปัตย์ชนะเลือกตั้งเป็นอันดับหนึ่ง เพื่อเป็นแกนนำตั้งรัฐบาลเอง
เป็นเรื่องยากเกินไป
หรือ การตั้งเป้าจะอุ้ม ส.ส.เข้าสภามากกว่าพรรคเพื่อไทยก็ไม่ง่ายเช่นกัน
เอาแค่ตั้งเป้าให้ได้ ส.ส.ปชป. ไม่น้อยกว่าการเลือกตั้ง 2 ครั้งที่ผ่านมาก็ถือว่าเป็นความสำเร็จน่าพอใจ
เพราะดูแนวโน้มแล้ว พรรคประชาธิปัตย์คงต้องจับมือพรรคพลังประชารัฐ ตั้งรัฐบาลให้
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สืบทอดอำนาจเป็นนายกฯอีก 4 ปี
เส้นทางมันล็อกไว้แบบนี้ หนีไม่พ้นหรอกโยม.
“แม่ลูกจันทร์”