ถ้าคุณมาต้องมานั้งบริหาร คุณจะทำยังไง..?

คือเรื่องม้นมีอยู่ว่า...
ผมเป็นลูกชาย ของเจ้าของโรมพิมพ์ แห่ง1 แต่ก่อนมีงานไม่ขาดมือ ตอนช่วง20-30ปีที่แล้วตอนที่ผมยังพอจำความได้ แต่แล้ว คอมพิวเตอร์ เข้าถึงคนมากขึ้น อะไรอะไรก็เปลี่ยนไป ทำให้รายได้ลดลง จากเดือนละ2,000,000หักแล้ว
เหลือเดือนละ80,000 จึงทำการขายของชำร่วยมาช่วย 120,000

เหลือเดือนละ20,000 ( ไม่หน้าจะถึง)
เกิดจาก พนักงานเก่า แก่
อัตตราจ้างค่อนข้างสูง
20,000 เพราะอะไรผมถึงบอกว่าสูง

ยกตัวอย่าง
1.ช่างอาร์ตที่ใช้ ai และphotoshopไม่ได้
2.บันชีที่ทำเพียงแค่จดบันทึก แบบจดจริงๆ
นอกนั่นทำอะไรไม่ได้ ทำบันชี รายรับรายจ่ายไม่ได้ ได้แค่เอามาบวก -กัน เฉยๆ
ค่าไฟอาพาท์เม้น 1500หน่วยแต่เก็บได้เพียง500 หน่อย ซึ่งทางเราก็ปล่อยเฉย เอง เป็นระยะเวลา10ปี
3.ช่างเครื่อง ที่วันวันเอาแต่เล่นโทรศัพท์ กับทำสวยที่บ้าน ค่าแรงวันละ800 กับ อู้ไปเรื่อย
(มีการขโมยของจำพวกเพรช ) ขโมยไปค่อยข้างเยอะ ประมาน15-20 ล้าน ขโมยมาเรื่อยๆ ตอนนี้พึ่งติดคุกไป 80ปี ยักยอกเงินอาพาท์เม้น
4.แม่บ้าน2 คน คน1 ขโมย(เป็นภรรยาช่างเครื่อง
อีกคน ก็โอเค
คนละ 600 อีกคน500

คือผมรู้ปันหาต่างๆมาเป็น10ปี แต่ผมก็นิ่งเฉยแก้ไม่ได้เหตุเกิดจาก
ผมละคุณแม่ต่างคนต่างมีเก่ง มีฐิทิ ผมได้แต่พยามยามเตือนคุณแม่ คุณแม่ก็จะมองว่าเราอวดเก่งผมจึงยอมแพ้มาหลายรอบแล้ว จึงไปทำงานของตัวเอง แต่สุดท้ายก็กลับมา เหตุที่กลับมาเพราะเป็นห่วงคุณแม่มากคุณแม่ทำอาชีพเสริมคือ ปล่อยเงินกู้แต่ไม่ได้เป็นเก๊งอะไรแบบนี้คือ เขียนเช็คเซนสันญา คือผมก็มองว่ามันบาปแล้วที่สำคัญคืออันตราย ผมถึงวนเวียนไปไหนไม่ได้จึงกลับมาช่วยงานคุณแม่ ซึ่งรายได้ที่เกิดจาก งานที่ทำ(ผมทำพวกขายทอดตลาดจาก(ทางรัฐบาล )ซึ่งรายได้ค่อนข้างดี จำพวกสิ้นค้ามือ1 หรอพวกของเก่า คิดเป็นเดือนละไม่ได้จังหวะได้มันได้จังหวะเสียมันก็เสีย แต่เฉลี่ยรแล้ว ประมาน100,000ต่อเดือน

ทุกครั้งที่ผมไม่ไหวผมจะออกไปทำงานข้างนอก
คือผมท้อ เตือนแล้วไม่ฟัง ผมเตื่อนเค้าก็จะไปว่าพนักงาน ซึ่งพนักงานเองก็รู้ ผ่านไปไม่นาน เค้าดฅก็จะยุแย่งให้ผมกับคุณแม่ทะเลาะกัน สุดท้ายผมก็ต้องไป (ยุแยงจริงๆ)ผมเองก็โลกสวย พยามยามพิสูธหลายรอบแล้วก็ที่จะว่ากันจริงๆ)

ในขณะที่ทำงานกับคุณแม่ สิ่งที่ผมได้คือ
ข้าว3มื้อกับ กับเงินประมานอาทิตย์ละ1,000
ในมุมผมคือการไม่ให้เกรียติผมเรยและ ไม่เห็นค่าผม ถามว่าพอใช้มั้ย รายจ่ายผมเดือนละ2-5หมืน (แค่กิน)เพราะผมไม่เที่ยว ใดใดเลี้ยงเพือนบ้าง คืออารมณ์ คนไม่รู้จักเก็บ และอาจจะเกิดอารมณ์ประชด
ผมซื้อข้าวให้คุณแม่กินทุกวัน เฉลี่ยรเดือนละ5000-8000
ออกค่าใช้จ่าย บางเรื่อง ในมุมของผมคือผมจะ30แล้ว ผมไม่มีอนาคต ผมอยากมีของของตัวเอง ผมถึงที่คุณแม่ไป3เดือน ซึ่งเป็น3เดือนที่เหนื่อยมาก เหนื่อยแบบเหนื่อยสุดๆ แต่ก็กลับมากับเงิน4แสน สุดท้าย คุณแม่ขอให้กลับมาช่วย อฃกลับมาอีรอบเดิม คุณแม่ช็อต เนื่องจากลูกหนี้ไม่จ่าย คุณแม่ก็ยืมเงินผม 200,000กว่า ผมก็ให้แบบไม่คิด ทุกรอบที่ผมออกไปทำงานจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้เสมอ

คือบางที่คุณแม่ผมก็มีตังนะแต่เหมือนไม่อยากให้ผมมีจนกระทั่ง แม่บ้านมาบอกว่า เฮียเจ้เค้าพูดว่า ดูสิ ขนาดมันมีตังแค่นี้มันยังปีกกล้าขาแข็งขนาดนนี้ ถ้ามันมีตังมากกว่านี้ มันคงจะทิ้งเค้าไป ผมก็ฟังแล้วพยามยามทำความเข้าใจ คุณแม่ผมมีลูก2คน สามีแยกทางกันต้องแต่ผมป.3
คุณแม่ผมไม่มีสะเน่เรยครับ สวยอย่างเดียว ทำงานเก่ง แต่เอาอกเอาใจไม่เก่ง อ้อมไม่เป็นที่สำคัญ เอาแต่ใจมากๆๆๆ ไม่แปลกครับที่คนที่อยู่กับเค้าจ้องแต่จะมาหาประโยชน์ จากเค้า (ลูกช้ายอีกคนไปทำงานเป็นเกี่ยวกับผู้กำกับ แสดงละครต่างๆ) น้องเค้าดิ้นรนด้วยตัวเค้าเอง

ใจผมก็สงสารน้อง สงสารม้า สงสารตัวเอง ทำมั้ยครอบครัวเราต้องแตกแยก คือน้องออกจากบ้าน
ส่วนผมก็จะสลับกับน้องออกจากบ้าน เพราะทนแรงกดดันไม่ไหว ผมกับน้องจะสลับกัน มาคราวนี้ น้องไปยาวเรยครับ ผมก็ เรยไปไหนไม่ได้ในมุมผมผมจะ30 ผมว่าอดทน และเป็นคนเก่ง(ในบ้างเรื่อง) และโง่ หลายเรื่อง ผมอาจจะไม่เก่งมากมายชนิดว่าหลายๆคนนับถือ แต่ผมมองว่าผมสามารถไปไกลได้มากกว่านี้ ผมควรจะมีของที่เป็นของของผม (มีฝั่งใจคือตอนนที่ผมออกจากบ้านตอน19 ,22,25ในตัวผมมีเพียงมือถือเครื่องเดียวกับเงิน2บาท ในช่วงอายุ19 แต่หลังๆเริ่มมีการเตรียมพร้อมมากกว่าเดินรู้จักเก็บเงิน หาที่พัก รวมถึงหางานก่อน คือผมเคยเป็นถึงกับขอทาน เพราะฐิทิขอฃตัวเอง แล้วก็ออกจากบ้านมาได้2ปี

สุดท้ายแล้ว คำถามผมที่ผมเขียนมายืดยาวคือผมจะพยามยามบอกความรู้สึกผมให้ได้มากที่สุด กับประสบณ์การ์ณชึวิตที่ผ่านมา
เพื่อสิ่งเดียวคือ ผมอยากหาทางออกจากตรงนี้อยากได้แง่คิดดีดี จากคนหลายๆมุม ถึงพยามยามเล่าเหตุการ์ณต่างๆ บางที่อาจจะ ไม่เป็นตามลำดับเรื่อง ผมขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย

ตอนนี้ผมเข้าไปดูแลที่ร้าน คุณแม่ผมเรียกเงินจากผมเดือนละ70,000 และจ่ายเงินพนักงานอีก2คนรวมแล้ว90,000
แต่รายรับมีเพียง200,000ยังไม่หักต้นทุนใดๆ

มานะปัจุบันวันที่พิมพ์
ไล่พนักงานทุกคนออกหมด เหลือผมกับแฟน 2คนแฟนผมยังเรียนอยู่และผมทำอะไรไม่เป็นเรย
แฟนจะมาช่วยผมอาทิตย์ละ2-3ว้น แถมชีวิตคู่ตอนนี้ ระหองระแหง ส่งผลให้ไม่ค่อยช่วยงาน(บางวันช่วยบางวันไม่ช่วย )ผมก็เข้าใจเค้านะ เงินก็ไม่เหลือ แถมติดลบ จะมาลำบาคทำมั้ย
ผมไม่มีเวลาให้เรยผมแบกไว้หมด แถมยังไม่รู้เรื่องงานทำเป็นอย่างเดียวรับงานจากลูกค้า
ผมเก่งด้านนี้ แต่มาวันนี้ผมตัองมาผลิตเอง ซึ่งผมเองก็ไม่ ชอบแต่ต้องทำ น้ำยาก็เหม็น กระดาษก็หนัก เครื่องจักรก็ใช้ไม่เป็น ผมต้องตัดการดาษขนาดใหญ่ยกเองคนเดียว มือเปื้อน น้ำมันขัดตรายางก็เหม็นเหนื่อยก็เหนื่อย ท้อก็ท้อ
หันไปไม่เจอใคร แถมรายได้ติดลบ- ลูกค้าก็วิ่งเข้ามา

ในมุมผม ที่บริหารโรงพิมพ์ มา2เดือนผมมองว่าผมจะกอบโกยทุกสิ่งทุกอย่างไม่ได้ ผมว่าผมจะทำการหาลูกค้า แล้วส่งต่อ แต่ในใจก็คิดว่าทำแบบนี้มันได้แค่เพียงอยู่ไปวันๆ สักวัน ลูกค้าก็จะไปจากเรา เพราะทุกวันนี้ลูกค้าเริ่มทยอยเป็นลูกค้ารุ่นใหม่มากขึ้น ผมจึงพยามยามทำทุกสิ่งให้เป็น แล้วจะค่อยๆจ้างคนเข้ามา แต่...มาวันนี้ผมทำได้ไม่ดีเท่าที่ควรจะเป็นผมวิ่งไปหาวิธีทำตรายางที่ ทำอาร์ตเวิคที่ หาลูกค้าที่ ตัดกระดาษยังไงให้ตรง  ออกแบบยังไงให้ตัดกระดาษแล้วตัวหนังสือไม่ตก พยามยามหาผู้รู้ พยามยาม มากๆ แต่ตัวผมไม่สามารถไปไหนได้ จึงทำได้แค่เพียงหาทางอินเตอร์เน็ต และโทรคุย ถามพวกพี่ที่เค้าประสบณ์ความสำเร็จ จนกระทั้งตั้งกระทู้ถาม มันไม่ใช้การที่มีคนมาบอกว่าตัดยังงี้สิหันกลาง แล้วเอามารวมกันแล้วหันอีกที่กระดาษจะเท่ากัน หรอ ต้องเอาสีนี้ใสก่อนแล้วสีนี้ค่อยๆใส
มันคือการที่ผมต้อง ขุดคุ้ยโดนวิธีการที่ต้องคิดขึ้นมาเองทั้งหมด ผมรู้มันไม่ใช่วิธีที่ถูกต้อง แต่ผมไม่รู้จะทำยังไง เงินก็วิ่งเงินเก็บก็หมดเกลี้ยงชนิดว่า3-4บาท ยอมก็ไม่ได้ ก็เอาพนักงานออกจากร้านสะทั่งหมด มาวันนี้คือ ผมตัดสินใจ รับช่างอาร์ต และส่งงานไปที่อื่น บ้าง เงินน้อนช่างมันต้องค่อยๆโต

ผมไม่รู้ว่าสิ่งที่ผมจะทำมันถูกหรอเปล่า
บางคนอาจจะมองว่าผมตกอยู่ในที่ที่มีโอกาศ บางคนอาจจะต้องวิ่งเริ่มต้องแต่แรก ต้องแต่เก็บเงินซื้อเครื่องจักร
แต่สำหรับผม ผมอาจจะมองว่า จะมาทนทำอยู่ตรงนี้ทำมั้ยเงินก็ติดลบ
คือ2อย่างนี้มันวนเวียนอยู่ในหัวผม
อาจจะเพราะเหนื่อยและท้อ +กับสู้
มันเรยเกิดความคิดแบบนี้
ผมอยากจะถามในมุมคนอื่นๆดูบ้างว่า ถ้าเป็นคุณคุณจะทำอย่างไร....?
จะแก้ไข้ปันหา... ?
จะเดินหน้าต่อ....?
ทำใจ...?
หรอ...? อดทนแล้วสู้ต่อ ไป

ผมเหนื่อยและท้อมากอยากพัก... รายจ่ายมันวิ่งอยู่ตลอด
ผมมีเครื่องตัด กระดาษ ขนาด31x43
ตีธง 2เครื่อง
เครื่องทำตรายาง เครื่องอัดบล็อค
เครื่องพิมพ์ไม่มี
ผมจึงลงทุนซื้อเครื่อง ปริ้น fuji xaroxธรรมดา
หยั่งเชิ้งดูก่อน แต่แล้วก็ยังเจอคนไม่ดีทำให้ผมต้องซื้อมาพร้อมๆกัน4เครื่อง
กับกระดาษมูลค่าประมาณ4แสน
ขอขอบคุณทุกคอมเม้นล้วงหน้า
และขอบคุณที่อ่านผมจนจบ ขอบคุณครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่