คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 12
ทันที่ที่มีเงินเดือนก้อนแรกเข้ามาครับ
คือเก็บน้อยเก็บมากก็เก็บไป แต่ถือว่าเก็บทุกเดือน
แต่เอาจริงๆ ผมแยกเงินไว้หลายส่วน
ส่วนแรก ผมไว้ใช้จ่ายทั่วไป
ส่วนที่สอง เก็บไว้เผื่อช๊อป เผื่ออยากได้อะไรเอาเงินส่วนนี้ซื้อ
ส่วนที่สาม เงินที่เก็บไว้ลงทุนต่อ
ส่วนที่สี่ เงินเก็บฉุกเฉิน เอาไว้เป็นสภาพคล่องหากเกิดอะไรขึ้นมา ต้องรีบใช้เงิน
ส่วนสุดท้าย เงินที่เอาไว้ทำบุญครับ
แต่เอาจริงๆก็ไม่ได้เล็งไว้เป๊ะขนาดนั้น แต่แยกแล้วก็จะประมาณนี้
อย่างถ้าดูแต่เงินเดือนละก็ เงินเดือนผม 30k
ใช้จ่ายทั่วไป ผมกันไว้ 5k ก็เกินพอ ข้าวก็กินบ้านเสียส่วนใหญ่
ส่วนไว้ช๊อป หรือซื้อของก็เยอะหน่อย ราวๆ 10k (นี่คือเผื่อไว้เยอะมาก ถ้าใช้ไม่หมดก็ลงไปที่เงินเก็บ ถ้าช่วงไหนจีบสาวก็เอาเงินไปลงกับค่าใช้จ่ายทั่วไปมากขึ้น)
ส่วนที่เก็บไว้ลงทุนกับฉุกเฉินนั้นไว้รวมๆกัน (เพราะมีรายได้จากทางอื่นเลยไม่จำเป็นต้องแยก ถ้าแยก แรกๆก็ปล่อยไว้เป็นเงินฉุกเฉินหมดเลย เก็บไว้หลักแสน+ แล้วค่อยนำส่วนเกินกว่านั้นเป็นเงินไปลงทุน) อาจจะไม่ดีที่สุด แต่เพราะไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงินอะไร ไม่งั้นควรจะทำดีกว่านี้ ซึ่งถ้าคิดก็น่าจะราวๆ 10k แต่ส่วนนี้จะมีรายได้จากปันผล และอื่นๆอีกก็จะนำมาไว้ส่วนนี้แหละ แต่อันนี้พูดแค่เรื่องเงินเดือนนะ
และแบ่งไว้ทำบุญราวๆ 5k
ราวๆนี้มั้งครับ
คือเก็บน้อยเก็บมากก็เก็บไป แต่ถือว่าเก็บทุกเดือน
แต่เอาจริงๆ ผมแยกเงินไว้หลายส่วน
ส่วนแรก ผมไว้ใช้จ่ายทั่วไป
ส่วนที่สอง เก็บไว้เผื่อช๊อป เผื่ออยากได้อะไรเอาเงินส่วนนี้ซื้อ
ส่วนที่สาม เงินที่เก็บไว้ลงทุนต่อ
ส่วนที่สี่ เงินเก็บฉุกเฉิน เอาไว้เป็นสภาพคล่องหากเกิดอะไรขึ้นมา ต้องรีบใช้เงิน
ส่วนสุดท้าย เงินที่เอาไว้ทำบุญครับ
แต่เอาจริงๆก็ไม่ได้เล็งไว้เป๊ะขนาดนั้น แต่แยกแล้วก็จะประมาณนี้
อย่างถ้าดูแต่เงินเดือนละก็ เงินเดือนผม 30k
ใช้จ่ายทั่วไป ผมกันไว้ 5k ก็เกินพอ ข้าวก็กินบ้านเสียส่วนใหญ่
ส่วนไว้ช๊อป หรือซื้อของก็เยอะหน่อย ราวๆ 10k (นี่คือเผื่อไว้เยอะมาก ถ้าใช้ไม่หมดก็ลงไปที่เงินเก็บ ถ้าช่วงไหนจีบสาวก็เอาเงินไปลงกับค่าใช้จ่ายทั่วไปมากขึ้น)
ส่วนที่เก็บไว้ลงทุนกับฉุกเฉินนั้นไว้รวมๆกัน (เพราะมีรายได้จากทางอื่นเลยไม่จำเป็นต้องแยก ถ้าแยก แรกๆก็ปล่อยไว้เป็นเงินฉุกเฉินหมดเลย เก็บไว้หลักแสน+ แล้วค่อยนำส่วนเกินกว่านั้นเป็นเงินไปลงทุน) อาจจะไม่ดีที่สุด แต่เพราะไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงินอะไร ไม่งั้นควรจะทำดีกว่านี้ ซึ่งถ้าคิดก็น่าจะราวๆ 10k แต่ส่วนนี้จะมีรายได้จากปันผล และอื่นๆอีกก็จะนำมาไว้ส่วนนี้แหละ แต่อันนี้พูดแค่เรื่องเงินเดือนนะ
และแบ่งไว้ทำบุญราวๆ 5k
ราวๆนี้มั้งครับ
แสดงความคิดเห็น
อยากทราบมุมมองของวัยทำงาน ว่า คุณจะเริ่มเก็บเงินเพื่อสร้างเนื้อสร้างตัว เพื่ออนาคตกันเมื่อไร? หรือช่วงเวลาไหน?
ในส่วน5ปีแรกที่ทำงาน ต้องช่วยแบ่งเบาภาระทางบ้าน เพราะมีแม่ คนเดียวเลี้ยงลูก สามคน แม่ ทำงานเป็นครู ( พี่น้อง3 คน รวมตัวเองด้วย)
เนื่องจากมีหนี้สินเยอะมาก แทบไม่ได้เก็บเงินเลย (ไม่ได้กู้ กยศ)
หลังจาก5ปี หนี้สิน เริ่มลดลงบ้างแต่ก็ยังมีอยู่บ้าง และแม่บอกว่า ให้เริ่มเก็บเงินไว้บ้างนะลูก ก็พยายามเริ่มเก็บและยังส่งให้ทางบ้านด้วยตามสมควร
สำหรับพี่ชายเป้นข้าราชการ แต่เก็บเงินไม่ค่อยเก่ง แต่ส่งเงินให้แม่บ้างตามสมควร น้องชายก็เช่นกัน ส่งเงินให้แม่บ้างตามสมควรเพราะมีครอบครัวแล้ว
ตอนนี้ก็พยายามเก็บเงิน ไม่กินฟุ่มเฟือย ไม่เที่ยวกลางคืน ไม่กินเหล้า แต่กินเบียร์บ้าง กับเพื่อนๆ แต่ไม่บ่อย และไม่สูบบุหรี่
ซึ่งก็สามารถเก็บเงินได้ ก้อนหนึ่ง ไม่มากไม่น้อย อีกอย่างทางบริษัทที่ทำงานเขาก็มี เงินกองทุนสะสม ด้วยและโบนัสประจำปี รวม 3 เดือน
ก็ส่งทางบ้านและเงินเก็บ ครับ ตอนนี้มีแฟน แฟนเด็ก ก็แอบส่งน้องเรียนด้วย
ตอนนี้พยายามสร้างหลักปักฐาน ซึ่งคุณแม่เห็นด้วย จริงๆแล้ว แม่ผมจะไม่รบกวนเงินลูกๆเลยนะ นอกจากท่าจำเป็นจริงๆ แต่ ในฐานะลูก เราต้องทำเพื่อท่าน อยู่แล้ว
สรุปแล้วตัวผมเองเริ่มเก็บเงินจริงจัง ในช่วงอายุ 30 ปีครับ ตอนนี้ผ่อนบ้านอยู่ครับ ส่วนรถยนต์ ผ่อน หมดแล้ว
ส่วนตัวนั้นไม่ถนัดกับงานค้าขายหรืองานอิสระต่างๆ ครับเลยเป็นลุกจ้างเขาดีกว่า
ไม่ทราบว่าแต่ละท่านเริ่มเก็บเงินสร้างเนื้อสร้างตัวกันตอนไหนเอ่ย?
สร้างเนื้อสร้างตัวกันนะครับเพื่ออนาคตของเรา และคนที่เรารัก สู้ๆๆ ครับมนุษย์เงินเดือนอย่างพวกเรา
สมัยนี้รู้ๆกันละครับว่า ค่าใช้จ่ายเยอะมาก ตั้งแต่ก้าวเท้าออกจากบ้าน ของฟรีนี่ไม่ต้องพูดถึงเลย หายากกกกกกกกกกก