ประวัติคิง เพาเวอร์นะครับ (ค่อนข้างยาว ถ้าขี้เกียจอ่าน อย่างน้อยอยากให้อ่านย่อหน้าสุดท้ายครับ)
นายวิชัยกล่าวถึงธุรกิจร้านค้าปลอดภาษี (Duty Free) ว่า เริ่มจากสมัยเรียนที่ไต้หวัน สมัยนั้นไม่มีเที่ยวบินตรง ต้องแวะเปลี่ยนเครื่องที่ฮ่องกง ขาบินกลับไทยตอนปิดเทอมต้องมีคนฝากซื้อของจากร้านปลอดภาษีที่ฮ่องกงทุกครั้ง จึงมีความคิดว่าทำไมประเทศไทยไม่มีร้านปลอดภาษีแบบฮ่องกงบ้าง แต่พอทำธุรกิจจริงพบว่าต้องขอสัมปทานจากรัฐบาล และยุคนั้นให้เฉพาะรัฐวิสาหกิจเท่านั้น ซึ่งการบินไทยได้ไปจึงไม่ได้คิดต่อ
ระหว่างนั้น นายวิชัยทำธุรกิจตัวแทนจำหน่ายสินค้าแบรนด์เนม เนื่องจากประเทศไทยตั้งกำแพงภาษีสูงมาก จึงใช้วิธีติดต่อกับซัปพลายเออร์ให้จำหน่ายในราคาต่ำ จึงมีสายสัมพันธ์กับเพื่อนที่ฮ่องกง กัมพูชา มาเก๊า จีน วันหนึ่งเพื่อนที่ทำดิวตี้ฟรีที่ฮ่องกงชวนให้ซื้อหุ้น 10% กระทั่งภายใน 2 ปีกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ส่วนพื้นที่ท่าอากาศยานดอนเมือง พบว่าการบินไทยไม่ได้ทำจริงจัง แต่ให้สัมปทานกับรายอื่น ส่วนใหญ่เป็นร้านขายของที่ระลึก จึงเสนอการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย (ทอท.) ทำแบบอินเตอร์ แยกดิวตี้ฟรีกับของที่ระลึก
ขณะนั้น ทอท.เห็นด้วย แต่ยังกลัวอยู่ จึงถือสัมปทานไว้เอง แต่ว่าจ้างตนกับพาร์ตเนอร์คนไทยอีกคนไปบริหาร และใช้วิธีแบ่งตรง สักพักตัดสินใจแยกทางกัน ต่อมารัฐบาลมีโครงการเปิดประมูลสัมปทานร้านค้าปลอดอากรนอกพื้นที่สนามบิน แต่ให้เฉพาะรัฐวิสาหกิจเท่านั้น จึงชวนการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ทอท.) ร่วมทุน โดยตนลงทุนทั้งหมด เลือกอาคารมหาทุนพลาซ่า ถนนเพลินจิต โดยแบ่งหุ้นให้ ททท. 10% และถือสัมปทาน 5 ปี ในชื่อ ททท.สินค้าปลอดอากร เป็นจุดเริ่มต้นที่เมืองไทยมีร้านค้าปลอดอากรในเมืองแห่งแรกในประเทศ
“ช่วงนั้นพอดีกับผมมีปัญหากับหุ้นส่วนที่ฮ่องกง เขาเป็นกลุ่มมีอิทธิพลอยู่ทางนั้น ผมต้องเดินทางไปพบเพื่อเจรจา ก่อนจะพบเขา ผมทำใจแล้วว่าต้องเจออะไรบ้าง วินาทีนั้นผมนึกถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ ๙) ภาวนาขอพระบารมีของพระองค์ท่านได้โปรดคุ้มครอง ขอให้สู้กับมาเฟียชนะ ตอนนั้นผมคนเดียว ฝ่ายเขามีทั้งห้อง ทุบโต๊ะถามผมว่าจะขายหุ้นทั้งหมดไหม ผมบอกขายไม่ได้ ก็เจอคำถามว่าอยากจะออกจากห้องนี้ไหม ผมบอกอยากออก แถมขู่เขาไปด้วยว่า คิดให้ดีนะ ที่เมืองไทยผมทำงานโดยใช้ชื่อว่า ททท.สินค้าปลอดอากร ซึ่งหมายถึงการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย รู้ไหมว่ารัฐบาลถือหุ้นอยู่ ก่อนที่ผมจะมาหาคุณ ผมบอกสถานทูตแล้ว ถ้าภายใน 1 ชั่วโมง ผมไม่โทร.กลับไป เขาจะส่งตำรวจมา ที่สุดหุ้นส่วนฮ่องกงต้องยอมผม พอออกมาผมก็คิดชื่อ คิงเพาเวอร์ จากนั้นทำเรื่องขอเปลี่ยนชื่อบริษัท เพื่อเป็นสิริมงคลในการดำเนินธุรกิจต่อไป” นายวิชัยกล่าว
นายวิชัยยังกล่าวต่อว่า เมื่อสัมปทานไม่ได้อยู่ในมือ ความแน่นอนเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา เมื่อรัฐมนตรีที่กำกับดูแลให้ ททท.ทำเอง เพราะเห็นว่าคิงเพาเวอร์จะรวยเกินไป ทำให้ ททท.ไม่ต่อสัญญาและเปิดร้านค้าปลอดภาษีเองที่ศูนย์การค้าเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ ชั้น 7 “ผมบอกไม่เป็นไร แต่ต้องรับปากว่าจะช่วยเอาลูกน้อง 300-400 คนไปด้วย เพราะเขามีประสบการณ์ และเขาไม่ผิด ตอนแรก ททท.ตกลง แต่กลับผิดสัญญา จึงต้องต่อสู้เพื่อให้เห็นว่าธุรกิจนี้ต้องอาศัยความเป็นมืออาชีพ มีสายสัมพันธ์ และความสามารถในการพลิกวิกฤตเป็นโอกาส”
โดยร้านที่มหาทุนพลาซ่ายังคงดำเนินการต่อไป แม้ไม่มีใบอนุญาตประกอบธุรกิจร้านค้าปลอดภาษี แต่สามารถขายของในราคาปลอดภาษีได้ เมื่อของที่ขายยังต้องเสียภาษี แต่เอามาขายในราคาปลอดภาษี ทำให้มีกำไรน้อยลงถึงขาดทุน เมื่อธนาคารจะมายึดและขู่ว่าจะฟ้อง ก็ไปเจรจาว่าผมเป็นคนไม่หนี แต่สู้ด้วยความจริง อธิบายว่าไม่ใช่ความผิดของผม แต่เป็นเรื่องที่ผมโดนแกล้ง ต้องเข้าใจกัน ทำให้ธนาคารยอมนิ่ง ตนจึงลุยต่อได้ พิสูจน์ให้เห็นว่าธุรกิจนี้ต้องเป็นมืออาชีพทำ ไม่ใช่แค่มีใบอนุญาตแล้วจะทำได้
ผ่านไป 1 ปี ร้าน ททท.สินค้าปลอดภาษีเจ๊ง ต้องมาขอร้องให้ซื้อกิจการ เป็นจังหวะเดียวกับรัฐบาลเปลี่ยน จึงกล่าวว่า ต้องมีเงื่อนไข ขอให้มีความซินเซีย (ความจริงใจ) ไม่ใช่เปลี่ยนรัฐบาลทีก็โดนที เมื่อตกลงกันได้จึงได้ยอมรับพนักงานของ ททท.95% มาแบบไม่มีเงื่อนไข บอกว่า “ถ้าใครจะมาอยู่กับผม ผมไม่มีความอาฆาตพยาบาท ที่ผ่านมาให้มองว่าเป็นการแข่งขัน แต่ตอนนี้เรามารวมกัน ก็ต้องสู้ไปด้วยกัน ผมไม่มีความคิดจะยุบสาขาไหน ทั้งสองสาขาคือเวิลด์เทรดชั้น 7 และมหาทุนพลาซ่า ผมเชื่อว่าสามารถจัดการเอาลูกค้ามาลงได้ ถ้าเชื่อก็มากับผม”
ต่อมา ทอท.เปิดประมูลสัมปทานร้านค้าปลอดภาษี ที่ท่าอากาศยานดอนเมืองรอบใหม่ จึงเสนอว่าทำไมไม่แยกเป็นสองราย เพราะมีอาคาร 1 อาคาร 2 เมื่อเปิดซองมาได้อาคาร 1 แต่ทำไปสักระยะพบว่า การให้สัมปทานสองราย ทำให้เกิดปัญหา เพราะเวลาลูกค้าร้องเรียนเรื่องสินค้า ไม่รู้ว่าซื้อกับเจ้าไหน ตนบอกให้ดูจากกล้องซีซีทีวีที่มี สุดท้ายฟ้องด้วยภาพว่าเป็นร้านค้าปลอดภาษีของอีกฝ่าย ทอท.จึงไม่ต่อสัญญากับอีกฝ่าย ทำให้ตนได้สัมปทานมาทำแต่เพียงผู้เดียว
เมื่อถามว่า การผูกขาดสัมปทานแต่เพียงผู้เดียวยาวนาน ทำให้คนมองว่าคิง เพาเวอร์ มีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับทุกรัฐบาล นายวิชัยกล่าวว่า “มีหลายคนถามว่าทำไมผู้ใหญ่ชอบผม ซึ่งมาจากเขามองแล้วเหมือนผมมีโอกาสมากกว่าคนอื่น ผมก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน เขาอาจเอ็นดูผม เพราะพูดตรงไปตรงมา ไม่มีบัญชีหนึ่ง บัญชีสอง ขณะเดียวกันก็มีหลายคนอีกที่บอกว่าผมล็อบบี้เก่ง ไปคุยกับรัฐบาลไหนก็ได้ ผมอยากบอกว่าถ้าเราเป็นพ่อค้าแล้วไม่รู้จักผู้ใหญ่ ไม่รู้จักรัฐบาลเลย คนนั้นโกหกคุณ ไม่มีนักธุรกิจคนไหนนั่งอยู่เฉยๆ รอให้เขาเอาสัมปทานมาให้ แม้แต่เมื่อได้มาแล้วก็ต้องไปบอกเขาว่าเราจะทำอย่างไรต่อไปที่จะคืนผลประโยชน์กลับให้ประเทศสูงสุด ซึ่งถ้าเราทำให้เขาเชื่อได้ โอกาสจึงจะมี
อย่างตอนย้ายสนามบินไปสุวรรณภูมิ ผมก็ไปประมูลสู้ แม้คู่แข่งเยอะ แต่ผมได้เปรียบ เพราะเราทำมาก่อน ระบบและคนของเรามี ความเชื่อถือจากพวกบริษัททัวร์ก็มี จำได้ ผมพูดกับรัฐบาลยุคนั้นไปตรงๆ เลยว่าเราเป็นคนไทย ทำไมต้องให้บริษัทต่างประเทศทำ ถามว่าคนต่างประเทศเขามีดีกว่าเราตรงไหน ถ้าดีกว่าโดยเขาให้ผลประโยชน์มากกว่า ก็ต้องถามกลับว่าผมยังไม่ให้หรือ และถ้าผมให้มากกว่าเขาล่ะ ก็ควรจะให้สิทธิ์นี้กับผมใช่ไหม ที่สุดกรรมการพอใจกับข้อเสนอที่สูงที่สุด ดีที่สุดที่ผมให้ จึงให้สัมปทานมา ภายใต้กรอบเงื่อนไขคือผมต้องลงทุนตกแต่งพื้นที่ทั้งหมดในสุวรรณภูมิในกำหนดระยะเวลาที่สั้นมาก และต้องสวยที่สุด อีกทั้งยังต้องหาสินค้าแบรนด์ดีที่สุดมาจำหน่าย ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่จะต้องใช้ความเป็นมืออาชีพเท่านั้น ซึ่งผมและทีมงานก็พิสูจน์ให้เห็นว่าเราทำได้”
จริงๆท่านมีหลายกิจการเห็นว่า Duty free ก็มีที่ประเทศอื่นด้วย คนที่ว่าผูกขาดก็ลองอ่านที่มาที่ไปดูครับ เค้าได้สิทธิ์มาจากการประมูลที่ทาง ทอท. เปิดให้มีการประมูลแล้วเค้าเสนอผลตอบแทบสูงที่สุด ถ้าไม่ใช่คุณวิชัยก็อาจเป็นของต่างชาติประมูลได้ไป ทีนี้เค้าได้เงินก็คงจะขนกลับประเทศเค้าอย่างเดียว แต่สำหรับคุณวิชัยถ้าได้ติดตามข่าวท่านร่ำรวยแต่ก็ไม่ลืมที่จะตอบแทนกลับให้สังคมไทย
- อย่างโครงการก้าวคนละก้าวของพี่ตูน คิง เพาเวอร์ ก็ร่วมบริจาก 100ล้านบาท เพื่อไปซื้อเครื่องมือเครื่องใช้แพทย์ก็เป็นประโยชน์ต่อประชาชนคนไทย
- ด้านกีฬาคิง เพาเวอร์ สร้างสนามฟุตบอลจะนวน 100สนาม ให้เด็กไทยได้เล่นฟุตบอล
- มอบลูกฟุตบอลจำนวน 1ล้านลูกให้เด็กไทยทั่วประเทศได้ใช้ (ลองนึกถึงตัวเองสมัยเด็กอุปกรณ์กีฬาของทางโรงเรียน หลังจากใช้เรียนเสร็จอาจารย์จะนำไปเก็บใส่ไว้ในกรงเสมอ เพราะกลัวว่าจะเสียหาย แล้วแบบนี้เด็กที่ขาดแคลนทุนทรัพย์จะพัฒนากีฬาได้ยังไง แล้วลูกฟุตบอลก็ไม่ใช่ฟุตบอลไม่ได้มาตรฐาน ที่ทางคิง เพาเวอร์มอบให้ลูกนึงเป็นพันบาท ลองคูณ 1ล้านลูกดูครับ)
- เปิดโครงการ Fox Hunt ให้ทุนเด็กไปไปฝึกฟุตบอลที่เลสเตอร์ฟรีๆทั้งฝึกทั้งกินอยู่ ท่านให้โอกาสและอนาคตกับเด็กไทย ถ้าไม่ใช่เลสเตอร์จะมีทีมไหนให้เด็กไทยไปฝึกฟรี อย่าว่าแต่พรีเมียร์ลีกเลย ทีมในลีกรองๆ หรือลีกอื่นของยุโรปก็คงยาก
- นอกจากนี้คิง เพาเวอร์ยังสนับสนุนการก่อสร้างห้องน้ำให้กับ 10 ชุมชนท่องเที่ยว รวมมูลค่า 10 ล้านบาท ภายใต้ชื่อ “พลังคนไทย ห้องน้ำสุขใจ”คิง เพาเวอร์ ได้สนับสนุนค่าใช้จ่ายการออกแบบและก่อสร้างห้องน้ำในปีแรกนี้ให้กับ 10 ชุมชนท่องเที่ยว รวมมูลค่า 10 ล้านบาท รวม 70 ห้อง จึงขอให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่มีศักยภาพในการดูแลและรักษาความสะอาดได้อย่างต่อเนื่อง โดยไม่เรียกเก็บค่าใช้จ่ายกับผู้ใช้บริการ โดยแห่งแรกจัดสร้างขึ้นคือที่สวนพฤกษศาสตร์ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ จ.เชียงใหม่
- บริษัท คิง เพาเวอร์ มอบเงินจำนวน 27,000,000 บาท แก่ อาทิวราห์ คงมาลัย เพื่อสนับสนุนการฉายภาพยนตร์ในโครงการ ก้าวคนละก้าว ให้คนไทยได้ชมฟรีจำนวน 750,000 ที่นั่งทั่วประเทศ ระว่างวันที่ 6 – 16 กันยายน 2561
- ที่เลสเตอร์ก็เป็นที่รักของชาวเมือง แฟนเลสเตอร์ยกให้คุณวิชัย เป็นเจ้าของที่ดีที่สุดในลีกอังกฤษ นอกจากทำทีมเลสเตอร์ให้เป็นที่รู้จักแล้วท่านยัง บริจาคเงิน 2ล้านปอนด์ ให้โรงพยาบาล เลสเตอร์ส รอยัล อินเฟอร์มารี บริจาค 1 ล้านปอนด์ให้มหาวิทยาลัยเลสเตอร์
คนรวยเมืองไทยมีเยอะแยะมากมาย หลายคนรวยก็ไม่เคยคิดถึงสังคม แต่สำหรับคุณวิชัย ท่านให้อะไรกับสังคมไทยไว้มากมาย
ประวัติ King Power ,คุณวิชัย ศรีวัฒนประภา คนรวยที่ไม่เคยลืมสังคม
นายวิชัยกล่าวถึงธุรกิจร้านค้าปลอดภาษี (Duty Free) ว่า เริ่มจากสมัยเรียนที่ไต้หวัน สมัยนั้นไม่มีเที่ยวบินตรง ต้องแวะเปลี่ยนเครื่องที่ฮ่องกง ขาบินกลับไทยตอนปิดเทอมต้องมีคนฝากซื้อของจากร้านปลอดภาษีที่ฮ่องกงทุกครั้ง จึงมีความคิดว่าทำไมประเทศไทยไม่มีร้านปลอดภาษีแบบฮ่องกงบ้าง แต่พอทำธุรกิจจริงพบว่าต้องขอสัมปทานจากรัฐบาล และยุคนั้นให้เฉพาะรัฐวิสาหกิจเท่านั้น ซึ่งการบินไทยได้ไปจึงไม่ได้คิดต่อ
ระหว่างนั้น นายวิชัยทำธุรกิจตัวแทนจำหน่ายสินค้าแบรนด์เนม เนื่องจากประเทศไทยตั้งกำแพงภาษีสูงมาก จึงใช้วิธีติดต่อกับซัปพลายเออร์ให้จำหน่ายในราคาต่ำ จึงมีสายสัมพันธ์กับเพื่อนที่ฮ่องกง กัมพูชา มาเก๊า จีน วันหนึ่งเพื่อนที่ทำดิวตี้ฟรีที่ฮ่องกงชวนให้ซื้อหุ้น 10% กระทั่งภายใน 2 ปีกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ส่วนพื้นที่ท่าอากาศยานดอนเมือง พบว่าการบินไทยไม่ได้ทำจริงจัง แต่ให้สัมปทานกับรายอื่น ส่วนใหญ่เป็นร้านขายของที่ระลึก จึงเสนอการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย (ทอท.) ทำแบบอินเตอร์ แยกดิวตี้ฟรีกับของที่ระลึก
ขณะนั้น ทอท.เห็นด้วย แต่ยังกลัวอยู่ จึงถือสัมปทานไว้เอง แต่ว่าจ้างตนกับพาร์ตเนอร์คนไทยอีกคนไปบริหาร และใช้วิธีแบ่งตรง สักพักตัดสินใจแยกทางกัน ต่อมารัฐบาลมีโครงการเปิดประมูลสัมปทานร้านค้าปลอดอากรนอกพื้นที่สนามบิน แต่ให้เฉพาะรัฐวิสาหกิจเท่านั้น จึงชวนการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ทอท.) ร่วมทุน โดยตนลงทุนทั้งหมด เลือกอาคารมหาทุนพลาซ่า ถนนเพลินจิต โดยแบ่งหุ้นให้ ททท. 10% และถือสัมปทาน 5 ปี ในชื่อ ททท.สินค้าปลอดอากร เป็นจุดเริ่มต้นที่เมืองไทยมีร้านค้าปลอดอากรในเมืองแห่งแรกในประเทศ
“ช่วงนั้นพอดีกับผมมีปัญหากับหุ้นส่วนที่ฮ่องกง เขาเป็นกลุ่มมีอิทธิพลอยู่ทางนั้น ผมต้องเดินทางไปพบเพื่อเจรจา ก่อนจะพบเขา ผมทำใจแล้วว่าต้องเจออะไรบ้าง วินาทีนั้นผมนึกถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ ๙) ภาวนาขอพระบารมีของพระองค์ท่านได้โปรดคุ้มครอง ขอให้สู้กับมาเฟียชนะ ตอนนั้นผมคนเดียว ฝ่ายเขามีทั้งห้อง ทุบโต๊ะถามผมว่าจะขายหุ้นทั้งหมดไหม ผมบอกขายไม่ได้ ก็เจอคำถามว่าอยากจะออกจากห้องนี้ไหม ผมบอกอยากออก แถมขู่เขาไปด้วยว่า คิดให้ดีนะ ที่เมืองไทยผมทำงานโดยใช้ชื่อว่า ททท.สินค้าปลอดอากร ซึ่งหมายถึงการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย รู้ไหมว่ารัฐบาลถือหุ้นอยู่ ก่อนที่ผมจะมาหาคุณ ผมบอกสถานทูตแล้ว ถ้าภายใน 1 ชั่วโมง ผมไม่โทร.กลับไป เขาจะส่งตำรวจมา ที่สุดหุ้นส่วนฮ่องกงต้องยอมผม พอออกมาผมก็คิดชื่อ คิงเพาเวอร์ จากนั้นทำเรื่องขอเปลี่ยนชื่อบริษัท เพื่อเป็นสิริมงคลในการดำเนินธุรกิจต่อไป” นายวิชัยกล่าว
นายวิชัยยังกล่าวต่อว่า เมื่อสัมปทานไม่ได้อยู่ในมือ ความแน่นอนเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา เมื่อรัฐมนตรีที่กำกับดูแลให้ ททท.ทำเอง เพราะเห็นว่าคิงเพาเวอร์จะรวยเกินไป ทำให้ ททท.ไม่ต่อสัญญาและเปิดร้านค้าปลอดภาษีเองที่ศูนย์การค้าเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ ชั้น 7 “ผมบอกไม่เป็นไร แต่ต้องรับปากว่าจะช่วยเอาลูกน้อง 300-400 คนไปด้วย เพราะเขามีประสบการณ์ และเขาไม่ผิด ตอนแรก ททท.ตกลง แต่กลับผิดสัญญา จึงต้องต่อสู้เพื่อให้เห็นว่าธุรกิจนี้ต้องอาศัยความเป็นมืออาชีพ มีสายสัมพันธ์ และความสามารถในการพลิกวิกฤตเป็นโอกาส”
โดยร้านที่มหาทุนพลาซ่ายังคงดำเนินการต่อไป แม้ไม่มีใบอนุญาตประกอบธุรกิจร้านค้าปลอดภาษี แต่สามารถขายของในราคาปลอดภาษีได้ เมื่อของที่ขายยังต้องเสียภาษี แต่เอามาขายในราคาปลอดภาษี ทำให้มีกำไรน้อยลงถึงขาดทุน เมื่อธนาคารจะมายึดและขู่ว่าจะฟ้อง ก็ไปเจรจาว่าผมเป็นคนไม่หนี แต่สู้ด้วยความจริง อธิบายว่าไม่ใช่ความผิดของผม แต่เป็นเรื่องที่ผมโดนแกล้ง ต้องเข้าใจกัน ทำให้ธนาคารยอมนิ่ง ตนจึงลุยต่อได้ พิสูจน์ให้เห็นว่าธุรกิจนี้ต้องเป็นมืออาชีพทำ ไม่ใช่แค่มีใบอนุญาตแล้วจะทำได้
ผ่านไป 1 ปี ร้าน ททท.สินค้าปลอดภาษีเจ๊ง ต้องมาขอร้องให้ซื้อกิจการ เป็นจังหวะเดียวกับรัฐบาลเปลี่ยน จึงกล่าวว่า ต้องมีเงื่อนไข ขอให้มีความซินเซีย (ความจริงใจ) ไม่ใช่เปลี่ยนรัฐบาลทีก็โดนที เมื่อตกลงกันได้จึงได้ยอมรับพนักงานของ ททท.95% มาแบบไม่มีเงื่อนไข บอกว่า “ถ้าใครจะมาอยู่กับผม ผมไม่มีความอาฆาตพยาบาท ที่ผ่านมาให้มองว่าเป็นการแข่งขัน แต่ตอนนี้เรามารวมกัน ก็ต้องสู้ไปด้วยกัน ผมไม่มีความคิดจะยุบสาขาไหน ทั้งสองสาขาคือเวิลด์เทรดชั้น 7 และมหาทุนพลาซ่า ผมเชื่อว่าสามารถจัดการเอาลูกค้ามาลงได้ ถ้าเชื่อก็มากับผม”
ต่อมา ทอท.เปิดประมูลสัมปทานร้านค้าปลอดภาษี ที่ท่าอากาศยานดอนเมืองรอบใหม่ จึงเสนอว่าทำไมไม่แยกเป็นสองราย เพราะมีอาคาร 1 อาคาร 2 เมื่อเปิดซองมาได้อาคาร 1 แต่ทำไปสักระยะพบว่า การให้สัมปทานสองราย ทำให้เกิดปัญหา เพราะเวลาลูกค้าร้องเรียนเรื่องสินค้า ไม่รู้ว่าซื้อกับเจ้าไหน ตนบอกให้ดูจากกล้องซีซีทีวีที่มี สุดท้ายฟ้องด้วยภาพว่าเป็นร้านค้าปลอดภาษีของอีกฝ่าย ทอท.จึงไม่ต่อสัญญากับอีกฝ่าย ทำให้ตนได้สัมปทานมาทำแต่เพียงผู้เดียว
เมื่อถามว่า การผูกขาดสัมปทานแต่เพียงผู้เดียวยาวนาน ทำให้คนมองว่าคิง เพาเวอร์ มีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับทุกรัฐบาล นายวิชัยกล่าวว่า “มีหลายคนถามว่าทำไมผู้ใหญ่ชอบผม ซึ่งมาจากเขามองแล้วเหมือนผมมีโอกาสมากกว่าคนอื่น ผมก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน เขาอาจเอ็นดูผม เพราะพูดตรงไปตรงมา ไม่มีบัญชีหนึ่ง บัญชีสอง ขณะเดียวกันก็มีหลายคนอีกที่บอกว่าผมล็อบบี้เก่ง ไปคุยกับรัฐบาลไหนก็ได้ ผมอยากบอกว่าถ้าเราเป็นพ่อค้าแล้วไม่รู้จักผู้ใหญ่ ไม่รู้จักรัฐบาลเลย คนนั้นโกหกคุณ ไม่มีนักธุรกิจคนไหนนั่งอยู่เฉยๆ รอให้เขาเอาสัมปทานมาให้ แม้แต่เมื่อได้มาแล้วก็ต้องไปบอกเขาว่าเราจะทำอย่างไรต่อไปที่จะคืนผลประโยชน์กลับให้ประเทศสูงสุด ซึ่งถ้าเราทำให้เขาเชื่อได้ โอกาสจึงจะมี
อย่างตอนย้ายสนามบินไปสุวรรณภูมิ ผมก็ไปประมูลสู้ แม้คู่แข่งเยอะ แต่ผมได้เปรียบ เพราะเราทำมาก่อน ระบบและคนของเรามี ความเชื่อถือจากพวกบริษัททัวร์ก็มี จำได้ ผมพูดกับรัฐบาลยุคนั้นไปตรงๆ เลยว่าเราเป็นคนไทย ทำไมต้องให้บริษัทต่างประเทศทำ ถามว่าคนต่างประเทศเขามีดีกว่าเราตรงไหน ถ้าดีกว่าโดยเขาให้ผลประโยชน์มากกว่า ก็ต้องถามกลับว่าผมยังไม่ให้หรือ และถ้าผมให้มากกว่าเขาล่ะ ก็ควรจะให้สิทธิ์นี้กับผมใช่ไหม ที่สุดกรรมการพอใจกับข้อเสนอที่สูงที่สุด ดีที่สุดที่ผมให้ จึงให้สัมปทานมา ภายใต้กรอบเงื่อนไขคือผมต้องลงทุนตกแต่งพื้นที่ทั้งหมดในสุวรรณภูมิในกำหนดระยะเวลาที่สั้นมาก และต้องสวยที่สุด อีกทั้งยังต้องหาสินค้าแบรนด์ดีที่สุดมาจำหน่าย ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่จะต้องใช้ความเป็นมืออาชีพเท่านั้น ซึ่งผมและทีมงานก็พิสูจน์ให้เห็นว่าเราทำได้”
จริงๆท่านมีหลายกิจการเห็นว่า Duty free ก็มีที่ประเทศอื่นด้วย คนที่ว่าผูกขาดก็ลองอ่านที่มาที่ไปดูครับ เค้าได้สิทธิ์มาจากการประมูลที่ทาง ทอท. เปิดให้มีการประมูลแล้วเค้าเสนอผลตอบแทบสูงที่สุด ถ้าไม่ใช่คุณวิชัยก็อาจเป็นของต่างชาติประมูลได้ไป ทีนี้เค้าได้เงินก็คงจะขนกลับประเทศเค้าอย่างเดียว แต่สำหรับคุณวิชัยถ้าได้ติดตามข่าวท่านร่ำรวยแต่ก็ไม่ลืมที่จะตอบแทนกลับให้สังคมไทย
- อย่างโครงการก้าวคนละก้าวของพี่ตูน คิง เพาเวอร์ ก็ร่วมบริจาก 100ล้านบาท เพื่อไปซื้อเครื่องมือเครื่องใช้แพทย์ก็เป็นประโยชน์ต่อประชาชนคนไทย
- ด้านกีฬาคิง เพาเวอร์ สร้างสนามฟุตบอลจะนวน 100สนาม ให้เด็กไทยได้เล่นฟุตบอล
- มอบลูกฟุตบอลจำนวน 1ล้านลูกให้เด็กไทยทั่วประเทศได้ใช้ (ลองนึกถึงตัวเองสมัยเด็กอุปกรณ์กีฬาของทางโรงเรียน หลังจากใช้เรียนเสร็จอาจารย์จะนำไปเก็บใส่ไว้ในกรงเสมอ เพราะกลัวว่าจะเสียหาย แล้วแบบนี้เด็กที่ขาดแคลนทุนทรัพย์จะพัฒนากีฬาได้ยังไง แล้วลูกฟุตบอลก็ไม่ใช่ฟุตบอลไม่ได้มาตรฐาน ที่ทางคิง เพาเวอร์มอบให้ลูกนึงเป็นพันบาท ลองคูณ 1ล้านลูกดูครับ)
- เปิดโครงการ Fox Hunt ให้ทุนเด็กไปไปฝึกฟุตบอลที่เลสเตอร์ฟรีๆทั้งฝึกทั้งกินอยู่ ท่านให้โอกาสและอนาคตกับเด็กไทย ถ้าไม่ใช่เลสเตอร์จะมีทีมไหนให้เด็กไทยไปฝึกฟรี อย่าว่าแต่พรีเมียร์ลีกเลย ทีมในลีกรองๆ หรือลีกอื่นของยุโรปก็คงยาก
- นอกจากนี้คิง เพาเวอร์ยังสนับสนุนการก่อสร้างห้องน้ำให้กับ 10 ชุมชนท่องเที่ยว รวมมูลค่า 10 ล้านบาท ภายใต้ชื่อ “พลังคนไทย ห้องน้ำสุขใจ”คิง เพาเวอร์ ได้สนับสนุนค่าใช้จ่ายการออกแบบและก่อสร้างห้องน้ำในปีแรกนี้ให้กับ 10 ชุมชนท่องเที่ยว รวมมูลค่า 10 ล้านบาท รวม 70 ห้อง จึงขอให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่มีศักยภาพในการดูแลและรักษาความสะอาดได้อย่างต่อเนื่อง โดยไม่เรียกเก็บค่าใช้จ่ายกับผู้ใช้บริการ โดยแห่งแรกจัดสร้างขึ้นคือที่สวนพฤกษศาสตร์ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ จ.เชียงใหม่
- บริษัท คิง เพาเวอร์ มอบเงินจำนวน 27,000,000 บาท แก่ อาทิวราห์ คงมาลัย เพื่อสนับสนุนการฉายภาพยนตร์ในโครงการ ก้าวคนละก้าว ให้คนไทยได้ชมฟรีจำนวน 750,000 ที่นั่งทั่วประเทศ ระว่างวันที่ 6 – 16 กันยายน 2561
- ที่เลสเตอร์ก็เป็นที่รักของชาวเมือง แฟนเลสเตอร์ยกให้คุณวิชัย เป็นเจ้าของที่ดีที่สุดในลีกอังกฤษ นอกจากทำทีมเลสเตอร์ให้เป็นที่รู้จักแล้วท่านยัง บริจาคเงิน 2ล้านปอนด์ ให้โรงพยาบาล เลสเตอร์ส รอยัล อินเฟอร์มารี บริจาค 1 ล้านปอนด์ให้มหาวิทยาลัยเลสเตอร์
คนรวยเมืองไทยมีเยอะแยะมากมาย หลายคนรวยก็ไม่เคยคิดถึงสังคม แต่สำหรับคุณวิชัย ท่านให้อะไรกับสังคมไทยไว้มากมาย