บทความนี้ค่อนข้างยาวค่ะ แต่เราก็อยากให้ทุกคนอ่านให้จบค่ะ
สวัสดีค่ะ
ตอนนี้เราอายุ14ปี อยู่ชั้นม.3 เราเพิ่งจะเสียแม่ไปเพราะโรคร้ายในเวลาไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เราเลยต้องอยู่กับพ่อสองคน ซึ่งนิสัยของพ่อเราก็ค่อนข้างร่าอึดอัดนิดหน่อย ตอนที่แม่ยังอยู่ก็มักจะเถียงกันอยู่บ่อยๆและก็จบลงที่แม่ร้องไห้ทุกครั้ง เขาเป็นคนพูดจาแรง ใจร้อน แล้วก็คิดว่าตัวเองถูกเสมอไม่ว่าเรื่องอะไรๆ แต่เขาก็มีข้อดีคือรักครอบครัว จนบางทีเราก็รู้สึกน้อยใจ ที่เขาเป็นห่วงอามากกว่าเรา แต่เราก็เข้าใจเพราะอาแก่กว่าเราพ่อเลยต้องห่วงมากกว่าอยู่แล้ว เนื่องจากแม่เสียย่ากับอาก็มาอยู่เป็นเพื่อนพ่อบ่อยๆ และพอเราปิดเทอมวันแรกพ่อเราก็เข้ารพ.ผ่าตัดด่วน แผนที่เราตั้งไว้ก็ดับหมดทุกอย่างแต่เราก็ไม่ได้คิดอะไรมากเพราะมันจำเป็น เราไปนอนรพ.กับพ่อประมาณเกือบอาทิตย์และแน่นอนอากับย่าก็มาด้วย และพอพ่ออกจากรพ.ก็มาอยู่บ้านย่ากับอาก็ยังอยู่ดูแลต่อเพราะมันยังไม่หายสนิท เราทุกคนเลยต้องนอนชั้นล่างซึ่งมันก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่ว่าย่าเป็นคนนอนดึกมาก แกจะนอนเกือบๆเที่ยงคืนระหว่างนอนอยู่ก็จะเปิดทีวีดูไปด้วย คือถ้าแกไม่ง่วงทีวีก็ไม่ปิด และโชคไม่ดีที่เรานอนหน้าทีวี เราก็ต้องนอนเบ่งเนตรไปอย่างนั้น และย่ากับอาเป็นคนติดน้ำชาจะต้องกินทุกเช้า ถ้าอามาด้วยอาก็จะเป็นคนไปซื้อ แต่ถ้าอากลับบ้าน(บ้านอากับย่าอยู่นคร)เราก็จะเป็นคนไปซื้อแทน นั้นแหละเนื่องจากเรานอนไม่พอนอนเที่ยงคืนตื่นแปดโมง บางวันก็เจ็ดโมง หกโมง แล้วต้องเดินไปซื้อของกินนู่นนี่มา และระยะทางจากบ้านเราไปตลาดก็ไม่ใช่เล่นๆ แต่ก็ยังดีที่บ้านเราอยู่ใรเมืองนั่งรถไปได้แต่บางทีไม่มีรถก็ต้องเดินเอา โคตรเหนื่อย และวันนี้คือวันที่เราปรี้ดแตก เมื่อคืนเรานอนดึกมากๆ เพราะย่าไม่ง่วงแกเลยเปิดทีวีดูดูอย่างนั้นไอเราก็เหนื่อยมากๆมันสะสมมาหลายวัน จะบอกแกก็เกรงใจอีกเดิ๋ยวโดนว่า สรุปคือเราก็หลับไปตอนไหนไม่รู้แต่ที่รู้ๆคือทีวียังเปิดอยู่ เราก็หลับๆตื่นๆ และพอเช้าเราก็ตื่นมาเพราะเสียงทีวี แต่เราก็พยายามข่มตาลับต่อ และพ่อเราก็ปลุกเราให้เราไปทิ้งขยะ(นั่งรถไปกับพ่อ) อืมเราก็ไปเพราะมันไม่มีใครทำอีกแล้วถ้าไม่ใช่เรา และระหว่างทางก็แวะกินข้าวแล้วก็ซื้อกลับบ้านมาฝากย่า(อากลับบ้านไปแล้วน) เราก็เอากับข้าวที่เหลือไปทิ้งแล้วล้างจานตามปกติ แล้วเราก็เป็นคนประเภททำงานไม่ค่อยระวัง ระหว่างล้างจานมือเราลื่นจานเลยตกลงบนอ่างเสียงดัง(แต่จานไม่แตก)และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกบอกไว้เลย ปกติไม่มีใครมาว่าเราหรอก แต่วันนี่อาจเป็นเพราะพ่อหงุดหงิดเราเมื่อตอนเช้า พอดีว่าย่าเขาฝากเติมเงินมือถือแต่เราไม่รู้ค่ายเลยโทรถามคนที่เติมให้ประจำ ปกติเราเป็นคนพูดเสียงเบาและตอนโทรกันปลายสายก็ห๊ะๆๆๆอยู่อย่างนั้นแต่ก็ได้คำตอบมา ปกติเวลาเราโทรคุยกับคนอื่นเราก็ใช้เสียงประมาณนี้ทำไมเขาได้ยินกันหมด เราก็ไม่ได้อะไรหรอกแต่ดูเหมือนพ่อจะไม่ชอบที่เราพูดเบาแล้วปลายสายเขาไม่ได้ยิน เลยมาเป็นเหตุการ์ณตอนนี้ เขาเดินเข้าในครัว ทำหน้าทำตาใส่อารมณ์ว่าเรา ว่าทำอะไรเสียงดังแล้วก็ว่าเราฉอดๆ เราก็บอกกลับไปว่า ก็มันลื่นอ่ะ แล้วเขาก็เดินออกไป ไปว่าเราให้ย่าฟังว่า เถียงอยู่ได้ไม่รู้จักโตเลยอย่างโน้นอย่างนี้ ย่าแกก็จิตใตดีพยายามแก้ต่างให้เราว่าเราอ่ะอธิบายไม่ได้เถียงหรอก แต่ไม่ว่าย่าแกจะพูดยังไง เราก็ยังได้ยินเสียงของพ่อที่ด่าทอเรามาจากห้องนั่งเล่น ตอนนั้นเรารู้สึกแย่มาก จนน้ำตามันไหลออกมา เราคิดย้อนกลับไปในอดีตตั้งแต่ตอนที่แม่เรายังอยู่ กาลเวลาไม่เคยทำให้เขาเปลื่ยนไปเลย ตอนนั้นเป็นเหตุการ์ณที่เขาทะเลาะกับแม่แรงที่สุดที่เราเคยเห็นพ่อเอาแต่ว่าแม่ไม่มีเหตุผลด้วยคำพูดแรงๆ ทั้งเราทั้งแม่ร้องไห้ พ่อบอกว่าจะหย่า(เราอายุ12) แล้วแม่เราก็ขอไว้ว่าเห็นแก่เราเถอะ แม่ก็ไม่ค่อยสบายคงเลี้ยงเราคนเดียวไม่ไหว พ่อก็เลยพูดสัญญาเอาไว้ว่าจะดูแลลูกจะไม่ทำให้ลูกเสียใจ แต่ความจริงมันก็แค่คำพูดไร้ความหมายที่พูดเพื่อให้จบๆแค่นั้นเอง ความกดดันทุกอย่างที่เราเก็บไว้มาทำให้น้ำตาเราไหลเพิ่มขึ้นไปเองทั้งน้ำตาน้ำมูกออกมาหมดขณะล้างจานเราก็ล้างให้หมดๆแต่ก็ยังร้องไห้อยู่ ตอนนั้นเราโคตรเสียความรู้สึก เราคิดอยากจะไปหาแม่เลย เราอุตสาห์ทำทุกอย่างแทนเขาเพราะเห็นว่าเขายังไม่หายดีและเห็นแก่ความเป็นพ่อ ทั้งเก็บขยะ ล้างจาน ทิ้งขยะ เอากับข้าวใส่จาน เก็บผ้า ซักผ้า ตากผ้า บลาๆ เราเป็นคนที่ค่อนข้างใส่ใจกับอะไรละเอียดอ่อนที่ส่งผลกระทบต่อความรู้สึกของคนอื่นและตัวเรา ดังนั้นการแสดงออกของคนรอบข้างเราก็ดูตลอดถึงแม้เขาจะไม่ได้ตั้งใจหรือตั้งใจแสดงมันออกมา และพ่อเราพูดได้เลยว่าไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษ ตอนซื้อกับข้าวก็ให้เราถือทั้งหมด เราก็บอกให้แกถือบ้างแกก็เงียบ โคตรไม่ชอบ ตอนแม่ยังอยู่ก็เป็นงี้ไม่เคยช่วยแม่เลย แม่เสียแล้วก็ยังเหมือนเดิม เราสุดจะทนแล้วกับคนนี้ เราเลยเหอะชั่ง

และรอบนี้เราจะไม่ยอมถูกยัดเหยียดความผิดให้เหมือนทุกครั้ง เราจะไม่อยู่เฉยปล่อยให้โดนด่าว่าเมื่อแต่ก่อน เราจะให้เขารู้สึกผิดและเจ็บปวดซะบ้าง เพราะสิ่งที่เขากระทำลงไปในบางอย่างอาจจะฆ่าชีวิตใครคนหนึ่งได้โดยไม่รู้ตัวเลย
ขอบคุณนะคะ ที่อ่านมาจนถึงตอนนี้
แต่ก็คิดว่าส่วนใหญ่น่าจะออกกันก่อนจบแล้วล่ะ555
พอได้ระบายอะไรๆออกไปมันก็รู้สึกดีขึ้นนะคะ
เวลาทุกคนมีเรื่องทุกข์ใจก็อย่าเก็บกับตัวเองนะคะ
เดิ๋ยวจะกลายเป็นคนที่กดดันตัวเองแบบเรา
ปรึกษาคนที่ไว้ใจที่สุด ถ้าไม่รู้จะปรึกษาใคร
คุณยังมีโลกอินเทอร์เน็ต โลกที่ไม่ต้องเผิดเผยตัวตนก็สามารถระบายออกมาได้
แต่ก็ต้องใช้ให้ถูกอ่ะนะ
พูดถึงเรื่องอาการกดดันตัวเองของเรา เราไม่ได้ตั้งใจจะกดดันแต่มันมักจะเป็นทุกครั้งที่เราเศร้า เรารู้ว่ามันเกิดขึ้นกับเราแต่เราก็ไม่เคยบอกใครเพราะเขาน่าจะคิดว่าเราไร้สาระนั้นแหละ และแน่นอนเราไม่เคยไปปรึกษาแพทย์ด้วย ก็เลยแท็กสุขภาพจิต เพราะคิดว่าอาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย
ปัญหาวัยรุ่นนี่เกี่ยวรึเปล่านะ เราก็ไม่รู้หรอกแต่เราอยู่ม.3ก็น่าจะอยู่ช่วงวัยรุ่นแท็กไว้ก็ไม่น่ามีปัญหา(มั้งนะ)
ปัญหาชีวิตนี่เป็นคำแท็กที่หนักหน่วง เพราะชีวิตของคนเราเจอเหตุการ์ณที่แตกต่างกัน เราเลยคิดว่าแท็กอันนี้น่าตะดีอยู่เพราะมันเหมือนเป็นการแชร์ประสบกาน์ณและปัญหาในชีวิตที่เราพบเจอให้คนอื่นๆได้อ่านกัน
//ถ้าแท็กอะไรไม่ถูก ก็ต้องขออภัยไว้ณที่นี้ด้วย//
ขอพื้นที่ระบายหน่อยนะคะ(ครอบครัว)
สวัสดีค่ะ
ตอนนี้เราอายุ14ปี อยู่ชั้นม.3 เราเพิ่งจะเสียแม่ไปเพราะโรคร้ายในเวลาไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เราเลยต้องอยู่กับพ่อสองคน ซึ่งนิสัยของพ่อเราก็ค่อนข้างร่าอึดอัดนิดหน่อย ตอนที่แม่ยังอยู่ก็มักจะเถียงกันอยู่บ่อยๆและก็จบลงที่แม่ร้องไห้ทุกครั้ง เขาเป็นคนพูดจาแรง ใจร้อน แล้วก็คิดว่าตัวเองถูกเสมอไม่ว่าเรื่องอะไรๆ แต่เขาก็มีข้อดีคือรักครอบครัว จนบางทีเราก็รู้สึกน้อยใจ ที่เขาเป็นห่วงอามากกว่าเรา แต่เราก็เข้าใจเพราะอาแก่กว่าเราพ่อเลยต้องห่วงมากกว่าอยู่แล้ว เนื่องจากแม่เสียย่ากับอาก็มาอยู่เป็นเพื่อนพ่อบ่อยๆ และพอเราปิดเทอมวันแรกพ่อเราก็เข้ารพ.ผ่าตัดด่วน แผนที่เราตั้งไว้ก็ดับหมดทุกอย่างแต่เราก็ไม่ได้คิดอะไรมากเพราะมันจำเป็น เราไปนอนรพ.กับพ่อประมาณเกือบอาทิตย์และแน่นอนอากับย่าก็มาด้วย และพอพ่ออกจากรพ.ก็มาอยู่บ้านย่ากับอาก็ยังอยู่ดูแลต่อเพราะมันยังไม่หายสนิท เราทุกคนเลยต้องนอนชั้นล่างซึ่งมันก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่ว่าย่าเป็นคนนอนดึกมาก แกจะนอนเกือบๆเที่ยงคืนระหว่างนอนอยู่ก็จะเปิดทีวีดูไปด้วย คือถ้าแกไม่ง่วงทีวีก็ไม่ปิด และโชคไม่ดีที่เรานอนหน้าทีวี เราก็ต้องนอนเบ่งเนตรไปอย่างนั้น และย่ากับอาเป็นคนติดน้ำชาจะต้องกินทุกเช้า ถ้าอามาด้วยอาก็จะเป็นคนไปซื้อ แต่ถ้าอากลับบ้าน(บ้านอากับย่าอยู่นคร)เราก็จะเป็นคนไปซื้อแทน นั้นแหละเนื่องจากเรานอนไม่พอนอนเที่ยงคืนตื่นแปดโมง บางวันก็เจ็ดโมง หกโมง แล้วต้องเดินไปซื้อของกินนู่นนี่มา และระยะทางจากบ้านเราไปตลาดก็ไม่ใช่เล่นๆ แต่ก็ยังดีที่บ้านเราอยู่ใรเมืองนั่งรถไปได้แต่บางทีไม่มีรถก็ต้องเดินเอา โคตรเหนื่อย และวันนี้คือวันที่เราปรี้ดแตก เมื่อคืนเรานอนดึกมากๆ เพราะย่าไม่ง่วงแกเลยเปิดทีวีดูดูอย่างนั้นไอเราก็เหนื่อยมากๆมันสะสมมาหลายวัน จะบอกแกก็เกรงใจอีกเดิ๋ยวโดนว่า สรุปคือเราก็หลับไปตอนไหนไม่รู้แต่ที่รู้ๆคือทีวียังเปิดอยู่ เราก็หลับๆตื่นๆ และพอเช้าเราก็ตื่นมาเพราะเสียงทีวี แต่เราก็พยายามข่มตาลับต่อ และพ่อเราก็ปลุกเราให้เราไปทิ้งขยะ(นั่งรถไปกับพ่อ) อืมเราก็ไปเพราะมันไม่มีใครทำอีกแล้วถ้าไม่ใช่เรา และระหว่างทางก็แวะกินข้าวแล้วก็ซื้อกลับบ้านมาฝากย่า(อากลับบ้านไปแล้วน) เราก็เอากับข้าวที่เหลือไปทิ้งแล้วล้างจานตามปกติ แล้วเราก็เป็นคนประเภททำงานไม่ค่อยระวัง ระหว่างล้างจานมือเราลื่นจานเลยตกลงบนอ่างเสียงดัง(แต่จานไม่แตก)และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกบอกไว้เลย ปกติไม่มีใครมาว่าเราหรอก แต่วันนี่อาจเป็นเพราะพ่อหงุดหงิดเราเมื่อตอนเช้า พอดีว่าย่าเขาฝากเติมเงินมือถือแต่เราไม่รู้ค่ายเลยโทรถามคนที่เติมให้ประจำ ปกติเราเป็นคนพูดเสียงเบาและตอนโทรกันปลายสายก็ห๊ะๆๆๆอยู่อย่างนั้นแต่ก็ได้คำตอบมา ปกติเวลาเราโทรคุยกับคนอื่นเราก็ใช้เสียงประมาณนี้ทำไมเขาได้ยินกันหมด เราก็ไม่ได้อะไรหรอกแต่ดูเหมือนพ่อจะไม่ชอบที่เราพูดเบาแล้วปลายสายเขาไม่ได้ยิน เลยมาเป็นเหตุการ์ณตอนนี้ เขาเดินเข้าในครัว ทำหน้าทำตาใส่อารมณ์ว่าเรา ว่าทำอะไรเสียงดังแล้วก็ว่าเราฉอดๆ เราก็บอกกลับไปว่า ก็มันลื่นอ่ะ แล้วเขาก็เดินออกไป ไปว่าเราให้ย่าฟังว่า เถียงอยู่ได้ไม่รู้จักโตเลยอย่างโน้นอย่างนี้ ย่าแกก็จิตใตดีพยายามแก้ต่างให้เราว่าเราอ่ะอธิบายไม่ได้เถียงหรอก แต่ไม่ว่าย่าแกจะพูดยังไง เราก็ยังได้ยินเสียงของพ่อที่ด่าทอเรามาจากห้องนั่งเล่น ตอนนั้นเรารู้สึกแย่มาก จนน้ำตามันไหลออกมา เราคิดย้อนกลับไปในอดีตตั้งแต่ตอนที่แม่เรายังอยู่ กาลเวลาไม่เคยทำให้เขาเปลื่ยนไปเลย ตอนนั้นเป็นเหตุการ์ณที่เขาทะเลาะกับแม่แรงที่สุดที่เราเคยเห็นพ่อเอาแต่ว่าแม่ไม่มีเหตุผลด้วยคำพูดแรงๆ ทั้งเราทั้งแม่ร้องไห้ พ่อบอกว่าจะหย่า(เราอายุ12) แล้วแม่เราก็ขอไว้ว่าเห็นแก่เราเถอะ แม่ก็ไม่ค่อยสบายคงเลี้ยงเราคนเดียวไม่ไหว พ่อก็เลยพูดสัญญาเอาไว้ว่าจะดูแลลูกจะไม่ทำให้ลูกเสียใจ แต่ความจริงมันก็แค่คำพูดไร้ความหมายที่พูดเพื่อให้จบๆแค่นั้นเอง ความกดดันทุกอย่างที่เราเก็บไว้มาทำให้น้ำตาเราไหลเพิ่มขึ้นไปเองทั้งน้ำตาน้ำมูกออกมาหมดขณะล้างจานเราก็ล้างให้หมดๆแต่ก็ยังร้องไห้อยู่ ตอนนั้นเราโคตรเสียความรู้สึก เราคิดอยากจะไปหาแม่เลย เราอุตสาห์ทำทุกอย่างแทนเขาเพราะเห็นว่าเขายังไม่หายดีและเห็นแก่ความเป็นพ่อ ทั้งเก็บขยะ ล้างจาน ทิ้งขยะ เอากับข้าวใส่จาน เก็บผ้า ซักผ้า ตากผ้า บลาๆ เราเป็นคนที่ค่อนข้างใส่ใจกับอะไรละเอียดอ่อนที่ส่งผลกระทบต่อความรู้สึกของคนอื่นและตัวเรา ดังนั้นการแสดงออกของคนรอบข้างเราก็ดูตลอดถึงแม้เขาจะไม่ได้ตั้งใจหรือตั้งใจแสดงมันออกมา และพ่อเราพูดได้เลยว่าไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษ ตอนซื้อกับข้าวก็ให้เราถือทั้งหมด เราก็บอกให้แกถือบ้างแกก็เงียบ โคตรไม่ชอบ ตอนแม่ยังอยู่ก็เป็นงี้ไม่เคยช่วยแม่เลย แม่เสียแล้วก็ยังเหมือนเดิม เราสุดจะทนแล้วกับคนนี้ เราเลยเหอะชั่ง
ขอบคุณนะคะ ที่อ่านมาจนถึงตอนนี้
แต่ก็คิดว่าส่วนใหญ่น่าจะออกกันก่อนจบแล้วล่ะ555
พอได้ระบายอะไรๆออกไปมันก็รู้สึกดีขึ้นนะคะ
เวลาทุกคนมีเรื่องทุกข์ใจก็อย่าเก็บกับตัวเองนะคะ
เดิ๋ยวจะกลายเป็นคนที่กดดันตัวเองแบบเรา
ปรึกษาคนที่ไว้ใจที่สุด ถ้าไม่รู้จะปรึกษาใคร
คุณยังมีโลกอินเทอร์เน็ต โลกที่ไม่ต้องเผิดเผยตัวตนก็สามารถระบายออกมาได้
แต่ก็ต้องใช้ให้ถูกอ่ะนะ
พูดถึงเรื่องอาการกดดันตัวเองของเรา เราไม่ได้ตั้งใจจะกดดันแต่มันมักจะเป็นทุกครั้งที่เราเศร้า เรารู้ว่ามันเกิดขึ้นกับเราแต่เราก็ไม่เคยบอกใครเพราะเขาน่าจะคิดว่าเราไร้สาระนั้นแหละ และแน่นอนเราไม่เคยไปปรึกษาแพทย์ด้วย ก็เลยแท็กสุขภาพจิต เพราะคิดว่าอาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย
ปัญหาวัยรุ่นนี่เกี่ยวรึเปล่านะ เราก็ไม่รู้หรอกแต่เราอยู่ม.3ก็น่าจะอยู่ช่วงวัยรุ่นแท็กไว้ก็ไม่น่ามีปัญหา(มั้งนะ)
ปัญหาชีวิตนี่เป็นคำแท็กที่หนักหน่วง เพราะชีวิตของคนเราเจอเหตุการ์ณที่แตกต่างกัน เราเลยคิดว่าแท็กอันนี้น่าตะดีอยู่เพราะมันเหมือนเป็นการแชร์ประสบกาน์ณและปัญหาในชีวิตที่เราพบเจอให้คนอื่นๆได้อ่านกัน
//ถ้าแท็กอะไรไม่ถูก ก็ต้องขออภัยไว้ณที่นี้ด้วย//