Homestay (ภาคภูมิ วงศ์ภูมิ, 2018) คะแนน B

"เราทุกคนมาอาศัยบนโลกนี้แค่เพียงชั่วคราว" เนื้อหาของ 'Homestay' ดัดแปลงจากต้นฉบับญี่ปุ่นให้พอเหมาะและอยู่ในระดับที่ดีสไตล์หนังไทย ไม่เนิบช้าจนเกินไป มีสาระที่ต้องการนำเสนอที่ดีและค่อนข้างสร้างสรรค์ให้เรามองเห็นคุณค่าของการมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ ชีวิตที่เรามาอาศัยเพียงชั่วคราว และต้องจากไปในที่สุดโดยที่ไม่มีใครหนีรอดหรือหนีพ้นไปได้ เราทุกคนล้วนต้องลาจากโลกนี้ไปไม่วันใดก็วันหนึ่ง เพียงแต่ใครจะจากไปก่อนกัน ใครจะลาโลกนี้ไปก่อนวัยอันควร ตัวละครในเรื่องจึงถูกสร้างมาให้เรามองย้อนนึกถึงคุณค่าของการมีชีวิต และแน่นอนว่า ห้วงเวลาการการได้ใช้ชีวิตนั้นมีคุณค่าเพียงใด หนังเลือกหยิบประเด็นนี้มานำเสนอ ผ่านความสัมพันธ์ที่ตัวละครประสบพบเจอ ผ่านสภาพแวดล้อมที่ก่อร่างสร้างอารมณ์ให้ตัวละครเลือกกระทำ จนไปถึงแสดงพฤติกรรมต่อต้านสภาพแวดล้อมเหล่านั้น ทั้งหมดถูกถ่ายทอดออกมาได้เป็นสูตรสำเร็จย่อยง่ายและตายตัวโดยไม่ต้องตีความใดๆทั้งสิ้น มันจึงต้องแลกมาด้วยความเรียบง่าย และไม่เกินคาดเดาจนทำให้เรื่องราวช่วงครึ่งหลังไม่ได้ทำให้เนื้อหาหรือสาสน์ที่หนังต้องการสื่อมีพลังหรือประทับใจกินใจสำหรับเรามากเท่าไหร่ เรื่องราวทั้งหมดดูจะเฉลยง่ายเกินไปสักนิด และขาดความไหลลื่นในความสัมพันธ์ระหว่างตัวละคร บางตัวละครที่น่าจะเป็นตัวแปรหลักสำคัญกลับถูกลดทอนลงไปและหายไปจากเรื่องราว เช่น ตัวพ่อกับพี่ชาย ที่น่าสนใจไม่แพ้ตัวละครอื่น แต่หนังเองกลับเลือกพยายามโฟกัสไปที่ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนรุ่นพี่(เฌอปราง) มากกว่า ซึ่งก็เข้าใจได้ว่าสามารถขายจุดนี้ต่อคนดูได้แน่นอน

ความไม่ไหลลื่นของหนัง และบทที่ดูขาดๆเกินๆในบางช่วง ทำให้ตัวละครดูไม่ค่อยเป็นธรรมชาติมากนัก ยกเว้นตัวละครหลัก เจมส์-ธีรดนย์ ศุภพันธุ์ภิญโญ ที่แสดงได้ดีมากๆ ส่วน 'เฌอปราง' นั้นแสดงได้ตามบทและให้อารมณ์ดราม่าที่ค่อนข้างดี ตัวละครสมทบในบทบาทผู้คุมถือว่าสร้างสีสันได้พอสมควร และมีไดอะล็อกที่ดีพอทำให้เราร่วมสนุกร่วมตื่นเต้น และตะลึงไปกับงาน CG ผสมเทคนิคต่างๆที่ทำได้ดีมากๆ การดำเนินเรื่องช่วงเวลาเริ่มต้นรู้สึกตื่นเต้นและน่าตามติดตัวละคร แต่กลางเรื่องหนังแทรกความสัมพันธ์ที่เป็นฉากๆมากเกินไปจนขาดความต่อเนื่อง แต่อย่างไรก็ตาม ด้วยความเข้มข้นของเนื้อหาสาระแฝงข้อคิด ก็สามารถทำให้เรามองข้ามข้อผิดพลาดต่างๆหรือตั้งคำถามต่อเหตุการณ์ที่ถูกเซ็ตติ้งเกินไปได้เพลินๆ ดังนั้น เมื่อมองภาพรวมแล้วตัวหนังสามารถพาตัวเองไปในจุดที่ต้องการนำเสนอและตอบสนองต่อความรู้สึกขณะหนังจบลงได้พอสมควร

ท้ายสุด 'Homestay' มีข้อความและเนื้อหาที่ดี สามารถดัดแปลงต้นฉบับได้ดี ผนวกด้วยอารมณ์ซีเรียสดราม่าเป็นผู้ใหญ่ ส่วนที่น่าเสียดายคือตัวละครแวดล้อมหรือความสัมพันธ์ระหว่างคนในครอบครัวที่หนังนำเสนอนั้นดูเบาบางเกินไป เพราะตัวหนังเองน่าจะเป็นหนังที่ให้กำลังใจคนในครอบครัวเดียวกันได้เป็นอย่างดี เพราะแง่มุมหนึ่ง หนังได้สะท้องความเป็นสถาบันครอบครัวที่ชักนำให้เด็กหนึ่งคนมีพฤติกรรมที่เป็นภัยต่อตัวเองและแน่นอนว่าต่อคนรอบข้างในท้ายที่สุด ครอบครัวจึงเป็นหัวใจหลักต่อการเลือกใช้ชีวิต ก่อนสภาพแวดล้อมในส่วนอื่น เช่น เพื่อนที่โรงเรียน เป็นต้น ถึงกระนั้น คุณค่าของชีวิตก็อยู่ที่เจ้าของชีวิตว่าจะให้คุณค่ามันมากแค่ไหน ไม่ใช่มากจากคนอื่นอย่างแน่นอน...

ขอให้มีความสุขกับการรับชมภาพยนตร์ครับ
ตัวอย่าง

ติดตามรีวิวภาพยนตร์ได้ที่
Page:
https://www.facebook.com/MoviesDelightClub/
Blog:
http://moviesdelightclub.blogspot.com/
Review: Homestay (ภาคภูมิ วงศ์ภูมิ, 2018) รีวิวโดย Form Corleone
"เราทุกคนมาอาศัยบนโลกนี้แค่เพียงชั่วคราว" เนื้อหาของ 'Homestay' ดัดแปลงจากต้นฉบับญี่ปุ่นให้พอเหมาะและอยู่ในระดับที่ดีสไตล์หนังไทย ไม่เนิบช้าจนเกินไป มีสาระที่ต้องการนำเสนอที่ดีและค่อนข้างสร้างสรรค์ให้เรามองเห็นคุณค่าของการมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ ชีวิตที่เรามาอาศัยเพียงชั่วคราว และต้องจากไปในที่สุดโดยที่ไม่มีใครหนีรอดหรือหนีพ้นไปได้ เราทุกคนล้วนต้องลาจากโลกนี้ไปไม่วันใดก็วันหนึ่ง เพียงแต่ใครจะจากไปก่อนกัน ใครจะลาโลกนี้ไปก่อนวัยอันควร ตัวละครในเรื่องจึงถูกสร้างมาให้เรามองย้อนนึกถึงคุณค่าของการมีชีวิต และแน่นอนว่า ห้วงเวลาการการได้ใช้ชีวิตนั้นมีคุณค่าเพียงใด หนังเลือกหยิบประเด็นนี้มานำเสนอ ผ่านความสัมพันธ์ที่ตัวละครประสบพบเจอ ผ่านสภาพแวดล้อมที่ก่อร่างสร้างอารมณ์ให้ตัวละครเลือกกระทำ จนไปถึงแสดงพฤติกรรมต่อต้านสภาพแวดล้อมเหล่านั้น ทั้งหมดถูกถ่ายทอดออกมาได้เป็นสูตรสำเร็จย่อยง่ายและตายตัวโดยไม่ต้องตีความใดๆทั้งสิ้น มันจึงต้องแลกมาด้วยความเรียบง่าย และไม่เกินคาดเดาจนทำให้เรื่องราวช่วงครึ่งหลังไม่ได้ทำให้เนื้อหาหรือสาสน์ที่หนังต้องการสื่อมีพลังหรือประทับใจกินใจสำหรับเรามากเท่าไหร่ เรื่องราวทั้งหมดดูจะเฉลยง่ายเกินไปสักนิด และขาดความไหลลื่นในความสัมพันธ์ระหว่างตัวละคร บางตัวละครที่น่าจะเป็นตัวแปรหลักสำคัญกลับถูกลดทอนลงไปและหายไปจากเรื่องราว เช่น ตัวพ่อกับพี่ชาย ที่น่าสนใจไม่แพ้ตัวละครอื่น แต่หนังเองกลับเลือกพยายามโฟกัสไปที่ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนรุ่นพี่(เฌอปราง) มากกว่า ซึ่งก็เข้าใจได้ว่าสามารถขายจุดนี้ต่อคนดูได้แน่นอน
ความไม่ไหลลื่นของหนัง และบทที่ดูขาดๆเกินๆในบางช่วง ทำให้ตัวละครดูไม่ค่อยเป็นธรรมชาติมากนัก ยกเว้นตัวละครหลัก เจมส์-ธีรดนย์ ศุภพันธุ์ภิญโญ ที่แสดงได้ดีมากๆ ส่วน 'เฌอปราง' นั้นแสดงได้ตามบทและให้อารมณ์ดราม่าที่ค่อนข้างดี ตัวละครสมทบในบทบาทผู้คุมถือว่าสร้างสีสันได้พอสมควร และมีไดอะล็อกที่ดีพอทำให้เราร่วมสนุกร่วมตื่นเต้น และตะลึงไปกับงาน CG ผสมเทคนิคต่างๆที่ทำได้ดีมากๆ การดำเนินเรื่องช่วงเวลาเริ่มต้นรู้สึกตื่นเต้นและน่าตามติดตัวละคร แต่กลางเรื่องหนังแทรกความสัมพันธ์ที่เป็นฉากๆมากเกินไปจนขาดความต่อเนื่อง แต่อย่างไรก็ตาม ด้วยความเข้มข้นของเนื้อหาสาระแฝงข้อคิด ก็สามารถทำให้เรามองข้ามข้อผิดพลาดต่างๆหรือตั้งคำถามต่อเหตุการณ์ที่ถูกเซ็ตติ้งเกินไปได้เพลินๆ ดังนั้น เมื่อมองภาพรวมแล้วตัวหนังสามารถพาตัวเองไปในจุดที่ต้องการนำเสนอและตอบสนองต่อความรู้สึกขณะหนังจบลงได้พอสมควร
ท้ายสุด 'Homestay' มีข้อความและเนื้อหาที่ดี สามารถดัดแปลงต้นฉบับได้ดี ผนวกด้วยอารมณ์ซีเรียสดราม่าเป็นผู้ใหญ่ ส่วนที่น่าเสียดายคือตัวละครแวดล้อมหรือความสัมพันธ์ระหว่างคนในครอบครัวที่หนังนำเสนอนั้นดูเบาบางเกินไป เพราะตัวหนังเองน่าจะเป็นหนังที่ให้กำลังใจคนในครอบครัวเดียวกันได้เป็นอย่างดี เพราะแง่มุมหนึ่ง หนังได้สะท้องความเป็นสถาบันครอบครัวที่ชักนำให้เด็กหนึ่งคนมีพฤติกรรมที่เป็นภัยต่อตัวเองและแน่นอนว่าต่อคนรอบข้างในท้ายที่สุด ครอบครัวจึงเป็นหัวใจหลักต่อการเลือกใช้ชีวิต ก่อนสภาพแวดล้อมในส่วนอื่น เช่น เพื่อนที่โรงเรียน เป็นต้น ถึงกระนั้น คุณค่าของชีวิตก็อยู่ที่เจ้าของชีวิตว่าจะให้คุณค่ามันมากแค่ไหน ไม่ใช่มากจากคนอื่นอย่างแน่นอน...
ขอให้มีความสุขกับการรับชมภาพยนตร์ครับ
ตัวอย่าง
ติดตามรีวิวภาพยนตร์ได้ที่
Page: https://www.facebook.com/MoviesDelightClub/
Blog: http://moviesdelightclub.blogspot.com/