เท่าที่นึกออกนะคะ
1. งดข้าวมื้อเย็น ( เขาให้กินมังสวิรัติ วันละมื้อเดียว ตอน 10 โมงเช้า ) >> สิ่งที่เราเอามาปรับใช้คือ ไม่กินมื้อเย็น หรือกินน้อยลง
2. ตื่นเช้า ( อันนี้อาจจะเยอะเกิน คือเขาให้ตื่นมาสวดมนต์เช้า ตอนตี 3 ) >> สิ่งที่เราเอามาปรับใช้คือ ตื่นตี 5 แค่นี้ก็หรูแล้วค่า
3. การอยู่ง่าย กินง่าย เรื่องกินก็คือกินมื้อเดียว ส่วนอยู่ง่ายก็คือ ไม่ต้องพิธีรีตองมาก แอร์ไม่ต้องใช้ เน้นห้องโปร่งๆเข้าไว้ ชอบต้นไม้เยอะ ร่มรื่น
4. หลักธรรมะที่ได้ : สมณะ ( ที่นี่เขาเรียกแบบนี้ ) ท่านบอกว่า บุญกรรมเป็นเรื่องเฉพาะตัว ของใครของมัน ไม่สามารถแบ่งปันหรือแผ่เมตตาให้ใครได้
( เราคิดตามหลักเหตุผลก็น่าจะจริงเนอะ ) แต่จริงๆแล้วเป็นยังไง อันนี้เราก็ไม่ค่อยแน่ใจค่ะ
5. พระที่นี่ไม่รับเงินค่ะ รับบิณฑบาตรเฉพาะอาหารมังสวิรัติ ก็โอนะคะ ( ญาติโยมบางคนอาจไม่รู้ แต่เข้าใจว่าส่วนใหญ่น่าจะรู้ว่า ต้องใส่อาหารมัง )
ุ6. ความรับผิดชอบในเรื่องสิ่งแวดล้อม สถานที่เค้าสะอาดมากๆ และเค้าเน้นการแยกขยะชัดเจน ซึ่งไม่ค่อยเห็นในวัดทั่วไป >> พอเรากลับมาบ้านก็แยก
ขยะที่บ้านเรามั่งเหมือนกัน คนเก็บขยะสบายขึ้น คนขายของเก่าก็แฮปปี้ )
7. พระในหลายๆวัดที่เราเคยไป ฉันทั้งของหวาน ของเค็ม ของทอดของมัน จนรูปร่างอ้วนท้วน เคยเห็นหลายรูปบ่นว่าเป็นโรคเบาหวาน ไขมัน ความดัน
ในขณะที่สมณะที่สันติอโศก กินวันละมื้อเดียวและเป็นมังสวิรัติ แถมต้องมีกิจกรรมทำงานวัดเกือบทั้งวัน เลยไม่ค่อยเห็นที่อ้วนๆ ( อันนี้ ไม่ได้
เปรียบเทียบว่าที่ไหนดีหรือไม่ดีนะคะ เพราะเข้าใจว่าพระตามวัดก็คงไม่อยากขัดศรัทธาญาติโยม ถวายอะไรมาท่านก็ต้องฉัน ) แต่สิ่งที่เรากำลังพูดถึง
คือประโยชน์ที่เรานำมาปรับใช้กับตัวเองหลังจากกลับมา ทำให้สุขภาพแข็งแรง ไขมันน้ำตาลไม่สูง ความดันปกติค่ะ )
เท่าที่นึกได้มีแค่นี้ค่ะ ประโยชน์ที่เราได้ คงเป็นเรื่องของสุขภาพ(กาย) เป็นหลัก ส่วนสุขภาพจิตก็ดีขึ้นนะคะ เพราะพอกลับมา เราก็เลือกทำเฉพาะสิ่ง
ที่จำเป็น เล่นโซเชียล (LINE/FB ) น้อยลง ทำชีวิตให้ง่ายขึ้น หาเวลาออกกำลังกายมากขึ้น(กว่าเดิม 555 )
ปล. แม้ว่าสมณะที่นี่ไม่ใช่พระสงฆ์ สันติอโศกไม่ได้อยุ่ภายใต้สำนักพุทธ/มหาเถรสมาคม แต่ว่าหลายๆอย่างที่นี่เขาก็OK นะ ดูทันสมัยดี ( โดยเฉพาะ
ในเรื่อง healthy อันนี้เราชอบมากๆค่ะ )
มีโอกาสไปปฏิบัติธรรมที่สันติอโศก ได้สิ่งดีๆหลายอย่างกลับมาปรับพฤติกรรมตัวเองค่ะ
1. งดข้าวมื้อเย็น ( เขาให้กินมังสวิรัติ วันละมื้อเดียว ตอน 10 โมงเช้า ) >> สิ่งที่เราเอามาปรับใช้คือ ไม่กินมื้อเย็น หรือกินน้อยลง
2. ตื่นเช้า ( อันนี้อาจจะเยอะเกิน คือเขาให้ตื่นมาสวดมนต์เช้า ตอนตี 3 ) >> สิ่งที่เราเอามาปรับใช้คือ ตื่นตี 5 แค่นี้ก็หรูแล้วค่า
3. การอยู่ง่าย กินง่าย เรื่องกินก็คือกินมื้อเดียว ส่วนอยู่ง่ายก็คือ ไม่ต้องพิธีรีตองมาก แอร์ไม่ต้องใช้ เน้นห้องโปร่งๆเข้าไว้ ชอบต้นไม้เยอะ ร่มรื่น
4. หลักธรรมะที่ได้ : สมณะ ( ที่นี่เขาเรียกแบบนี้ ) ท่านบอกว่า บุญกรรมเป็นเรื่องเฉพาะตัว ของใครของมัน ไม่สามารถแบ่งปันหรือแผ่เมตตาให้ใครได้
( เราคิดตามหลักเหตุผลก็น่าจะจริงเนอะ ) แต่จริงๆแล้วเป็นยังไง อันนี้เราก็ไม่ค่อยแน่ใจค่ะ
5. พระที่นี่ไม่รับเงินค่ะ รับบิณฑบาตรเฉพาะอาหารมังสวิรัติ ก็โอนะคะ ( ญาติโยมบางคนอาจไม่รู้ แต่เข้าใจว่าส่วนใหญ่น่าจะรู้ว่า ต้องใส่อาหารมัง )
ุ6. ความรับผิดชอบในเรื่องสิ่งแวดล้อม สถานที่เค้าสะอาดมากๆ และเค้าเน้นการแยกขยะชัดเจน ซึ่งไม่ค่อยเห็นในวัดทั่วไป >> พอเรากลับมาบ้านก็แยก
ขยะที่บ้านเรามั่งเหมือนกัน คนเก็บขยะสบายขึ้น คนขายของเก่าก็แฮปปี้ )
7. พระในหลายๆวัดที่เราเคยไป ฉันทั้งของหวาน ของเค็ม ของทอดของมัน จนรูปร่างอ้วนท้วน เคยเห็นหลายรูปบ่นว่าเป็นโรคเบาหวาน ไขมัน ความดัน
ในขณะที่สมณะที่สันติอโศก กินวันละมื้อเดียวและเป็นมังสวิรัติ แถมต้องมีกิจกรรมทำงานวัดเกือบทั้งวัน เลยไม่ค่อยเห็นที่อ้วนๆ ( อันนี้ ไม่ได้
เปรียบเทียบว่าที่ไหนดีหรือไม่ดีนะคะ เพราะเข้าใจว่าพระตามวัดก็คงไม่อยากขัดศรัทธาญาติโยม ถวายอะไรมาท่านก็ต้องฉัน ) แต่สิ่งที่เรากำลังพูดถึง
คือประโยชน์ที่เรานำมาปรับใช้กับตัวเองหลังจากกลับมา ทำให้สุขภาพแข็งแรง ไขมันน้ำตาลไม่สูง ความดันปกติค่ะ )
เท่าที่นึกได้มีแค่นี้ค่ะ ประโยชน์ที่เราได้ คงเป็นเรื่องของสุขภาพ(กาย) เป็นหลัก ส่วนสุขภาพจิตก็ดีขึ้นนะคะ เพราะพอกลับมา เราก็เลือกทำเฉพาะสิ่ง
ที่จำเป็น เล่นโซเชียล (LINE/FB ) น้อยลง ทำชีวิตให้ง่ายขึ้น หาเวลาออกกำลังกายมากขึ้น(กว่าเดิม 555 )
ปล. แม้ว่าสมณะที่นี่ไม่ใช่พระสงฆ์ สันติอโศกไม่ได้อยุ่ภายใต้สำนักพุทธ/มหาเถรสมาคม แต่ว่าหลายๆอย่างที่นี่เขาก็OK นะ ดูทันสมัยดี ( โดยเฉพาะ
ในเรื่อง healthy อันนี้เราชอบมากๆค่ะ )