สวัสดีค่ะ วันนี้นะค่ะจะมาแชร์ประสบการณ์ของการเป็นเด็กหอพัก หรือเด็กโรงเรียนประจำอย่างทีทุกคนนิยมเรียกติดปากกันค่ะ คือเราเป็นเด็กโรงเรียนประจำมาก่อน หลายๆคนไม่อยากเป็นเด็กโรงเรียนประจำ เพราะถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เด็กๆว่าโรงเรียนประจำเป็นโรงเรียนดัดนิสัย มีไว้สำหรับเด็กไม่ดีและเด็กดื้อ บางคนพ่อแม่เห็นว่าดื้อมากๆ พอพ่อแม่บอกถ้าดื้อแบบนี้จะส่งไปโรงเรียนประจำนะ คือเราอยากจะบอกทุกคนว่า โรงเรียนประจำนั้นไม่ได้เลวร้ายอย่างที่ใครหลายๆคนคิด แต่ก้ไม่ได้ดีไปซะทุกอย่าง
เราเรียนอยู่โรงเรียนประจำแห่งหนึ่ง แต่ตอนนี้ก็เรียนจบแล้วละ อ่ะ เริ่มกันที่สภาพแวดล้อม
สภาพแวดล้อมที่โรงเรียน โรงเรียนของเราตั้งอยู่กลางหุบเขาและกลางหมู่บ้าน หมู่บ้านจะเป็นหมู่บ้านเล็กๆในชนบท ห่างจากตัวอำเภอ 15 กิโลกรัม ไม่มีรถสองแถวและรถเมล์ผ่าน เพราะอยู่นอกเมืองมากๆ จะเข้าไปในอำเภอแต่ละทีก็ต้องอาศัยรถป้าแม่บ้าน ยืมรถเพื่อน ยืมรถอาจารย์ ในโรงเรียนมีร้านขายของอยู่หนึ่งร้าน เปิดตั้งแต่ 06.00-23.00 น. ถ้าวันไหนที่ร้านนี้ปิด เด็กหอพักอย่างเราก็อดกินขนม
หอพักของนักเรียนหอใน มีทั้งหมดสองหอพัก หอพักหญิงจะติดกับโรงอาหาร หอพักชายห่างจากหอหญิงโดยกั้นระหว่างบ้านพักครู 3 หลัง ซึ่งก็ถือว่าไม่ไกลมาก หอหญิงจะแบ่งเป็นสองชั้น โดยชั้นบนจะเป็นห้องนอน 15 ห้อง แบ่งนอนห้องละ 8 คน ข้างล่างจะแบ่ง เป็น4โซนด้วยกัน คือ โซนที่หนึ่ง เป็นห้องนอนห้องใหญ่ มีนักเรียนนอทั้งหมดประมาณ 40 กว่าคนได้ ซึ่งตอนนี้น่าจะไม่มีแล้ว เพราะทางโรงเรียนได้งบประมาณในการสร้างหอพักอีกหลังหญิงสำหรับนักเรียนหญิงเพราะมีจำนวนเยอะเกินไป เตียงเป็นเตียงสองชั้นนะจ๊ะ และห้องนอนทุกห้องจะมีรุ่นพี่และรุ่นน้องนอนอยู่ด้วยกัน เพื่อรุ่นพี่จะได้ดูแลน้องและให้คำปรึกษาในเรื่องต่างๆ และที่สำคัญ รุ่นน้องต้องมีความเกรงใจรุ่นพี่ ห้ามปีนเกรียว เจอพี่ต้องไหว้ โซนที่สอง เป็นที่กินข้าวของนักเรียนหอพักที่เป็นนักเรียนชายและหญิงมานั่งทานกันทุกเย็น โซนที่สามคือห้องทำกับข้าว อันนี้แม่บ้านจะเป็นคนทำให้ทานแต่นักเรียนหอพักจะต้องแบ่งเวรกันเป็นห้องนอนลงมาช่วนกันทำอาหาร และข้างๆห้องทำอาหารจะมีห้องเก็บโทรศัพท์ โทรศัพท์ของเด็กนักเรียนประจำจะต้องถูกเก็บไว้ในนี้ จะให้ใช้เป็นเวลา โดยให้ใช้เฉพาะ ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ เวลา 16.00-18.00 น ถ้ามีธุระเร่งด่วนต้องติดต่อผู้ปกครอง ต้องทำการเบิกโทรศัพท์จากคนดูแลเรื่องโทรศัพท์โดยตรง ซึ่งคนที่ดูแลก็ไม่ใช่ใครคือเพื่อนที่ครูไว้ใจให้เป็นคนดูแลนั้นเอง และสุดท้ายโซนซักผ้า ทางหอพักมีกะละมังให้ มีเครื่องซักผ้าให้ฟรี แต่เครื่องซักผ้าไม่ใช่อัตโนมัตินะ เป็นแบบเครื่องซักผ้าสองฝาที่แยกถังซักกับถังปั่นแห้ง แต่ส่วนมากแต่ละคนก็ซักมือแล้วก็ค่อยเอามาปั่นแห้งเอาจะได้ไม่เสียเวลา
ห้องน้ำหลายๆคนอินกับเรื่องนี้มาก ถึงขั้นที่ไม่สะอาดก็ไม่เข้า อันนี้ไม่ต้องห่วง ทางหอพักมีการแบ่งเวรให้ทำ ลืมบอกจ้า คนที่จะเป็นนักเรียนหอพักต้องเรียนอยู่ ม.4 ม.5 ม.6 และต้องเป็นห้อง 1 และห้อง 2 เท่านั้นด้วย เวรที่จะต้องแบ่งกันทำก็คือ เวรล้างห้องน้ำ เวรทำกับข้าวช่วยแม่บ้าน(อันนี้จะแบ่งเป็นห้องนอน) เวรทำความสะอาดรอบหอ ทำความสะอาดระเบียงทางเดิน ทำความสะอาดห้องอาบน้ำ ทำความสะอาดห้องซักผ้า ทำความสะอาดใต้หอ และเมื่อทำเสร็จแล้ว กรรมการหอจะเป็นคนมาตรวจเช็กความเรียบร้อย ไม่สะอาดก็เรียกมาทำใหม่นะจ๊ะ และถ้าใครคิดที่จะเอาเปรียบเพือนโดยการไม่มาทำความสะอาดช่วยเพื่อน หลังทำความสะอาดเสร็จจะมีกรรมการหอพักที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลเรื่องนี้จะเช็กชื่อแล้วละชั้น ถ้าคนไหนไม่มาทำคนนั้นก็จะโดนยึดคูปองทานอาหาร คูปองมีประโยชน์ยังไง คูปองใช้แทนเงินสดได้ มีมูลค่า 30 บาท ซึ่งจะแจก เช้า เที่ยง แค่นั้น ถ้าไม่มีคูปองนี้ ก็ต้องใช้เงินส่วนตัวซื้อกินเอง
กฎระเบียบนั้นถือว่าเคร่ง เพราะจากที่สอบถามกับน้องๆเขาบอกมาว่า ตั้งแต่มีอาจารย์มาดูแลหอนั้น กฎทุกอย่างก็เคร่งไปหมด ตอนรุ่นของเรายังไม่มีอาจารย์มาดูแลแบบจิงๆจังๆกฎเลยหลวมบ้าง
นักเรียนหอพัก จะมีตางรางเวลาทำกิจกรรมในส่วนหอพักเป็นประจำทุกวัน ดังนี้
๑. เด็กหอพักต้องตื่นตั้งแต่เวลาตี o๕.oo น. เพื่อมาออกกำลังกายเป็นประจำทุกวัน จะมีประธานหอพักเป็นผู้นำในการออกกำลังกาย และแยกไปทำความสะอาดบริเวณที่รับผิดชอบ
๒. เวลาตี o๕.๓o น. – o๗. oo น. เด็กหอพัก จะต้องแยกย้ายไปทำธุระส่วนตัว
๓. เวลา o๗.oo น. – o๗.๔๕ น. รับคูปองทานอาหารเช้าที่ข้างล่างหอหญิง และแยกย้ายไปทานอาหารภายในเวลาที่กำหนด
๔. เวลา o๗.๔๕ – o๘.oo น. เป็นเวลาเข้าแถวเคารพธงชาติของโรงเรียน
๕. เวลา o๘.oo น. เป็นเวลาเลิกแถวตอนเช้า และคุณครูก็จะให้นักเรียนแยกขึ้นชั้นเรียนอย่างเป็นระเบียบ
๖. เวลา o๘.๓o – ๑๖.oo น. เป็นเวลาเรียนในชั้นเรียน
๗. เวลา ๑๖.oo – ๑๖.๓o น. เป็นเวลาเข้าแถวเลิกเรียน
๘. เวลา ๑๖.๓o – ๑๗.๕o น. นักเรียนหอพักได้พักผ่อนหลังเลิกเรียน นักเรียนบางคนก็ใช้เวลานั้นเพื่อไปออกกำลังกาย บางคนก็ลงไปรดน้ำผักที่ปลูกไว้ที่แปลงเกษตร บางคนโทรศัพท์หาพ่อและแม่ บางคนก็โทรศัพท์ไปหาแฟน
๙. เวลา ๑๘.oo เป็นเวลาเก็บโทรศัพท์ของนักเรียนหอพักทุกคน เพื่อจะได้นำเวลาที่เล่นโทรศัพท์ไปอ่านหนังสือจะได้ความรู้มากกว่า
๑๐. เวลา ๑๘.๑o – ๑๙.oo เป็นเวลาที่รับประทานอาหารเย็น นักเรียนหอพักไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย มานั่งรับประทานอาหารเย็นรวมกัน ที่ใต้ตึกหอพักหญิง
๑๑. เวลา ๑๙.oo - ๒๑.oo น. นักเรียนหอพักทุกคนต้องเข้าเรียนพิเศษวิชาคำนวณและภาษา ในอาคารเรียน
๑๒. เวลา ๒๑.oo - ๒๒.๓o น. เป็นเวลาเลิกเรียนพิเศษช่วงเย็น และเวลาทำธุระส่วนตัวของแต่ละคน
ไม่ว่าจะเป็น อาบน้ำ และนอนพักผ่อน
แต่ถ้าใครที่รู้สึกหิว ตอนดึกก็สามารถต้มมาม่ากินได้ แต่ก็ต้องดูด้วยว่าในห้องที่ตัวเองอยู่เพื่อนนอนหมดรึยัง ถ้าเขานอนหมดแล้ว ก็ไม่ควรต้มเด้อ เดี๋ยวจะเจอสายตาพิฆาตส่งมา
เรื่องสังคมความเป็นอยู่นั้น ก็เจอทั้งคนดีและคนไม่ดี แต่ละคนก็มากันหลายๆที่หลายๆจังหวัด ร้อยพ่อพันแม่ ก็จะอยู่ยากหน่อยนิดหนึ่ง บางทีทำผิดก็จะถูกจับจ้องเป็นพิเศษ
แต่ในส่วนที่ไม่ดีของเรานั้น เราไม่ใช่เด็กดีอะไร กฎทุกอย่างเคยแหกมาหมดแล้ว ก็เจอทั้งจับได้บ้างจับไม่ได้บ้าง บาททีผู้ใหญ่เห็นก็เหนื่อยที่จะเอาไปฟ้อง ผอ แล้วเพราะเราทำบ่อยเกินไป เราทั้งหนีออกไปข้างนอกโรงเรียนบ้าง ทั้งไม่ส่งโทรศัพท์บ้าง แต่ไม่เคยโดนงดคูปองนะเพราะเราเป็นคนแจกคูปอง เราพึ่งมาแหกกฎตอน ม.5 เพราะคิดว่าอยู่นานแล้ว อะไรๆมันก็แข็งแกร่งขึ้นตาม ฮ่าๆ เรื่องโทรศัพท์นั้นเป็นเรื่องที่ใหญ่มาก เราเกือบโดนจับได้ครั้งหนึ่ง เพราะมีรุ่นน้องมาเล่นกับน้องที่นอนห้องเดียวกันกับเรา นางเห็นว่าเราไม่ได้ส่งโทรศัพท์นางเลยเอาไปฟ้องป้าแม่บ้าน ป้าแม่บ้านเลยจะมายึดของเรา แต่เราบอกว่าไม่มี ถ้าคิดว่ามีก็ค้นเลย เขาก็ค้นทุกซอกทุกมุมของห้อง แต่ไม่เจอ คือ ม.5 ม.6 ส่วนมากเขาจะซ่อนโทรศัพท์กัน คนที่เคยซ่อนเท่านั้นที่จะรู้ว่าโทรศัพท์ของแต่ละคนเขาจะเอาไปซ่อนไว้ไหน ถ้าให้คนไม่มีประสบการณ์มาค้นก็จะพากันค้นไม่เจอกัน เพราะไม่รู้ว่าต้องหาที่ไหนก่อน บางคนอยู่มาสามปีแล้วยังไม่เคยแหกกฎก็มี คนดีๆมีอยู่เยอะ แล้วแต่ว่าเราจะเลือกว่าจะเป็นแบบไหน ทั้งนี้ทั้งนั้นก็อย่าทำตามเด้อมันไม่ดี ที่ทำไปเพราะความคึกคะนองเท่านั้น
และสิ่งที่มีค่าที่สุดในโรงเรียนแห่งนี้ก็คือ มี ผอ และครูที่หวังดีกับนักเรียน มีเพื่อนที่ดีบ้างไม่ดีบ้าง มีรุ่นน้องที่สนิทกันเหมือนพี่น้องกันแท้ๆ อันไหนไม่ดีก็เตือนกัน แต่บางคนคนเห็นพี่ทำไม่ดีก็พากันทำตาม ฮ่าๆ อันนี้เราเป็น อยู่ในคนหมู่มากต้องรู้จักเราตัวรอด พลิกแพลงเก่ง เราอยู่โรงเรียนนี้มาทั้งหมดสามปี แรกๆก็อึดอัด หลังๆก็โอเคอยู่ได้ ไม่ได้อึดอัดอะไรมากมาย การเป็นนักเรียนโรงเรียนประจำก็เหมือนกับการเตรียมตัวไปเป็นผู้ใหญ่ในรั้วมหาลัย เพราะหลายคนก็หลายนิสัย ทำตัวให้ชินแล้วทุกอย่างดีขึ้น สำหรับเราแล้วเราคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ดีมากกว่า เพราะถ้าเรายังเรียนอยู่โรงเรียนไปกลับแถวๆบ้านเราอยู่ เราก็จะไม่มีทางรู้เลยว่าโลกข้างนอกที่ไม่มีพ่อแม่คอยช่วยมันเป็นยังไง เพื่อนที่โรงเรียนไปกลับเราไม่สามารถรู้ได้เลยว่านิสัยที่แท้จริงเขาเป็นยังไง แต่มาอยู่โรงเรียนประจำได้รู้หมดไส้หมดพุงเลย เพราะต้องเห็นหน้ากันเกือบตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง เลยรู้ว่าคนไหนชอบเราคนไหนไม่ชอบเราแรกๆก็จะคิดและก็เครียดว่าทำไมไม่ชอบเรา เราไปทำอะไรให้เขารึเปล่า และพอมาหลังๆก็เริ่มชินแล้วกิริยาพวกนี้แหละ จะทำให้เราแข็งแกร่งเมื่อเจอโลกภายนอกของจริง
และจะได้กลับบ้านก็ต่อเมื่อมีธุระจำเป็นจริงๆ ถ้าไม่มีธุระอะไรแต่อยากกลับบ้านเฉยๆทางอาจารย์จะไม่อนุญาตให้กลับ ต้องรอกลับช่วงปิดเทอมเท่านั้น
โรงเรียนประจำ
เราเรียนอยู่โรงเรียนประจำแห่งหนึ่ง แต่ตอนนี้ก็เรียนจบแล้วละ อ่ะ เริ่มกันที่สภาพแวดล้อม
สภาพแวดล้อมที่โรงเรียน โรงเรียนของเราตั้งอยู่กลางหุบเขาและกลางหมู่บ้าน หมู่บ้านจะเป็นหมู่บ้านเล็กๆในชนบท ห่างจากตัวอำเภอ 15 กิโลกรัม ไม่มีรถสองแถวและรถเมล์ผ่าน เพราะอยู่นอกเมืองมากๆ จะเข้าไปในอำเภอแต่ละทีก็ต้องอาศัยรถป้าแม่บ้าน ยืมรถเพื่อน ยืมรถอาจารย์ ในโรงเรียนมีร้านขายของอยู่หนึ่งร้าน เปิดตั้งแต่ 06.00-23.00 น. ถ้าวันไหนที่ร้านนี้ปิด เด็กหอพักอย่างเราก็อดกินขนม
หอพักของนักเรียนหอใน มีทั้งหมดสองหอพัก หอพักหญิงจะติดกับโรงอาหาร หอพักชายห่างจากหอหญิงโดยกั้นระหว่างบ้านพักครู 3 หลัง ซึ่งก็ถือว่าไม่ไกลมาก หอหญิงจะแบ่งเป็นสองชั้น โดยชั้นบนจะเป็นห้องนอน 15 ห้อง แบ่งนอนห้องละ 8 คน ข้างล่างจะแบ่ง เป็น4โซนด้วยกัน คือ โซนที่หนึ่ง เป็นห้องนอนห้องใหญ่ มีนักเรียนนอทั้งหมดประมาณ 40 กว่าคนได้ ซึ่งตอนนี้น่าจะไม่มีแล้ว เพราะทางโรงเรียนได้งบประมาณในการสร้างหอพักอีกหลังหญิงสำหรับนักเรียนหญิงเพราะมีจำนวนเยอะเกินไป เตียงเป็นเตียงสองชั้นนะจ๊ะ และห้องนอนทุกห้องจะมีรุ่นพี่และรุ่นน้องนอนอยู่ด้วยกัน เพื่อรุ่นพี่จะได้ดูแลน้องและให้คำปรึกษาในเรื่องต่างๆ และที่สำคัญ รุ่นน้องต้องมีความเกรงใจรุ่นพี่ ห้ามปีนเกรียว เจอพี่ต้องไหว้ โซนที่สอง เป็นที่กินข้าวของนักเรียนหอพักที่เป็นนักเรียนชายและหญิงมานั่งทานกันทุกเย็น โซนที่สามคือห้องทำกับข้าว อันนี้แม่บ้านจะเป็นคนทำให้ทานแต่นักเรียนหอพักจะต้องแบ่งเวรกันเป็นห้องนอนลงมาช่วนกันทำอาหาร และข้างๆห้องทำอาหารจะมีห้องเก็บโทรศัพท์ โทรศัพท์ของเด็กนักเรียนประจำจะต้องถูกเก็บไว้ในนี้ จะให้ใช้เป็นเวลา โดยให้ใช้เฉพาะ ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ เวลา 16.00-18.00 น ถ้ามีธุระเร่งด่วนต้องติดต่อผู้ปกครอง ต้องทำการเบิกโทรศัพท์จากคนดูแลเรื่องโทรศัพท์โดยตรง ซึ่งคนที่ดูแลก็ไม่ใช่ใครคือเพื่อนที่ครูไว้ใจให้เป็นคนดูแลนั้นเอง และสุดท้ายโซนซักผ้า ทางหอพักมีกะละมังให้ มีเครื่องซักผ้าให้ฟรี แต่เครื่องซักผ้าไม่ใช่อัตโนมัตินะ เป็นแบบเครื่องซักผ้าสองฝาที่แยกถังซักกับถังปั่นแห้ง แต่ส่วนมากแต่ละคนก็ซักมือแล้วก็ค่อยเอามาปั่นแห้งเอาจะได้ไม่เสียเวลา
ห้องน้ำหลายๆคนอินกับเรื่องนี้มาก ถึงขั้นที่ไม่สะอาดก็ไม่เข้า อันนี้ไม่ต้องห่วง ทางหอพักมีการแบ่งเวรให้ทำ ลืมบอกจ้า คนที่จะเป็นนักเรียนหอพักต้องเรียนอยู่ ม.4 ม.5 ม.6 และต้องเป็นห้อง 1 และห้อง 2 เท่านั้นด้วย เวรที่จะต้องแบ่งกันทำก็คือ เวรล้างห้องน้ำ เวรทำกับข้าวช่วยแม่บ้าน(อันนี้จะแบ่งเป็นห้องนอน) เวรทำความสะอาดรอบหอ ทำความสะอาดระเบียงทางเดิน ทำความสะอาดห้องอาบน้ำ ทำความสะอาดห้องซักผ้า ทำความสะอาดใต้หอ และเมื่อทำเสร็จแล้ว กรรมการหอจะเป็นคนมาตรวจเช็กความเรียบร้อย ไม่สะอาดก็เรียกมาทำใหม่นะจ๊ะ และถ้าใครคิดที่จะเอาเปรียบเพือนโดยการไม่มาทำความสะอาดช่วยเพื่อน หลังทำความสะอาดเสร็จจะมีกรรมการหอพักที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลเรื่องนี้จะเช็กชื่อแล้วละชั้น ถ้าคนไหนไม่มาทำคนนั้นก็จะโดนยึดคูปองทานอาหาร คูปองมีประโยชน์ยังไง คูปองใช้แทนเงินสดได้ มีมูลค่า 30 บาท ซึ่งจะแจก เช้า เที่ยง แค่นั้น ถ้าไม่มีคูปองนี้ ก็ต้องใช้เงินส่วนตัวซื้อกินเอง
กฎระเบียบนั้นถือว่าเคร่ง เพราะจากที่สอบถามกับน้องๆเขาบอกมาว่า ตั้งแต่มีอาจารย์มาดูแลหอนั้น กฎทุกอย่างก็เคร่งไปหมด ตอนรุ่นของเรายังไม่มีอาจารย์มาดูแลแบบจิงๆจังๆกฎเลยหลวมบ้าง
นักเรียนหอพัก จะมีตางรางเวลาทำกิจกรรมในส่วนหอพักเป็นประจำทุกวัน ดังนี้
๑. เด็กหอพักต้องตื่นตั้งแต่เวลาตี o๕.oo น. เพื่อมาออกกำลังกายเป็นประจำทุกวัน จะมีประธานหอพักเป็นผู้นำในการออกกำลังกาย และแยกไปทำความสะอาดบริเวณที่รับผิดชอบ
๒. เวลาตี o๕.๓o น. – o๗. oo น. เด็กหอพัก จะต้องแยกย้ายไปทำธุระส่วนตัว
๓. เวลา o๗.oo น. – o๗.๔๕ น. รับคูปองทานอาหารเช้าที่ข้างล่างหอหญิง และแยกย้ายไปทานอาหารภายในเวลาที่กำหนด
๔. เวลา o๗.๔๕ – o๘.oo น. เป็นเวลาเข้าแถวเคารพธงชาติของโรงเรียน
๕. เวลา o๘.oo น. เป็นเวลาเลิกแถวตอนเช้า และคุณครูก็จะให้นักเรียนแยกขึ้นชั้นเรียนอย่างเป็นระเบียบ
๖. เวลา o๘.๓o – ๑๖.oo น. เป็นเวลาเรียนในชั้นเรียน
๗. เวลา ๑๖.oo – ๑๖.๓o น. เป็นเวลาเข้าแถวเลิกเรียน
๘. เวลา ๑๖.๓o – ๑๗.๕o น. นักเรียนหอพักได้พักผ่อนหลังเลิกเรียน นักเรียนบางคนก็ใช้เวลานั้นเพื่อไปออกกำลังกาย บางคนก็ลงไปรดน้ำผักที่ปลูกไว้ที่แปลงเกษตร บางคนโทรศัพท์หาพ่อและแม่ บางคนก็โทรศัพท์ไปหาแฟน
๙. เวลา ๑๘.oo เป็นเวลาเก็บโทรศัพท์ของนักเรียนหอพักทุกคน เพื่อจะได้นำเวลาที่เล่นโทรศัพท์ไปอ่านหนังสือจะได้ความรู้มากกว่า
๑๐. เวลา ๑๘.๑o – ๑๙.oo เป็นเวลาที่รับประทานอาหารเย็น นักเรียนหอพักไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย มานั่งรับประทานอาหารเย็นรวมกัน ที่ใต้ตึกหอพักหญิง
๑๑. เวลา ๑๙.oo - ๒๑.oo น. นักเรียนหอพักทุกคนต้องเข้าเรียนพิเศษวิชาคำนวณและภาษา ในอาคารเรียน
๑๒. เวลา ๒๑.oo - ๒๒.๓o น. เป็นเวลาเลิกเรียนพิเศษช่วงเย็น และเวลาทำธุระส่วนตัวของแต่ละคน
ไม่ว่าจะเป็น อาบน้ำ และนอนพักผ่อน
แต่ถ้าใครที่รู้สึกหิว ตอนดึกก็สามารถต้มมาม่ากินได้ แต่ก็ต้องดูด้วยว่าในห้องที่ตัวเองอยู่เพื่อนนอนหมดรึยัง ถ้าเขานอนหมดแล้ว ก็ไม่ควรต้มเด้อ เดี๋ยวจะเจอสายตาพิฆาตส่งมา
เรื่องสังคมความเป็นอยู่นั้น ก็เจอทั้งคนดีและคนไม่ดี แต่ละคนก็มากันหลายๆที่หลายๆจังหวัด ร้อยพ่อพันแม่ ก็จะอยู่ยากหน่อยนิดหนึ่ง บางทีทำผิดก็จะถูกจับจ้องเป็นพิเศษ
แต่ในส่วนที่ไม่ดีของเรานั้น เราไม่ใช่เด็กดีอะไร กฎทุกอย่างเคยแหกมาหมดแล้ว ก็เจอทั้งจับได้บ้างจับไม่ได้บ้าง บาททีผู้ใหญ่เห็นก็เหนื่อยที่จะเอาไปฟ้อง ผอ แล้วเพราะเราทำบ่อยเกินไป เราทั้งหนีออกไปข้างนอกโรงเรียนบ้าง ทั้งไม่ส่งโทรศัพท์บ้าง แต่ไม่เคยโดนงดคูปองนะเพราะเราเป็นคนแจกคูปอง เราพึ่งมาแหกกฎตอน ม.5 เพราะคิดว่าอยู่นานแล้ว อะไรๆมันก็แข็งแกร่งขึ้นตาม ฮ่าๆ เรื่องโทรศัพท์นั้นเป็นเรื่องที่ใหญ่มาก เราเกือบโดนจับได้ครั้งหนึ่ง เพราะมีรุ่นน้องมาเล่นกับน้องที่นอนห้องเดียวกันกับเรา นางเห็นว่าเราไม่ได้ส่งโทรศัพท์นางเลยเอาไปฟ้องป้าแม่บ้าน ป้าแม่บ้านเลยจะมายึดของเรา แต่เราบอกว่าไม่มี ถ้าคิดว่ามีก็ค้นเลย เขาก็ค้นทุกซอกทุกมุมของห้อง แต่ไม่เจอ คือ ม.5 ม.6 ส่วนมากเขาจะซ่อนโทรศัพท์กัน คนที่เคยซ่อนเท่านั้นที่จะรู้ว่าโทรศัพท์ของแต่ละคนเขาจะเอาไปซ่อนไว้ไหน ถ้าให้คนไม่มีประสบการณ์มาค้นก็จะพากันค้นไม่เจอกัน เพราะไม่รู้ว่าต้องหาที่ไหนก่อน บางคนอยู่มาสามปีแล้วยังไม่เคยแหกกฎก็มี คนดีๆมีอยู่เยอะ แล้วแต่ว่าเราจะเลือกว่าจะเป็นแบบไหน ทั้งนี้ทั้งนั้นก็อย่าทำตามเด้อมันไม่ดี ที่ทำไปเพราะความคึกคะนองเท่านั้น
และสิ่งที่มีค่าที่สุดในโรงเรียนแห่งนี้ก็คือ มี ผอ และครูที่หวังดีกับนักเรียน มีเพื่อนที่ดีบ้างไม่ดีบ้าง มีรุ่นน้องที่สนิทกันเหมือนพี่น้องกันแท้ๆ อันไหนไม่ดีก็เตือนกัน แต่บางคนคนเห็นพี่ทำไม่ดีก็พากันทำตาม ฮ่าๆ อันนี้เราเป็น อยู่ในคนหมู่มากต้องรู้จักเราตัวรอด พลิกแพลงเก่ง เราอยู่โรงเรียนนี้มาทั้งหมดสามปี แรกๆก็อึดอัด หลังๆก็โอเคอยู่ได้ ไม่ได้อึดอัดอะไรมากมาย การเป็นนักเรียนโรงเรียนประจำก็เหมือนกับการเตรียมตัวไปเป็นผู้ใหญ่ในรั้วมหาลัย เพราะหลายคนก็หลายนิสัย ทำตัวให้ชินแล้วทุกอย่างดีขึ้น สำหรับเราแล้วเราคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ดีมากกว่า เพราะถ้าเรายังเรียนอยู่โรงเรียนไปกลับแถวๆบ้านเราอยู่ เราก็จะไม่มีทางรู้เลยว่าโลกข้างนอกที่ไม่มีพ่อแม่คอยช่วยมันเป็นยังไง เพื่อนที่โรงเรียนไปกลับเราไม่สามารถรู้ได้เลยว่านิสัยที่แท้จริงเขาเป็นยังไง แต่มาอยู่โรงเรียนประจำได้รู้หมดไส้หมดพุงเลย เพราะต้องเห็นหน้ากันเกือบตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง เลยรู้ว่าคนไหนชอบเราคนไหนไม่ชอบเราแรกๆก็จะคิดและก็เครียดว่าทำไมไม่ชอบเรา เราไปทำอะไรให้เขารึเปล่า และพอมาหลังๆก็เริ่มชินแล้วกิริยาพวกนี้แหละ จะทำให้เราแข็งแกร่งเมื่อเจอโลกภายนอกของจริง
และจะได้กลับบ้านก็ต่อเมื่อมีธุระจำเป็นจริงๆ ถ้าไม่มีธุระอะไรแต่อยากกลับบ้านเฉยๆทางอาจารย์จะไม่อนุญาตให้กลับ ต้องรอกลับช่วงปิดเทอมเท่านั้น