พอดีตอนนี้อยู่ที่เมืองมาราเกช ประเทศโมร็อคโก มีเรื่องอยากเล่าให้ฟัง ( ผิดพลาดประการใดขออภัยล่วงหน้า
- พอดีนั่ง Ryanair ปวดหัวกะกฎกระเป๋าใหม่ล่าสุด จนแทบจะยกเลิกทริป พอไปถึงสนามบิน Stuttgart ปรากฏว่า ไม่มีการตรวจใดๆจ้า คนเยอรมันเขากลัวกฎหมาย เลยแห่ซื้อน้ำหนักกระเป๋าเพียบ เหลือแค่ไม่ถึง 10 คนที่ไม่ซื้อน้ำหนักกระเป๋าเพิ่ม และแน่นอนลุ๊ค ต่างชาติทั้งนั้น
- พอถึงสนามบินเมือง มาราเกช น่าจะเป็นเที่ยวบินจากเยอรมันลงพร้อมๆ กัน คุณพระคุณเจ้า นักท่องเที่ยวเยอรมันพันกว่าคน รอคิว ตม.. และต้องกรอกใบ ตม ด้วยนะ เรื่องตลกคือ
ไม่มีปากกาซักแท่ง เราจำได้ว่าเราพกปากกามาล้านเปอร์เซ็นต์ คงหล่นหายที่ไหน ขอยืมคนเยอรมันแถวๆนั้น เขาก็ไม่ให้ยืม แถมกัดเราอีก เราเลยนั่งมันอยู่นั่นแหละ ทันใดนั้นพี่ทำความสะอาดเดินมาถาม อยากได้ปากกาชิมิ จ่ายมาค่ายืม 2€ โอ้โห...ปากกาหายเกลี้ยงเพราะคุณพี่แน่ๆ ( คนที่เข็นรถเข็นด้านซ้ายมือ )

- หลังจากนั้น รอคิว ตม 2 ชม กว่า ทั้งหิว ทั้งเหนื่อย
- ซิมการ์ด หลังจากแลกเงิน อะไรเสร็จ ค่าซิมการ์ด 10€ แต่พี่เขาสนใจแต่ฝรั่ง เรายืนต่อแถวนานมาก ไม่เรียกเราเลย เลยตัดสินใจไม่ซื้อ เห็นเอเชียหัวดำแล้วไม่ใสจีชิมิ
- ออกมานอกอาคาร คนยืนถือป้าย คือเขาจะไม่ให้ยืนรอรับผู้โดยสารในอาคาร คนมารับก็ยืนตากแดดกันไปเลยจ้า
- ป้ายบอกทาง รถบัสเบอร์ 19 ก็ไม่มี มีแต่ทางบอกไป Taxi ถามใครก็ไม่มีใครบอก มีแต่” I don‘t know“ จนกระทั่ง 4 สาวมะกันสวยสะพรั่ง เดินมาถามว่าทางไป Airportbus ไปทางไหน พี่ๆที่เราเคยถาม ต่างลุกตึงตัง พาเป็นไกด์นำทางพาสาวๆไปขึ้น Airportbus อืมนะ...พี่ๆไม่เบาเหมือนกันนะ ทีเราถามบอกไม่รู้

- ซึ่งที่จอดรถ Airportbus อยู่ไกลมากๆ ต้องให้คนพาไปถึงจะรู้ สรุปค่ารถ 30 ดีรัม หรือ 3€ ผมแนะว่า นั่ง Taxi ดีกว่า เพราะสนามบินอยู่ใกล้เมืองมากๆ Taxi น่าจะ 50-100 ดีรัม แต่ผมเลือก Airporrbus เพราะอยากลอง
- รถบัสมาจอดที่สถานี Jemaa el-Fnaa ก้าวแรกที่ลงจากรถบัสคือ กลิ่นขี้ กลิ่นเยี่ยวม้า เหม็นตุ้มเข้าสมอง เข้าปอดเต็มๆ และเสียงปี่ เสียงกลอง ก็ดังตลบไปทั่ว

- หลังจากที่เดินบุ Jemaa el-Fnaa มา ก็เจอ Cafe : Le grand balcon du café glacier ซึ่งโรงแรมเราอยู่ข้างๆ Cafe นี้ โรงแรมเราชื่อ : Hotel Atlas ราคา 10€ /คืน แบบห้องน้ำรวม / ไม่รวมอาหารเช้า และแน่นอน รีเซฟชั่นสุดหล่อและน่ารัก พูดภาษาอังกฤษไม่ได้จ้า คราวนี้หรรษาบุรีสุดๆ เราก็พูดภาษาอังกฤษ พี่เขาพูดภาษาฝรั่งเศส เอาเป็นว่าจกตากันนานมาก มาดูห้อง 10€ ต่อคืนกันดีกว่า
- มีเรื่องหลอนๆ อยากเล่าให้ฟัง คือ เราเข้าไปทานอาหารร้านข้างๆโรงแรมนั่นแหละ พี่เด็กเสริฟเลยมาบอกว่า “ เธอไม่ควรเดินไปมั่วนะ ที่นี่ไม่ใช่เมืองที่คุณอยู่” ว้ายยย..พี่เขาพูดภาษาอังกฤษ เราเลยถาม “ ทำไม? “ พี่เขาตอบว่า เพราะเธอคือลูกค้าของฉัน ฉันเห็นเธอเดินไป-มาตลอด ฉันเลยอยากเตือน เราก็ถึงบางอ้อ คือ ตอนเช้าเราต้องกินยา แล้วร้านอาหารแทบทุกร้านเขาไม่ขายอาหาร ขายแต่ชา กาแฟ อะไรพวกนี้ แล้วมีเด็กเสริฟคนนึง เราเดินผ่านหน้าร้านเขาพอดี ว่าเราเป็นภาษาเยอรมัน ประมาณว่า “ อยากได้อะไร หาอะไรก็ให้ถาม ไม่ใช่เดินไปมา “ เราก็มองซ้าย มองขวา ฝรั่งไม่มี เขารู้ได้ยังไง ว่าเราพูดภาษาเยอรมัน ... OK เราคิดไปเองก็ได้ .. หลอนที่ 2 เด็กขายกระเป๋าวิ่งเข้ามาหาเรา แล้วพูดภาษาเยอรมัน บอกช่วยซื้อกระเป๋าเขาหน่อย เขาต้องหาเงินไปช่วยครอบครัว เราก็อึ้งดิ เราไม่ใช่ฝรั่ง จะมายิ่งภาษาเยอรมันรัวๆ เหมือนรู้จักเราแบบนี้ได้ไง เราเลยแค่ยิ้ม น้องเลยบอกว่า “ ฉันรู้น่า เธอพูดภาษาเยอรมัน “
- สรุปคือ ที่นี่เขาน่าจะรู้จักกันหมด เพราะเขาจะรู้ได้ยังไงว่าเราพูดภาษาเยอรมัน เพราะเราแค่โทรศัพท์กลับมิวนิค 2 ครั้งที่โรงแรม

- ค่าอาหาร *** ข้อนี้สำคัญ *** คือหมอจะห้ามไม่ให้ไปกินอาหารข้างถนน กลัวเราท้องร่วงไรงี้ แล้วราคาค่าอาหารที่นี่ อัพราคาพอๆกะที่ยุโรปเลยนะจ๊ะ คือต้องเข้าใจว่าเราอยู่ตรงจุดท่องเที่ยวพอดี ทำให้เขาจะโก่งราคาแค่ไหนก็ได้ขาย เราก็ต้องฝืนๆ ทนจ่ายไป ยกตัวอย่าง ชีสเบอร์เก้อ ราคาแพง แต่ได้เบ้อเก้อก้อนเล็กนิดเดียว


- ตื่นเช้ามาจกตากะพี่รีเซฟชั่น คือ เราอยากลองกิน อาหารโมร็อคกัน แบบออริจิ .. จกตากันนานมากกก สรุปง่ายๆสั้นๆ คือ ไม่รู้เรื่องกันทั้ง 2 ฝ่าย เราเลยต้องหาอะไรกินแถวๆนี้แหละ นี่เขาบอกว่าเป็นชาโมร็อคกัน แบบออริจิ มีตะกลิ่นใบสะระแหน่(หรือเปล่าภาษาไทย) ใส่น้ำตาลนิสนุง อืม แซ่ปยุ พอไปวัดไปวาได้ยุ ( ถ้าเทียบกับชาตุรกีแก้วเล็กๆสีแดง ชาตุรกีชนะขาดลอยเลยจ้า )
- จากกระทู้ที่เราเคยถามไป เรื่อง หมา แมว ลิง ในมาราเกช คือ แมวกะลิงน่ากลัวสุด เพราะแมวโผล่มาตามถนนจ้า เราต้องหลบแมว ส่วนลิง ถ้าเราไม่เดินไปหาเขา เขาก็ไม่โยนลิงใส่เรา ลิงเยอะมากๆ เป็น 10 ตัวเลยนะ ง่ายๆคือ อยู่ห่างๆลิง หรือคนถือลิง จะดีที่สุด
งูก็เยอะ งูนี่ได้ยินเสียงปี่ก็จะชูคอทันที ม้านี่เยอะมากกก กลิ่นเยี่ยว กลิ่นขี้ม้าตลบอบอวลไปหมด ส่วนลาเขาเอาไว้ขนของ วิ่งตามถนนใหญ่ ตรอก ซอก ซอยเล็กๆ ไม่แคร์มอไซเลยจ้า
- ก่อนจบรีวิว เรื่องที่อยากบ่นคือเรื่อง เงินทอน หลายต่อหลายครั้งเขาจะเฉยเรื่องเงินทอน แล้วจะใช้ภาษาฝรั่งเศสเถียงกะเรา เพื่อให้เราเถียงไม่สู้แล้วไม่เอาเงินทอนไรงี้
เช่นร้านอาหาร ราคา 110ดีรัม เราให้ไป 200ดีรัม นางหายไปเลยจ้า เราเดินเขาไปทวงถึงข้างใน เขาก็พูดแต่ภาษาฝรั่งเศสแล้วก็เดินหนี โหย..9€ เลยนะ
ที่โรงแรม บอกเดี๋ยวติดเราไว้ 20 ดีแรม พอเราทวง ก็ออกแนวอะไร ไม่รู้ ไม่ชี้ ไม่ได้ติด อืมแค่ .. 2€ เอาไปโลดซั่น
ร้านไก่ทอด ร้านเดียวในเมือง ราคา 75 ดีรัม พนักงานไม่ทอนจ้า เราอธิบายว่า ให้แบ๊ง 100 เธอควรจะทอนนะ นางก็ไม่รู้ ไม่ชี้ อายัยเหย๋อ ไม่รู้เรื่อง.. อืม ต้องเสียเงินฟรี 2,5€ อีกแล้วเหรอ
ล่าสุดเลย ค่าอาหาร 60 ดีรัม เราให้แบ๊งค์ 100 ก็หายกริบ เราเลยไปทวง แบบไม่ยอม เอาคืนมา 40 ดีรัม ค่าอาหารแค่ 60 ดีรัม นางกะเพื่อนๆ ก็เหวี่ยงเรา แบบเนียลๆ ไม่รู้ ไม่ชี้ เราก็ไม่สน ทอนมา ... สรุปนางทอนแบ๊งค์ขาดๆมาให้ นางบอกไม่มี มีแต่แบ๊งค์นี่แหละ
เราเลยเอามาจ่ายค่าอาหารเช้าต่อ
[CR] เรื่องเล่าจากมาราเกช ประเทศโมร็อคโก...
- พอดีนั่ง Ryanair ปวดหัวกะกฎกระเป๋าใหม่ล่าสุด จนแทบจะยกเลิกทริป พอไปถึงสนามบิน Stuttgart ปรากฏว่า ไม่มีการตรวจใดๆจ้า คนเยอรมันเขากลัวกฎหมาย เลยแห่ซื้อน้ำหนักกระเป๋าเพียบ เหลือแค่ไม่ถึง 10 คนที่ไม่ซื้อน้ำหนักกระเป๋าเพิ่ม และแน่นอนลุ๊ค ต่างชาติทั้งนั้น
- พอถึงสนามบินเมือง มาราเกช น่าจะเป็นเที่ยวบินจากเยอรมันลงพร้อมๆ กัน คุณพระคุณเจ้า นักท่องเที่ยวเยอรมันพันกว่าคน รอคิว ตม.. และต้องกรอกใบ ตม ด้วยนะ เรื่องตลกคือ ไม่มีปากกาซักแท่ง เราจำได้ว่าเราพกปากกามาล้านเปอร์เซ็นต์ คงหล่นหายที่ไหน ขอยืมคนเยอรมันแถวๆนั้น เขาก็ไม่ให้ยืม แถมกัดเราอีก เราเลยนั่งมันอยู่นั่นแหละ ทันใดนั้นพี่ทำความสะอาดเดินมาถาม อยากได้ปากกาชิมิ จ่ายมาค่ายืม 2€ โอ้โห...ปากกาหายเกลี้ยงเพราะคุณพี่แน่ๆ ( คนที่เข็นรถเข็นด้านซ้ายมือ )
- หลังจากนั้น รอคิว ตม 2 ชม กว่า ทั้งหิว ทั้งเหนื่อย
- ซิมการ์ด หลังจากแลกเงิน อะไรเสร็จ ค่าซิมการ์ด 10€ แต่พี่เขาสนใจแต่ฝรั่ง เรายืนต่อแถวนานมาก ไม่เรียกเราเลย เลยตัดสินใจไม่ซื้อ เห็นเอเชียหัวดำแล้วไม่ใสจีชิมิ
- ออกมานอกอาคาร คนยืนถือป้าย คือเขาจะไม่ให้ยืนรอรับผู้โดยสารในอาคาร คนมารับก็ยืนตากแดดกันไปเลยจ้า
- ป้ายบอกทาง รถบัสเบอร์ 19 ก็ไม่มี มีแต่ทางบอกไป Taxi ถามใครก็ไม่มีใครบอก มีแต่” I don‘t know“ จนกระทั่ง 4 สาวมะกันสวยสะพรั่ง เดินมาถามว่าทางไป Airportbus ไปทางไหน พี่ๆที่เราเคยถาม ต่างลุกตึงตัง พาเป็นไกด์นำทางพาสาวๆไปขึ้น Airportbus อืมนะ...พี่ๆไม่เบาเหมือนกันนะ ทีเราถามบอกไม่รู้
- ซึ่งที่จอดรถ Airportbus อยู่ไกลมากๆ ต้องให้คนพาไปถึงจะรู้ สรุปค่ารถ 30 ดีรัม หรือ 3€ ผมแนะว่า นั่ง Taxi ดีกว่า เพราะสนามบินอยู่ใกล้เมืองมากๆ Taxi น่าจะ 50-100 ดีรัม แต่ผมเลือก Airporrbus เพราะอยากลอง
- รถบัสมาจอดที่สถานี Jemaa el-Fnaa ก้าวแรกที่ลงจากรถบัสคือ กลิ่นขี้ กลิ่นเยี่ยวม้า เหม็นตุ้มเข้าสมอง เข้าปอดเต็มๆ และเสียงปี่ เสียงกลอง ก็ดังตลบไปทั่ว
- หลังจากที่เดินบุ Jemaa el-Fnaa มา ก็เจอ Cafe : Le grand balcon du café glacier ซึ่งโรงแรมเราอยู่ข้างๆ Cafe นี้ โรงแรมเราชื่อ : Hotel Atlas ราคา 10€ /คืน แบบห้องน้ำรวม / ไม่รวมอาหารเช้า และแน่นอน รีเซฟชั่นสุดหล่อและน่ารัก พูดภาษาอังกฤษไม่ได้จ้า คราวนี้หรรษาบุรีสุดๆ เราก็พูดภาษาอังกฤษ พี่เขาพูดภาษาฝรั่งเศส เอาเป็นว่าจกตากันนานมาก มาดูห้อง 10€ ต่อคืนกันดีกว่า
- มีเรื่องหลอนๆ อยากเล่าให้ฟัง คือ เราเข้าไปทานอาหารร้านข้างๆโรงแรมนั่นแหละ พี่เด็กเสริฟเลยมาบอกว่า “ เธอไม่ควรเดินไปมั่วนะ ที่นี่ไม่ใช่เมืองที่คุณอยู่” ว้ายยย..พี่เขาพูดภาษาอังกฤษ เราเลยถาม “ ทำไม? “ พี่เขาตอบว่า เพราะเธอคือลูกค้าของฉัน ฉันเห็นเธอเดินไป-มาตลอด ฉันเลยอยากเตือน เราก็ถึงบางอ้อ คือ ตอนเช้าเราต้องกินยา แล้วร้านอาหารแทบทุกร้านเขาไม่ขายอาหาร ขายแต่ชา กาแฟ อะไรพวกนี้ แล้วมีเด็กเสริฟคนนึง เราเดินผ่านหน้าร้านเขาพอดี ว่าเราเป็นภาษาเยอรมัน ประมาณว่า “ อยากได้อะไร หาอะไรก็ให้ถาม ไม่ใช่เดินไปมา “ เราก็มองซ้าย มองขวา ฝรั่งไม่มี เขารู้ได้ยังไง ว่าเราพูดภาษาเยอรมัน ... OK เราคิดไปเองก็ได้ .. หลอนที่ 2 เด็กขายกระเป๋าวิ่งเข้ามาหาเรา แล้วพูดภาษาเยอรมัน บอกช่วยซื้อกระเป๋าเขาหน่อย เขาต้องหาเงินไปช่วยครอบครัว เราก็อึ้งดิ เราไม่ใช่ฝรั่ง จะมายิ่งภาษาเยอรมันรัวๆ เหมือนรู้จักเราแบบนี้ได้ไง เราเลยแค่ยิ้ม น้องเลยบอกว่า “ ฉันรู้น่า เธอพูดภาษาเยอรมัน “
- สรุปคือ ที่นี่เขาน่าจะรู้จักกันหมด เพราะเขาจะรู้ได้ยังไงว่าเราพูดภาษาเยอรมัน เพราะเราแค่โทรศัพท์กลับมิวนิค 2 ครั้งที่โรงแรม
- ค่าอาหาร *** ข้อนี้สำคัญ *** คือหมอจะห้ามไม่ให้ไปกินอาหารข้างถนน กลัวเราท้องร่วงไรงี้ แล้วราคาค่าอาหารที่นี่ อัพราคาพอๆกะที่ยุโรปเลยนะจ๊ะ คือต้องเข้าใจว่าเราอยู่ตรงจุดท่องเที่ยวพอดี ทำให้เขาจะโก่งราคาแค่ไหนก็ได้ขาย เราก็ต้องฝืนๆ ทนจ่ายไป ยกตัวอย่าง ชีสเบอร์เก้อ ราคาแพง แต่ได้เบ้อเก้อก้อนเล็กนิดเดียว
- ตื่นเช้ามาจกตากะพี่รีเซฟชั่น คือ เราอยากลองกิน อาหารโมร็อคกัน แบบออริจิ .. จกตากันนานมากกก สรุปง่ายๆสั้นๆ คือ ไม่รู้เรื่องกันทั้ง 2 ฝ่าย เราเลยต้องหาอะไรกินแถวๆนี้แหละ นี่เขาบอกว่าเป็นชาโมร็อคกัน แบบออริจิ มีตะกลิ่นใบสะระแหน่(หรือเปล่าภาษาไทย) ใส่น้ำตาลนิสนุง อืม แซ่ปยุ พอไปวัดไปวาได้ยุ ( ถ้าเทียบกับชาตุรกีแก้วเล็กๆสีแดง ชาตุรกีชนะขาดลอยเลยจ้า )
- จากกระทู้ที่เราเคยถามไป เรื่อง หมา แมว ลิง ในมาราเกช คือ แมวกะลิงน่ากลัวสุด เพราะแมวโผล่มาตามถนนจ้า เราต้องหลบแมว ส่วนลิง ถ้าเราไม่เดินไปหาเขา เขาก็ไม่โยนลิงใส่เรา ลิงเยอะมากๆ เป็น 10 ตัวเลยนะ ง่ายๆคือ อยู่ห่างๆลิง หรือคนถือลิง จะดีที่สุด
งูก็เยอะ งูนี่ได้ยินเสียงปี่ก็จะชูคอทันที ม้านี่เยอะมากกก กลิ่นเยี่ยว กลิ่นขี้ม้าตลบอบอวลไปหมด ส่วนลาเขาเอาไว้ขนของ วิ่งตามถนนใหญ่ ตรอก ซอก ซอยเล็กๆ ไม่แคร์มอไซเลยจ้า
- ก่อนจบรีวิว เรื่องที่อยากบ่นคือเรื่อง เงินทอน หลายต่อหลายครั้งเขาจะเฉยเรื่องเงินทอน แล้วจะใช้ภาษาฝรั่งเศสเถียงกะเรา เพื่อให้เราเถียงไม่สู้แล้วไม่เอาเงินทอนไรงี้
เช่นร้านอาหาร ราคา 110ดีรัม เราให้ไป 200ดีรัม นางหายไปเลยจ้า เราเดินเขาไปทวงถึงข้างใน เขาก็พูดแต่ภาษาฝรั่งเศสแล้วก็เดินหนี โหย..9€ เลยนะ
ที่โรงแรม บอกเดี๋ยวติดเราไว้ 20 ดีแรม พอเราทวง ก็ออกแนวอะไร ไม่รู้ ไม่ชี้ ไม่ได้ติด อืมแค่ .. 2€ เอาไปโลดซั่น
ร้านไก่ทอด ร้านเดียวในเมือง ราคา 75 ดีรัม พนักงานไม่ทอนจ้า เราอธิบายว่า ให้แบ๊ง 100 เธอควรจะทอนนะ นางก็ไม่รู้ ไม่ชี้ อายัยเหย๋อ ไม่รู้เรื่อง.. อืม ต้องเสียเงินฟรี 2,5€ อีกแล้วเหรอ
ล่าสุดเลย ค่าอาหาร 60 ดีรัม เราให้แบ๊งค์ 100 ก็หายกริบ เราเลยไปทวง แบบไม่ยอม เอาคืนมา 40 ดีรัม ค่าอาหารแค่ 60 ดีรัม นางกะเพื่อนๆ ก็เหวี่ยงเรา แบบเนียลๆ ไม่รู้ ไม่ชี้ เราก็ไม่สน ทอนมา ... สรุปนางทอนแบ๊งค์ขาดๆมาให้ นางบอกไม่มี มีแต่แบ๊งค์นี่แหละ
เราเลยเอามาจ่ายค่าอาหารเช้าต่อ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้