ผมรู้สึกตื่นเต้นและก็อยากดูตั้งแต่เห็นโปสเตอร์แล้วครับ เพราะหนังเล่นเอาดาราใหญ่ที่ผมที่ชื่นชอบทั้งสองคนมาอยู่ในเรื่องเดียวกัน ทั้งเดอ นิโร ที่ผมเคารพบูชาลุงแกมาตั้งแต่ Godfather II แล้ว และก็ยังมีแฮทธาเวย์มาร่วมเล่นนำด้วย คนนี้ก็โดนใจผมมาตั้งแต่ Prada กับ Princess Diary แล้วล่ะครับ แถมหนังยังกำกับโดยแนนซี่ เมเยอร์อีกด้วย ผู้หญิงคนนี้ไม่เคยทำผมผิดหวังครับ ผลงานของเธอมีแต่เรื่องที่ผมประทับใจทั้งนั้น (แต่ที่รักมากเป็นพิเศษก็คือ It's Complicated) บวกกับตัวอย่างที่ตัดเอาความสัมพันธ์ของเจ้านายกับลูกน้องมานำเสนอได้น่าสนใจเลยทีเดียว แค่นี้ผมก็อยากดูแล้วครับ

เรื่องย่อ

     เบน วิทเทเกอร์ (รอเบิร์ต เดอ นิโร) ชายวัย 70 ปี ผู้ไม่ต้องการใช้ชีวิตหลังเกษียณให้หมดไปวันๆ เขาจึงมาสมัครเป็นพนักงานฝึกหัดในบริษัทเว็บไซต์ด้านแฟชั่น ซึ่งก่อตั้งและบริหาร โดย จูลส์ ออสติน (แอนน์ แฮททาเวย์) เบน ได้รับมอบหมายให้เป็นเด็กฝึกงานในทีมของ จูลส์ เจ้าของบริษัทสาวรุ่นใหม่ไฟแรงที่แทบจะไม่มีเวลาว่างเลย การได้กลับมาทำงานของเบน ทำให้เขาได้พบกับสังคมใหม่ของคนหนุ่มสาวที่เต็มไปด้วยความเร่งรีบและสะดวกสบายด้วยเทคโนโลยี แต่ เบน ยังคงเป็นผู้ใหญ่ที่โลว์เทคในสายตาของคนในออฟฟิศ เขายังคงใช้เครื่องคิดเลข นาฬิกาตั้งโต๊ะ สมุดจด โทรศัพท์รุ่นฝาพับ ซึ่งทุกอย่างแทบไม่จำเป็นเลยเพราะมันถูกบรรจุลงสมาร์ทโฟนหมดแล้ว ด้วยความยุ่งวุ่นวายในการทำงานของ จูลส์ เธอยืนกรานว่าไม่ต้องการพนักงานฝึกงานอาวุโสมาเป็นผู้ช่วยของเธอ แต่สุดท้ายเรื่องราวสุดประทับใจก็เกิดขึ้น เมื่อ เบน พยายามเข้าไปช่วยงานของจูลส์ และเข้าไปมีส่วนช่วยให้ทุกอย่างในชีวิตที่วุ่นวายของเธอราบรื่นขึ้นมา
     คุณผู้อ่านทั้งหลาย ผมรักหนังเรื่องนี้!!!!!!!!!!!!!!!! มันมีข้อด้อยอยู่ก็จริงแหละ ตรงช่วงท้ายหนังดูแผ่วไปนิดๆ ขอย้ำว่า"นิดๆ" เพราะนอกจากนี้แล้ว หนังทำได้เพอร์เฟคทุกด้านจริงๆ ครับ
     ไม่ว่าจะเป็นดาราทุกคนที่เล่นได้เป็นธรรมชาติมากครับ เดอ นิโรนี่ระดับมือทองอยู่แล้วครับ ปกติเรื่องก่อนๆ ลุงแกจะดุและก็ขรึมหน่อย แต่เรื่องนี้แกกลับน่ารักมากครับ เป็นคุณลุงที่รักเพื่อนๆ ที่อายุน้อยกว่า ประมาณว่าเป็นคุณลุงนิสัยดีอ่ะครับ ขนาดจะพูดยังมีหางเสียงแบบ "Yes, Ma'am." อะไรแบบเนี้ยอ่ะครับ และแกก็เป็นลุงที่สอนคนรุ่นใหม่ได้มีแง่คิด และก็ปรับเอาเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาสอนเด็กด้วย ผมว่าเดอ นิโรตีบทแตกกระจุยครับ ส่วนแฮททาเวย์ก็หายห่วงครับ เธอก็สวยมากับบทนี้อยู่แล้วอ่ะ เล่นเป็นเจ้านายสมัยใหม่แต่ดูไม่ซีเรียสกับงานที่ทำอยู่ แฮททาเวย์เล่นดีนะ ผมชอบฉากที่เธอสมัครเฟซบุ๊คให้กับเบ็นและก็ฉากที่เดินไปขอโทษเบ็นในร้านกาแฟมากครับ ท่าทางเธอได้อ่ะ และฉากดราม่าเธอก็เล่นดีมากๆ ส่วนคนอื่นๆ ก็ส่งเสริมหนังได้ดีครับ คนที่ถูกใจผมมากก็คือเบอวีนครับ ที่สร้างเสียงฮากับคนดูได้ไม่น้อยเลย ผมชอบฉากที่ไปขโมยโน็ตบุ๊คที่บ้านแม่จูลส์มากครับ ฮามาก
     เรื่องสาระหนังก็ไม่น้อยหน้าครับ หนังสอนถึงความเคารพต่อผู้หลักผู้ใหญ่และก็การทำงานร่วมกันในสังคม ตรงนี้ผมว่าหลายคนน่าจะเข้าถึงง่ายนะ (โดยเฉพาะวัยทำงาน) เพราะทุกวันนี้เราก็งานของเราเดิมๆ แหละครับ เราต้องตื่นแต่เช้าเพื่อไม่ให้รถติด ต้องทำงานให้สำเร็จและว่องไวที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ ถึงแม้งานที่เราทำจะไม่ได้รายรับเยอะ แต่เราก็แฮปปี้กับงานที่เราทำอยู่ และการให้เกียรติเจ้านายนี่ถือเป็นเรื่องสำคัญครับ เราต้องทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดเพื่อที่เจ้านายจะได้ภูมิใจ และไม่เอาใจจนเว่อร์ไปจนงานที่ทำดูล้นๆ ทำเท่าที่เราทำได้ครับ ถึงแม้จะไม่ได้ดีเลิศเลอแต่นี่ก็เป็นผลงานที่เราทำมากับมือและมันก็ดีสำหรับเราแล้วล่ะ ส่วนเรื่องเคารพผู้หลักผู้ใหญ่ก็สำคัญเหมือนกันครับ สังเกตุได้ในเรื่องทีแรกจูลส์จะไม่ค่อยสนใจเบ็นสักเท่าไหร่ เพราะเธอคิดว่าผู้ใหญ่ไม่ควรทำอะไรหนักๆ ครับ แต่เบ็นเขาไม่ได้คืดแบบนั้น เบ็นเขาคิดว่างานที่เจ้านายให้มา ต่อให้มันจะหนักหนาสาหัสเพียงใดเราลูกน้องก็พร้อมที่จะรับหน้าที่นั้น ถ้าเจ้านายไม่พอใจเราก็ถอนตัวจากการรับผิดชอบงานนั้น (สังเกตุได้จากฉากจูลส์ขอโทษเบ็นในร้านกาแฟ) ฉะนั้นเราไม่ต้องไปปรามาศใครมากหรอกครับ ทั้งเด็กและผู้ใหญ่เนี่ยแหละ เพราะเขากับเราก็คนที่โตมาต้องทำงานเหมือนกัน ฝึกไว้ตั้งแต่เด็กยิ่งดีครับ โตมาจะได้ชินและนำไปปรับใช้ในการทำงานได้และทำให้สะดวกสบายมากขึ้น

สรุป

     ผมแนะนำทุกคนให้หามาดูกันนะ ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ผมว่าก็ดูสนุกครับ ขนาดผมยังเรียนอยู่ยังไม่ได้ทำงานผมยังเข้าถึงและก็สนุกกับตัวหนังเลย สาระมีมาให้เยอะครับ ดาราเล่นดีทุกคน บทดูมีน้ำหนัก ชอบมากครับ

คะแนนเฉลี่ยรวม : 10/10
เรตหนัง : หนังยอดเยี่ยมที่ไม่ควรพลาด