เมื่อวานซืน นั่งแท็กซี่ไปสนามบินดอนเมือง เจอแท๊กซี่น่าจะคนอีสาน พอเอากระเป๋าขึ้นรถ ปรากฏว่า สัญญาน ว่า ปิดประตูไม่แน่น ไม่ดับ ปิดประตูด้านข้างก็ไม่ดับ แท็กซี่ เลย คิดว่า น่าจะเกิดจากท้าย ปิดไม่แน่น เลยกะว่า พอติดไฟแดง เดี๋ยวจะลงไปดู ระหว่างที่ขับไป สัญญานเตือนว่า ปิดประตูไม่แน่นก็ดังตลอด ตีด ๆ ๆ ๆ

พอติดไฟแดง ตรงพญาไท แท็กซี่ ก็ลงไปดู ที่ฝาท้าย ปรากฏว่า ท้ายมีปัญหา ปิดยากมาก แท็กซี่ ต้องปิดด้วยความแรง ตึง ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ เกือบสิบครั้ง จนคนในรถแทบจะกระเด้ง หัวไปชนกับหลังคา กว่า ท้ายจะปิดได้

หลังจากนั้น แท็กซี่ ก็รับโทรศัพท์ ปรากฏว่า เป็นเจ้านายแกโทรมา บอกว่า ช่วยหาคนซื้อประกันหน่อย (ดีที่ไม่ถามมาทางข้า ข้าไม่ซื้อหรอก) แกก็บ่นว่าเป็นเจ้านายยังหาคนซื้อไม่ได้ เราจะหาได้เรอะ หลังจากนั้น แกก็บ่น บอกว่า แท็กซี่ คันนี้ แกซื้อมือสองมา ก็ไม่รู้ว่ามันมีปัญหาเรื่องท้าย เซ็นเซอร์น่าจะไม่ดี ปิดก็ยาก แต่ ก็ยังรู้สึกดี ที่เป็นรถของแกเอง เพราะ ถ้าเป็นรถของอู่ (แกบอกให้ดูแท้กซี่ที่คาดเขียวเหลือง ) ถ้าไม่ออกมาขับก็ติดกะ ก็จะถูกเจ้านายด่า แต่ ถ้าเป็นรถของแกเอง วันไหน แกได้300 แล้ว อยากกลับบ้าน ก็กลับเลย

หลังจากนั้น ก็ขึ้นทางด่วน แกก็บ่น บอกว่า อุตส่าห์ ให้ขึ้นทางด่วน แล้ว ยังจะติดกล้องมาตรวจจับความเร็วอีก ถ้าคนขึ้นทางด่วน แถมไปสนามบิน ไม่รีบ แล้ว จะขึ้นทางด่วนทำไรวะ แกบอกว่า ปีนี้ แกโดนใบตรวจจับความเร็วไป5ใบ แล้ว แต่ โชคดี ที่ตอนต่อทะเบียนรถ เขาให้ต่อได้ ใบสั่งทั้งห้าใบ แกก็เลยไม่จ่าย พอคุยๆ ไป แกเพลิน จนขับเลย ทางเลี้ยวซ้ายทีเข้าสนามบินดอนเมือง จนต้องหยุด แล้ว ค่อยๆ ถอยหลัง กลับมา ระหว่าง นั้น ก็ต้องช่วยดูรถที่มาข้างหลัง เพราะบนทางด่วน รถขับกันเร็วมาก จน ถึงทางเลี้ยวถึงเข้าไปได้

พอลงจากรถ ท้ายแกก็ปิดไม่ได้อีก ตามเดิม แกโบกมือ บอกไม่เป็นไร เฮ้อ