เรื่องสั้น "ผมกับเขาเรากับนาย" ตอน3 จบบริบูรณ์

เรื่อง        ผมกับเขาเรากับนาย
บทโดย    นัฐพันธ์

     ตลอดระยะเวลาที่เขามาเฝ้าชายหนุ่มอีกคน เขาเฝ้าอยู่ด้านหน้าตั้งแต่ทราบข่าวจนกระทั่งมารดาและน้องสาวเขากลับไป พีมเป็นคนอาสาที่จะอยู่ดูแลจนมาสามารถเข้าเยี่ยม เขาก็นั่งกุมมือของคนตรงหน้าไม่ห่างไปไหน สายตาของเขามองคนตรงหน้า ใบหน้ารูปสวย ริมฝีปากอิ่มสวยงามสีชมพูแลดูคล้ายผู้หญิงเพียงแต่หน้างอลไปหน่อย คิ้วดกกำลังสวยงามชัดเจน พีมพึ่งสังเกตก็เมื่อตอนนัทนอนหลับสนิท เขาแอบยิ้มมุมปาก ก้มมองดูใบหน้าขาวสะอาดจนลมหายใจสูดดมหากัน เขามองหน้านัทจนพล้อยหลับไปตอนไหนไม่รู้ นัทค่อยๆลืมตาตื่น ภาพที่นัทเห็นมันขมุกขมัวแสงไฟสลัวๆในห้อง เขาเห็นพีมแบบลางๆเพราะสายตายังปรับระดับได้ไม่ดีนัก นัทพูดเบาไม่ค่อยมีเสียง

    “พีม นั่นพีมหรือ”

พีมค่อยๆเงยหน้าขึ้นเขากลับมายิ้มสดใสได้อีกครั้งหนึ่ง มือยังจับสัมผัสที่มือของคนป่วย ริมฝีปากของนัทซีดลงไปเห็นได้ชัดเจน

    “ตื่นแล้วหรอ”

นัทพยักหน้า พีมดูยิ้มสดใส นัทจะขยับร่างพยุงตัวลุกแต่ไม่ไหวจนพีมต้องประคองให้นัทพิงพนักที่นอน นัททำหน้าบึ้งตึงเมินใส่ ทำเหมือนหนุ่มสาวกำลังงอนกันอยู่

    “ทำไมเราไม่ตายให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย” นัททุบเตียงด้วยความโมโห

    “พูดอย่างนี้อีกแล้ว”

    “เราไม่มีสิทธิ์พูดหเรอไง”

    “พูดได้ ตัวอยากจะพูดก็พูด แต่ไม่จำเป็นต้องกระแทก-ดัน ตัวทำแบบนี้ไม่น่ารักเลยรู้มั้ย”

    “เราจะไปน่ารักเหมือนแฟนพีมเหรอ” นัทเบี่ยงหน้า อารมณ์ฉุนเฉียวแต่พีมไม่ได้โกรธเกรี้ยวเขาแอบยิ้มมุมปาก นัทแอบชำเลืองมอง

    “พีมไม่เข้าใจเรา” น้ำเสียงอ่อนแต่น้อยใจ พีมจับมือแต่นัทสะบัดออก

    “ต่อไปไม่ต้องมาเยี่ยมเราอีก เราไม่อยากเห็นหน้าพีม”

    “เป็นงั้นไป” พีมไม่ได้โกรธเขาเอาแต่หัวเราะเบาๆ ทำทีมองคนตรงหน้าที่มัวแต่ทำตัวเป็นเด็กๆไปได้

    “เราจะไม่คิดถึงพีมอีก”

      สองคนหันมาสบตากัน น้ำตาเจ้ากรรมไหลเอ่อล้นขอบตานัท นัทอ่อนแอทั้งกายและใจเกินกว่าจะรับมือไหวต้องมาพบคนที่รักแต่ครอบครองไม่ได้ พีมหุบยิ้มลงไปเขาก็อ่อนแอทั้งกายและใจเช่นกันแม้ความรู้สึกมันเกิดกว่า....?ใดไปแล้ว นัทปาดน้ำตา มือของพีมจับมือนัท

    “นัทฟังเรานะ” พีมพยายามพูดแม้น้ำเสียงภายในลำคอจะแหบพร่า

    “เราขอบคุณที่นัทรักเรา แต่ความรักของเราสองคนมันเป็นไปไม่ได้ เราชอบตัวก็จริงแต่เราชอบในฐานะเพื่อนเท่านั้น ไอ้ความรักของเกย์ของกลุ่มตัวมันไม่จีรังยั่งยืน ซักวันยังไงก็ต้องเลิกกัน เราบอกจริงๆว่าเราไม่ได้เป็นเกย์แบบทที่ตัวต้องการ ยังไงเราก็ต้องมีเมียมีลูกตามธรรมชาติของคนทั่วไป ตัวต้องเข้าใจเรานะนัท”

นัทปาดน้ำตาที่นองหน้า

    “พีมไม่เข้าใจเราหรอก ไม่เข้าใจเลย”

    “ตัวก็ไม่เข้าใจเราเช่นกัน”

สองคนหันมาสบตาแววตาปวดร้าวด้วยกันทั้งคู่

    “เราอยากรู้นักว่าผู้หญิงคนนั้นเอาใจพีมได้เท่าเรามั้ย”

    “แต่ตัวไม่ใช่ผู้หญิง”

    “แล้วผู้หญิงของพีมเอาใจพีมได้เท่าเราหรอ” นัทเสียงเข้มแม้จะเจ็บกายแต่ใจเจ็บยิ่งกว่า

    “ตัวก็เป็นซะอย่างนี้  กระทบกระเทียบ-ดันทุกสิ่งทุกอย่างที่ตัวคิดว่าไม่ดีพอสำหรับตัว”

    “เราเป็นตัวของตัวเราเป็นแบบนี้ พีมรู้ไม่ว่าพีมเปลี่ยนไป พีมทำเขาท้องหรอ”
พีมนิ่วหน้า ไม่กล้าตอบ  แม้จะมีคำตอบอยู่แล้วในใจ

    “ถ้าเรายอมรับตัวจะว่าอย่างไร”

    “เหอะ” นัทยิ้มเยาะ “เราจะไปว่าได้อย่างไร ในเมื่อคนมันจะรักจะชอบกันยังไงซักวันมันก็ต้องผสมพันธ์กันอยู่ดี ความใคร่มันห้ามกันได้เหรอ คนมันอยาก มันคัน ต่อให้ฟ้าถล่ม แผ่นดินทลายมันก็ต้องได้” นัทเหยียดคำพูดเจ็บแสบ

    “เราว่าตัวพูดอะไรไม่รู้เรื่องแล้วนะ” พีมบีบมือนัทเบาๆเขารู้ว่านัทคงเจ็บปวด ยิ่งเขาพยายามก็เหมือนเป็นการซ้ำเติมบาดแผลในส่วนลึกของจิตใจ

    “ดื่มน้ำก่อนมั้ย  จะได้ใจเย็นๆ ไม่สบายตื่นขึ้นมาก็แวดๆใส่เรา” พีมแอบขำชำเลืองมองคนป่วยที่หน้าบึ้ง

    “มันธุระของพีมหรือไงถึงมาใส่ใจคนแบบเรา เราจะอยู่หรือจะตายมันก็ชีวิตของเรา” นัทบึ้งตึง พยายามไม่มองหน้าชายหนุ่ม สองคนเงียบ ความเงียบภายในห้องปกคลุมเข้ามา

        “ไม่ใช่ธุระ แต่เราอยากทำ”   แววตาของพีมจ้องมองนัทตลอดเวลา เขาแอบเศร้า มันเจ็บด้วยกันทั้งสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งก็รู้ตัวตนของอีกคน อีกฝ่ายรักมากเท่าใดแต่ก็ไม่สามารถครอบครองได้ ความรู้สึกแบบนี้โคตรเจ็บปวด ยิ่งกว่าโดนมีดแทงขั้วหัวใจอีก

    “กลับไปเถอะ ปล่อยให้เราอยู่คนเดียวเถอะพีม” นัทเสียงแหบรู้สึกปวดหัวขึ้นมาตุบๆ นัทจับที่กระหม่อมมันเหมือนจะแตก ร่างของนัทดีดดิ้นบนเตียงนอน ความเครียดทำร้ายคนมานักต่อนักแล้ว หัวเหมือนจะระเบิดออกมา ชายหนุ่มจับมือบีบแน่นประสานความห่วงใย แม้นัทจะคลายมือเขาออกพยายามไม่มอง ไม่คิดถึง

    “จะมาดูแลเราทำไม ไล่แล้วไม่ไปอีก” แม้จะเจ็บปวดจากอาการปวดหัวแต่ก็ยังบ่น

    “เราจะกลับได้ยังไงตัวยังไม่หายดี” พีมเอามือหนานุ่มมาสัมผัสกระหม่อนนัท นัทน้ำตาเอ่อไหล มือที่แสนนุ่มของชายหนุ่ม นานเท่าใดแล้วที่ความเหินห่างทำร้ายความรู้สึกไปจากเดิม นัทหลับตาลงช้าๆข้างกายยังมีพีมอยู่ข้างๆพีมบีบมือเบาๆประสานสัมผัส นัทหลับตา พีมค่อยๆก้มหน้าลงมาจุมพิตลงบนหน้าผากขาวเนียนหวังให้อาการปวดหัวทุเราเบาบางลงไป พีมยังคงเฝ้าดูอาการตลอดที่นัทหลับสนิทในค่ำนั้น

    ตลอดจนอาการของนัทดีขึ้น ดูเหมือนว่าทั้งสองคนถูกตัดขาดกันอย่างสิ้นเชิง นัทดูเหินห่างแม้แต่พีมเองก็เหอะ ความเจ็บปวดรวดร้าวที่เกิดขึ้นภายในจิตใจช่างยากจะคาดเดา ความรักอันบริสุทธิ์ของคนสองคนจากวันผันผ่านเป็นเดือน การ์ดเชิญงานแต่งงานถูกเชิญบรรดาแขกผู้มีเกียรติมากมาย ข่าวว่าเจ้าสาวคนนั้นเป็นถึงลูกอธิบดีกรมอะไรซักอย่าง พีมไม่ได้หันมาสนใจกับความห่างเหินของนัทมากนัก อาจจะเป็นเพราะหน้าที่การงานและหน้าที่ความรับผิดชอบของเขา หนึ่งเดือนที่ไม่ได้พูดคุยกับนัท แม้จะพยายามแต่ดูเหมือนยิ่งเข้าใกล้นัทเองจะเป็นฝ่ายหลบหน้าหลบตา โทรไปก็เลี่ยง ไปหาก็ไม่อยู่ ถึงแม้ความรักอันบริสุทธิ์ของเขากับนัทจะจบลง ไม่ได้เป็นแบบนิยายที่ต้องจบแบบแฮปปี้เอ็นดิ้งก็ตาม แต่สายสัมพันธ์ของเขากับนัทมิวันลืมเลือนไปได้

    นานเท่าใดแล้วที่นัทนั่งมองรูปภาพในอัลบั้มที่เก็บเอาไว้ สิบกว่าปีก่อนที่เริ่มรู้จัก จากเพื่อนก็กลายสถานะเป็นแอบชอบคนสนิทด้วยกัน นัทดูอ่อนหวาน ผิวขาว สะอาดยิ่งกว่าผู้หญิง เป็นเพราะการเอาใจใส่ของมารดา การอบรมเลี้ยงดูทำให้นัทอ้อนแอ้นไปทางสตรีมากกว่าบุรุษ แม้จะถูกบังคับให้เรียนโรงเรียนชายล้วนก็ตาม ภาพเก่าๆมันจะเล่าเรื่องต่างๆได้ดีเสมอ นัทแอบยิ้มเมื่อภาพตอนไปเข้าค่ายฉายในมโนความคิด นัทโดนกับดักสัตว์ที่ขาเดินไม่ไหว พีมเป็นคนแบกนัทกลับมาจากห้องน้ำถึงแคมป์ที่พักทุรักทุเรพอสมควร รอยยิ้มพิมใจเกิดขึ้นมาบนใบหน้าของนัท ถึงแม้การ์ดเชิญใบนั้นยังคงอยู่บนโต๊ะทำงานก็ตามที

    “ลูกตัดสินใจแล้วหรือที่จะไปเรียนปริญญาเอกที่ต่างประเทศ” มารดาเอ่ยถามเมื่อนัทนั่งลง ทุกคนอยู่พร้อมหน้าที่โต๊ะอาหาร สาวใช้ยกข้าวต้มทรงเครื่องมาวางให้เจ้านายทั้งสามคน เขาพยักหน้าเบาๆเป็นการตอบ

    “ไม่ได้อกหักจากใครมานะคะพี่ชาย” แนนพูดแกมหยอก มารดาหันมาดุแถมหยิกแขนเบาๆ

    “พูดมากน่ายัยแนน”  เขาผลักหัวน้องสาว

    “หนูตัดสินใจแล้วฮะคุณแม่ มีลู่ทางทำงานไปเรียนไป ไม่อยากเสียโอกาส”
ทั้งๆที่รู้ว่าความจริงคืออะไรแต่นัทเองก็ฝืนความจริง นัทไม่อยากจากบ้านไปไกล กว่าสิบปีที่ไปเรียนปริญญาตรีและโทพร้อมทำงานใช้ทุนที่สถาบันต่างประเทศ เขาเฝ้าหวังเสมอในการกลับมาเมืองไทย กลับมาอยู่กับครอบครัว แต่ทุกอย่างเรื่องทุกอย่างกลับไปเป็นอย่างที่คิด ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน นี่แหละคือสัจธรรมของชีวิต

    “แล้วบอกเพื่อเราหรือยังตานัท ทิม เต้ย พีม คมสัน หรือหมออร”
มารดาร่ายยาวรายชื่อเพื่อน เขาพยักหน้า

    “เกริ่นๆบอกทุกคนแล้วฮะ เว้นก็แต่...?” เขาหยุดพูด มารดาหันมองหน้า

    “มะรืนจะไปงานแต่งงานลูกท่านอธิบดีกับแม่หรือเปล่า”

       เขาก้มหน้า เขี่ยอาหารในถ้วยเล่นแบบเด็กๆ คุณแม่คงยังไม่ทราบว่าพีมนั้นแหละเป็นเจ้าบ่าวที่จะแต่งงานกับลูกท่านอธิบดี ทั้งสองจะเกี่ยวดองผูกสัมพันธ์เป็นเครือญาติกันและกัน

    “เขาว่าท้องก่อนแต่งนะคะคุณแม่”

    “เหลวไหลน่า เอาอะไรมาพูดยัยแนน”

    “แหมข่าวออกจะดัง”

    “อย่าไปพูดให้ใครได้ยินอีกนะ เขาจะหาว่าแม่ไม่อบรมสั่งสอน”

นัทไม่ได้สนใจฟังคุณแม่กับน้องสาวคุยกันบนโต๊ะอาหารเพราะความรู้สึกตอนนี้ของเขามันล่องลอยไปไกลโพ้นตั้งแต่แนนพูดขึ้น

    บรรยากาศภายในงานแต่งงานหรูหรา สมฐานะของบ่าวสาว ภาพพรีเวดดิ้งของคู่บ่าวสาวเด่นหราบนจอภาพขนาดใหญ่ ห้องโรงแรมถูกจองให้แขกผู้มีเกียรติหลายๆท่านเดินทางมาร่วมงานมงคลสมรสในช่วงเช้าและงานเลี้ยงในยามค่ำของวันเดียวกัน ช่วงเช้าจะเป็นพิธีแบบไทย เชิญพระสงค์สวดให้พร รดน้ำและอวยพรบ่าวสาว ก็เพราเป็นงานของคนใหญ่คนโต ลูกท่านอธิบดีทั้งคนจะแต่งงานแบบกระจอกงอกง่อยเป็นซะไม่มี

    คุณแม่และเขาถูกเชิญมาร่วมงานกันในตอนค่ำ แม้จะไม่อยากมาแต่ก็เสียไม่ได้ เป็นเวลาเดือนกว่าที่รู้ข่าวนัทก็ไม่ได้พบกับพีมอีกเลย ต่างคนต่างก็หมางเมินใส่กันและกัน ต่างคนต่างก็มีทิฐิซึ่งกันและกัน เวลาจะช่วยเยียวยาจิตใจของเขาได้ นัทเชื่อแบบนั้นว่าเวลาจะเยียวยาความรู้สึกนึกคิดของเขาได้ บรรยากาศแขกเริ่มทยอยกันมามากขึ้น งานแต่งงานของบ่าวสาวที่หลายคนบอกว่าเหมาะสมกันราวกับกิ่งทองใบหยก ทั้งเจ้าสาวก็สวย เจ้าบ่าวก็หล่อ แต่ก็หนีไม่พ้นคำนินทาเรื่องไม่เป็นเรื่อง แต่พอเข้าหูชาวบ้านแล้วก็ตกเป็นขี้ปากไม่ได้

    แขกมากหน้าหลายตามีทั้งที่เขารู้จักและก็ไม่รู้จัก มองรอบๆงานสีขาวสะอาด ภาพเจ้าบ่าวเจ้าสาวเคียงคู่กันในความฝันของใครหลายๆคนต่างก็อยากสวมชุดเจ้าสาวยินเคียงข้างเจ้าบ่าว มันอาจจะเป็นความฝันของใครหลายๆคนรวมถึงนัทด้วยเช่นกัน เพราะการแต่งงานเป็นจุดจบของเทพนิยาย จะมีใครไหนล่ะที่ไม่อยากสวมชุดเจ้าสาวไปยืนเด่นตัดเค้กที่ตระหง่านตรงหน้า มีใครหลายคนชื่นชมโสมนัส แต่นั่นก็เป็นเพียงแค่ความฝันสีจางๆที่ลบเลือนหายไป

    ทิมก้าวเท้าไวกว่าความคิดเมื่อเห็นนัทยืนเหม่อ มารดาของนัทไปคุยกับเพื่อนร่วมสมาคมเดียวกันปล่อยให้นัทยืนเพียงลำพังคนเดียว มือของทิมสัมผัสไหล่นัท

    “คุณแม่ไม่มาด้วยหรอ”

ผู้ถูกถามไม่ได้ตอบเพียงแต่หันมองไปตรงที่มารดายืนคุยอยู่
    “ทำใจได้แล้วหรือไง”

มันเหมือนใครเอาไม้มาฟาด แม้จะเป็นการทำให้ความรู้สึกต่างๆพรั่งพรูเข้ามา แม้จะอยากร้องไห้เท่าใดแต่ก็พยายามฝืนใจไม่ให้ร้องไห้

    “ก็มาร่วมยินดีกับเพื่อนคนหนึ่ง...เท่านั้น..เอง” สีหน้าของเขาสลดลง

    “ได้เจอหรือยัง” ผู้ถามอยากรู้

นัทส่ายหน้าใบหน้าเศร้าใจ ทิมพยักหน้ารับรู้ความรู้สึกนั้นได้เป็นอย่างดี

ฝีเท้าของเขาชายหนุ่มก้าวเดินมาช้าๆ    “นัท”   เขาเรียกเบาๆเสียงคุ้นหูแว่นเข้ามา นัทหันไป

    “พีม” นัทพึมพำเบาๆ

        เขาก้าวเข้ามาประชิด ใบหน้ายิ้มดีใจที่ได้เจอนัทอีกครั้ง “คิดว่าจะไม่มาซะแล้ว” เขายิ้มกว้างเข้ามาประชิดสัมผัสที่มือเบาๆ นัทถอยห่างรักษาระยะความเป็นไป พีมรู้สึกได้ถึงความห่างเหินและระยะทางของความรู้สึก สองคนประสานสายตาของกันและกันแม้ในดวงตาคู่นั้นของคนทั้งคู่จะฉายแววแตกร้าว มันก็เหมือนแก้วน้ำที่แตกแล้วก็ยากจะผสาน ด้วยความห่างเหิน พีมใบหน้าเศร้ารับรู้ได้ถึงความเจ็บ แปลก?แปลกที่นัททำให้หัวใจของเขาชอกช้ำได้ ทำให้เหมือนดวงใจสลาย มันเป็นความผูกพันที่ยากจะอธิบาย ทิมเดินไปที่อื่น เขารู้ตัวว่าในสถานการณ์แบบนี้ไม่เหมาะที่จะอยู่ ณ จุดจุดนั้นต้องเดินออกมา

    “เราดีใจกับพีมด้วยนะ” นัทปรับน้ำเสียงให้ปกติแต่ก็ดูออกว่ามันเป็นการฝืนความรู้สึกที่ขมขื่น แต่ในสถานการณ์แบบนี้ก็ต้องทำให้เหมือนปกติที่สุด

    “ขอเวลาเราหน่อยได้มั้ย เราอยากคุยกับนัท” ไม่มีเสียงตอบอะไรกลับมา มีแต่ความเงียบ ทั้งสองจ้องหน้ากันเป็นคำตอบ

    แสงเทียนรอบงานแต่งงานสร้างบรรยากาศโรแมนติก เคล้ากับเพลงที่บรรเลง สามลมหนาวพัดมากระทบให้ใจหวิวๆ แอร์คอดิชั้นปรับอุณหภูมิหนาวกว่าภายในงาน ทั้งสองมาคุยกันที่ที่คนไม่พลุกพล่าน มันก็ยากนะยากที่จะทำใจให้ความรู้สึกแบบเดินหวนกลับมา มันก็จริงอย่างที่พีมบอก เขาบอกว่าเขาไม่ใช่แบบนั้น แบบที่ฝืนกฎเกณฑ์ธรรมชาติ ความงานอันปรุงแต่งจากสิ่งอื่นที่ธรรมชาติมิได้สร้างมานั้น มันไม่จีรังยั่งยืนนักหรอก สองคนยืนหันหน้าเข้าหากัน แม้ในใจจะปวดร้าวแต่ก็ต้องฝืนความรู้สึกเหล่านั้นเอาไว้
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่