แบ่งปันประสบการณ์ผ่าตัดเนื้องอกมดลูก รู้ตัว-ตรวจ-ผ่า ใช้เวลาแค่ 2 เดือน กับเนื้องอก 2 ก้อน ขนาดรวมกันเกือบ 30 cm.

กระทู้นี้ อยากแบ่งปประสบการณ์การผ่าตัดเนื้องอกไว้เป็นข้อมูลสำหรับคนที่อาจจะลังเลไม่กล้าไปตรวจ หรือลังเลตรวจเจอแล้วแต่ยังลังเลไม่กล้าผ่า ส่วนตัวเราผ่าไปเมื่อปีปลายปีที่แล้ว ตอนผ่าเสร็จใหม่ๆ เคยเล่าแชร์ไว้ใน FB ของตัวเอง วันนี้ เพิ่งไปหาหมอติดตามผลหลังผ่าตามนัด เห็นผู้ร่วมชะตากรรมอีกหลายคน บางคนดูเครียด กังวล ทำตัวไม่ถูก ก็นึกถึงตัวเองตอนรู้ว่าเป็นใหม่ๆ เลยคิดว่า เอามาเล่าใน pantip ไว้สักนิดเป็นวิทยาทานให้กับคนอื่นๆ เพราะตอนที่ตัวเองผ่า ก็อาศัยมาอ่านเรื่องราวของเพื่อนๆ ใน pantip นี่แหละไว้เป็นข้อมูลในการเตรียมตัวเตรียมใจ (เรื่องนี้เล่ายาวมากนะคะ บอกไว้เลยยยยย อมยิ้ม15)

เริ่มจากรู้เมื่อไหร่ รู้ได้อย่างไร ต้องบอกว่าโชคดีมากที่ตรวจเจอโดยบังเอิญ โดยที่มันยังไม่แสดงอาการ คือ ตรวจเจอเพราะตรวจสุขภาพประจำปีของที่ทำงาน พอดีว่าปีนี้อยู่ดีๆ ก็อยากเสียเงินตรวจอัลตร้าซาวน์ช่องท้อง (จริงๆ ก่อนหน้านี้ก็เคยคิดจะตรวจ แต่ก็มีเหตุให้ต้องพลาดไม่ได้ตรวจไปทุกที) ตรวจไปเมื่อต้นเดือน ต.ค. 60 ก็แจ็คพ็อต เจอเลย หมอที่ตรวจ (มาตรวจให้ที่ห้องพยาบาลของออฟฟิศ) บอกว่ามีก้อนในท้อง แต่ไม่บอกรายละเอียดไปมากกว่านั้น ให้รอผลอย่างเป็นทางการ

ประมาณต้น พ.ย. 60 ทาง รพ. ก็โทรศัพท์มาแจ้งผล (เข้าใจว่าน่าจะเป็นเคสเร่งด่วน เพราะตอนนั้นผลยังไม่ส่งมาออฟฟิศ และหลายๆ คนที่ไปตรวจพร้อมๆ กันก็ไม่ได้รับโทรศัพท์) แจ้งว่าจากอัลตร้าซาวน์ เจอก้อนในช่องท้อง 4 ก้อน ก้อนใหญ่ๆ 2 ก้อน ขนาด 19 cm. และ 9 cm. กับอีก 2 ก้อนเล็กๆ ที่ไม่แน่ใจว่าเป็นส่วนนึงของก้อนใหญ่ หรือเป็นก้อนแยกต่างหาก พยาบาลที่โทรมาแจ้งบอกว่าเนื่องจากขนาดใหญ่มาก แนะนำให้รีบไปหาหมอเฉพาะทางโดยเร็วที่สุด และแนะนำให้ติดต่อนัดพบหมอสูตินรีเวชที่คลีนิคพิเศษนอกเวลาราชการของ รพ.จุฬา (ปีนี้ออฟฟิศจัดให้ตรวจสุขภาพประจำปีกับ รพ.จุฬา)

ตอนแรกที่รู้ผลยอมรับเลยว่าเครียดมาก วิตกจริต ฟุ้งซ่านมากมาย จนซักพักเริ่มคิดได้ ว่าที่วิตกจริตอยู่นี่ก็เพราะความ “ไม่รู้” มีแต่คำถามที่ไม่มีคำตอบ (พยายามหาข้อมูลในเนต และจากคนรู้จัก แต่ก็ไม่มีที่ไหนให้คำตอบ หรือความมั่นใจได้เลย) และคนที่จะตอบได้ มีแค่คุณหมอเท่านั้น เครียดไปก็เปล่าประโยชน์ สู้ทำใจให้สบาย รอคุยกับคุณหมอดีกว่า โชคดีว่าพี่ที่รู้จักกัน แนะนำคุณหมอที่เคยรักษาให้ ซึ่งหลังจากโทรไปคุยกับคลินิคพิเศษแล้ว คุณหมอมีตรวจทุกวันพุธ ซึ่งโชคดีมาก เพราะวันพฤหัสจะต้องเดินทางไปจัดงาน Event ที่ ตจว. ยาวๆๆๆๆ สิบกว่าวัน

พอถึงวันนัด ก็เอาผลตรวจไปให้หมอดู บอกว่าพยาบาลโทรมาแจ้งแบบนี้ๆๆ และแนะนำให้รีบมาหาหมอ คุณหมอก็สั่งตรวจเพิ่มเลยเดี๋ยวนั้นเพื่อความมั่นใจ เริ่มจากตรวจภายใน (คุณหมอตรวจเอง) แล้วก็กดๆ ที่ท้อง สอบถามอาการ สำหรับเรา อาการที่เป็นไม่มีอะไรเลย นอกจาก ท้องอืด แน่นท้อง พุงป่อง กินข้าวแล้วอิ่มเร็วขึ้น สันนิษฐานว่าคงเพราะก้อนเนื้อมันโต และอยู่ค่อนไปทางด้านบนจนไปเบียดกระเพาะอาหาร (หมอบอกว่าคนอื่นส่วนใหญ่จะมีอาการปวดฉี่บ่อย หรือท้องผูก เพราะก้อนเนื้อไปเบียดลำไส้ กับกระเพาะปัสสาวะ) โดยอาการที่เป็นทั้งหมด ไม่ชวนให้เราสงสัยเลยว่ามันผิดปกติ คิดว่าเพราะอ้วน และเพราะแก่ 555 อมยิ้ม16

ตรวจภายในเสร็จ คุณหมอก็ส่งไปตรวจอัลตร้าซาวน์อีกรอบทางช่องคลอด คราวนี้เอาหัวตรวจเข้าไปข้างใน ก็จะมีความเจ็บปวดเล็กๆ แต่คุณหมอที่ตรวจ(หมอผู้หญิง) ใจดี คอยปลอบ หมอบอกว่าก้อนเนื้อของเราใหญ่มากจนแม้จะตรวจจากทางช่องคลอดก็ยังเห็นไม่ชัด ขอตรวจจากหน้าท้องประกอบด้วย ก็มาส่องท้องกันอีกรอบ คราวนี้หมอชี้ให้ดูว่าตรงนี้ๆ คือก้อนนะ ใหญ่มากนะ ไม่ต้องห่วงนะ ผ่าแน่นอน เหอๆๆ ร้องไห้

พอเอาฟิล์มอัลตร้าซาวน์กลับไปหาหมอเจ้าของไข้ (เป็นการตรวจแบบเร่งด่วน รอรับผลได้เลย) หมอก็ดูๆๆ ใหญ่มากนะ เอาล่ะ หมอจะขอตรวจเลือดนะ ตรวจหาค่ามะเร็ง...โอเค ไม่ตกใจ คิดว่าต้องโดนแน่ๆ อยู่แล้ว จากที่หาข้อมูลมา นี่เป็นหลักการปกติ ไม่ได้หมายถึงว่าเรามีความเสี่ยง ก็ปลอบใจตัวเองกันไป หาหมอเสร็จก็ไปเจาะเลือด หมอนัดมาฟังผลเลือดอีกทีอาทิตย์หน้า

วันรุ่งขึ้นก็ขับรถไปเมืองกาญ แต่ก็จัดการบอกทีมไว้ละว่าเดี๋ยวอาทิตย์หน้าต้องขอแว่บกลับมาหาหมอวันนึงนะ โอเค ก็จัดงานไป เดินทั้งวัน ตากแดดทั้งวัน เช้าถึงมืด ถามหมอแล้ว หมอบอกทำได้ แต่ระวังอย่ายกของหนัก อย่าโลดโผน (รวมๆ ก็คือ ทำตัวเหมือนคนท้องนั่นแหละ) ก็ดี ความที่งานยุ่งมากกกกกก ทำให้ไม่มีเวลาฟุ้งซ่าน

ผ่านไป 1 อาทิตย์ วันพุธก็เคลียร์งานช่วงเช้าให้เสร็จ แล้วก็ขับรถกลับมา กทม. ทันหาหมอพอดี ฟังผลเลือด ข่าวดี ค่ามะเร็งไม่ขึ้น แต่หมอเหมือนยังสงสัยอะไรอยู่ ก็สั่งตรวจค่ามะเร็งเพิ่มอีก 1-2 ตัว พร้อมกับให้นัดวันผ่าตัดเลย หมอถามว่าพร้อมผ่ามั้ย คงต้องผ่าตัดนะ เพราะก้อนใหญ่มาก ก็บอกหมอไปว่าพร้อมค่ะ ได้ค่ะ แล้วแต่หมอเลยค่ะ ในใจตอนนั้น คิดอย่างเดียวว่าอยากให้มันออกไปจากตัวให้เร็วที่สุด ยังไงก็ได้ พร้อมเสมอ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด หมอก็อธิบายแผนผ่าตัดให้ฟัง ว่าหมอจะผ่าแนวตั้ง ตั้งแต่สะดือลงมานะ เพื่อให้เห็นได้กว้างและชัดที่สุด เพราะภาพจากอัลตร้าซาวน์มันไม่ชัด หมอต้องตัดสินใจหน้างาน กรณีที่แย่ที่สุด คือ ตัดทิ้งทั้งยวง คือ เนื้องอก มดลูก รังไข่ เอาออกไปให้หมด หมอก็ถามว่า แต่งงานหรือยัง มีแฟนมั้ย มีแผนจะมีลูกหรือเปล่า ก็บอกไป โสดค่ะ ยังไม่แต่งงาน ยังไม่มีลูก อนาคตไม่รู้ หมอจะตัดอะไรก็แล้วแต่หมอค่ะ หนูเชื่อหมอ หมอตัดสินใจเลยค่ะ ยังไงก็ได้

พอออกจากห้องตรวจ ก็ต้องไปทำนัดผ่าตัดกับพยาบาล ขั้นตอนนี้มีเรื่องต้องตัดสินใจนิดหน่อย เนื่องจากเราหาหมอที่คลินิคพิเศษนอกเวลา เพราะฉะนั้นการนัดผ่าตัด จึงเป็นการผ่าตัดโดยคลินิคพิเศษ ซึ่งนั่นหมายความว่าจะมีค่าใช้จ่ายบางอย่างที่เบิกสวัสดิการไม่ได้ (คิดดูแล้วก็เกินครึ่งแสน) ถ้าไปผ่าแบบธรรมดาส่วนที่เบิกไม่ได้ก็จะลดลงเหลือแค่ประมาณหมื่นนิดๆ แต่ความแตกต่างคือ ถ้าคลินิคพิเศษคุณหมอเจ้าหน้าไข้ ซึ่งเป็นอาจารย์หมอจะเป็นคนลงมีดเอง แต่ถ้าผ่าแบบธรรมดาจะเป็นหมอที่มาเรียนเฉพาะทางเป็นคนผ่า โดยมีอาจารย์หมอคอยกำกับ แล้วก็อาจจะต้องรอคิวนานกว่านี้ แถมไม่สามารถจองห้องพักฟื้นได้ รวมถึงต้องกลับไปเริ่มกระบวนการหาหมอใหม่ (เอาประวัติไปเข้าคิวในวันธรรมดา เจอหมอประจำบ้านคัดกรอง แล้วถึงเจออาจารย์หมอ) สรุปสะระตะแล้ว ตัดสินใจผ่าตัดคลินิคพิเศษ ซึ่งได้คิวเร็วสุดวันที่ 8 ธ.ค. 60 ซึ่งถือว่าเร็วมากกกก โชคดีมากกกกก ที่มีคิวว่างพอดี (วันที่ไปทำนัดคือวันที่ 22 พ.ย. 60)

พยาบาลก็แนะนำการเตรียมตัวก่อนผ่า รวมๆ ก็คือ ให้กินแต่อาหารอ่อนไม่มีกาก (โจ๊ก ข้าวต้ม น้ำเต้าหู้ ฯลฯ) 3 วันก่อนผ่า และวันผ่า ให้เข้าเช็คอิน รพ. ก่อน 8 โมงเช้า โดยก่อนหน้านั้นให้กินได้แต่อาหารเหลวใส ไม่มีสี เช่น น้ำแอปเปิ้ล ซุปใส (พยาบาลบอกว่าน้ำแอปเปิ้ลให้พลังงานสูง) และหลัง 8 โมง ให้งดน้ำงดอาหารทั้งหมด

(มีต่อ)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่