[CR] SAMUI FIRST TIME เกิดมา 30 กว่าปี พึ่งจะเคยไปสมุย

สวัสดีครับ… ทริปนี้เป็นทริปไปสมุยแบบครั้งแรก
เลยอยากแชร์ประสบการณ์รอบนี้ฮะ เผื่อมีใครอยากไปสมุยในสายนี้บ้าง

ทริปสมุยครั้งแรกของคุณคือเมื่อไรครับ?
สำหรับผมตอนอายุ 32 ปี!!! ขึ้นเหนือลงใต้ไปออกตกมาก็ไม่น้อย ต่างประเทศก็เรื่อยๆ
เพื่อนๆ หลายคนอาจจะอยากรีบคอมเมนต์มาต่อทันทีว่า ไม่อยู่ไหนมา มาสมุยอะไรเอาป่านนี้
แต่ก็นั่นแหละฮะ กว่าโอกาสจะเดินทางมาถึง
เผอิญมีน้องที่รู้จักติดต่อให้ไปถ่ายรูปบรรยากาศในโรงแรม รวมถึงบรรยากาศต่างๆ บนเกาะสมุยเพื่อนำไปใช้ลงในอินสตาแกรมของทางโรงแรม

จากเกาะสมุยในฝัน ก็กลายเป็นสมุย…ที่เป็นจริงเลยสิฮะ!!!

ได้เที่ยวสมุยครั้งแรกพร้อมๆ ไปกับการทำงานจะเป็นยังไง ตามไปดูกันเลยฮะ
อ้อ ทริปนี้ผมมีเพื่อน(หนุ่ม)ร่วมทริปที่มาสมุยครั้งแรกด้วยกันอีก 1 คนถ้วน

สรุปคร่าวๆ ของทริปนี้
ขึ้นรถทัวร์ที่ถนนข้าวสาร /  นอนบ้านไทย / การค้นพบเนินทรายในทะล / หมู่เกาะอ่างทอง

ภาพจากอ่าวพระใหญ่

เริ่มจริงๆ ละครับ
ออกเดินทางกัน ช่วง 2 ทุ่ม วันที่ 26 ก.ย. 61 ครับ และจุดขึ้นรถทัวร์ที่ถนนข้าวสาร .. !?
ตอนแรกงงมาก ปกติเคยไปทางภาคใต้นี่จริงๆ น่าจะขึ้นรถที่หมอชิตหรือสายใต้ใหม่ ก็คิดว่าฟังผิด…รึเปล่านะ
จนมาถึงบางอ้อ…ออออออ ตอนไปถึงสถานที่นัด เพราะสถานที่นัดนั้นเป็นบริษัททัวร์ ไทยศรีราม
คือ ไทยศรีราม เป็นบริษัททัวร์ที่บริการเดินทางที่ถนนข้าวสารฮะ เพิ่งจะรู้ว่าฝรั่งที่มาเที่ยวถนนข้าวสารเนี่ย สามารถต่อรถไปเที่ยวต่อ เชียงใหม่ ภูเก็ต หรือสมุย จากที่นี่ได้เลย ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปต่อรถที่ หมอชิต หรือ สายใต้ใหม่ ก็สะดวกสบายดี
จากการที่เคยไปรอรถที่หมอชิตหรือสายใต้ใหม่เทียบกับถนนข้าวสาร
แล้วการรอรถที่ข้าวสารนี่ก็…ชิลมาก เดินเล่น หาร้านข้าวกินได้สบายๆ บรรยากาศต่างจากบขส. แปลกดี



โดยรอบที่ผมกับเพื่อนอีกคนต้องไปสมุย จำนวนผู้โดยสารทั้งคันสรุปรวมมีคนนั่งรถไปทั้งหมด 6 คนถ้วน
ฝรั่ง 2 คนที่นั่งหน้าผมเดินทางไปภูเก็ต ซึ่งเค้าจะมีแวะลงที่ จ.สุราษฏร์ธานี แล้วต่อรถไปยัง จ.ภูเก็ตอีกที
ส่วนฝรั่งอีก 2 คนไปสมุยเหมือนกันแต่กระโดดขึ้นรถที่หัวหิน (อย่างน้อยก็มีเพื่อนนั่งไปด้วยละ)
และ 2 คนสุดท้ายคือผมกับเพื่อนนั่นเอง ส่วนขากลับจะต่างจากขาไปเล็กน้อย
ของผม เล่าในส่วนขากลับแหละกัน ตัดตอนนิดหน่อย เพราะขาไปก็นั่งรถทัวร์นี่โลดลงท่าเรือ
แต่ตอนขากลับมีรถตู้มารับที่ท่าเรือ แล้วพาไปส่งเราที่บขส.สุราษฏร์ แล้วต่อรถทัวร์ VIP
แบบที่มีแวะกินข้าวกลางทางเรียบร้อย
โดยสรุปคือ ไทยศรีราม จะพยายามบริการรถให้เราได้จงได้ครับ (ฮา)
เพราะถ้าเป็นช่วง High Season พะงันฟูลมูน รถส่วนใหญ่จะเต็มและเต็ม จองรถยาก
รถที่วิ่งไปสมุยก็จะหนาแน่นขึ้นเป็นปกติ เค้าก็เลยใช้วิธีอะไรเช่นนี้ ซึ่งเดินทางจริงก็ไม่ได้วุ่นวายอย่างที่คิด


ตัดตอนมาที่ท่าเรือ เช้าตรู่ของวันที่ 27 ก.ย. 61
นั่งมาเรื่อยๆ มีแวะที่ทับสะแก 1 รอบและยิงยาว นอนสบายยัน ดอนสัก ท่าเรือซีทรานเฟอร์รี่ แล้วก็ทางไทยศรีรามเค้าก็ใจดีบริการการจัดส่งเราแบบยันที่พักด้วย โดยให้ตั๋วเรามาแลกตั๋วลงเรือได้เลย โดยค่าใช้จ่ายทั้งหมดเค้าคิดรวมมาตั้งแต่ตอนแรกแล้ว (สรุปค่าใช้จ่ายไถไปล่างสุดได้เลย)
สำหรับเรือที่เรานั่งไปเกาะสมุยเป็นเรือของบริษัทซีทรานเฟอร์รี่ ซึ่งเป็นเรือใหญ่สุดในชีวิตเท่าที่ได้เคยนั่งมาเลย ปกติไปแต่เกาะสีชัง เกาะล้าน เกาะช้างงี้ เจอเรือใหญ่บึ้มอย่างงี้ก็แอบตื่นเต้นเหมือนกัน (ซึ่งพอขากลับลำใหญ่กว่านี้อีก)
บนเรือให้บริการ 3 ชั้น ชั้นล่างสุดเป็นที่จอดรถต่างๆ ชั้นสองเป็นโซนห้องแอร์เก้าอี้แบบรวทัวร์ VIP มินิมาร์ท และร้านนวด …
ดีแฮะ … นั่งนวดเท้าระหว่างเดินทางข้ามเกาะที่ก็ชิวดีมาก ส่วนชั้นสามของเรือลำนี้ก็เป็นด่านฟ้าแต่มีหลังคา ให้รับแดด รับลม ชิมวิว ส่วนตัวผมเดินวนถ่ายรูปเพลินมากๆ เนื่องจากเป็นช่วง Low Season บวกกับยังเป็นรอบเช้าด้วยคนเลยบางตามากๆ ได้เก็บรูปเพลินๆ ก่อนถึงเกาะสมุย





ถึงเกาะสมุยแล้วว พี่ๆ จากไทยศรีรามก็ถือป้ายรอรับเราขึ้นรถตู้พาไปส่งที่โรงแรมทันที ไม่ปล่อยให้ต้องรอนาน ฝั่งโรงแรมแรกที่ผมอยู่จะนั้นอยู่แถบบ่อผุด หรือ Fisherman Village  อยู่ด้านเฉียงขวาบนของเกาะ เอาเข้าจริงๆ ก็แอบรู้สึกว่านั่งรถบนสมุยนี่ก็แอบไกลและกินเวลานานกว่าที่คิด กว่าจะเดินทางถึงโรงแรมนั่งยาวไป 30-45 นาทีเลยทีเดียว
และโรงแรมแรกที่ผมมาพักก็คือ โรงแรมบ้านสบาย แอนด์ สปา ครับ เป็นโรงแรมสไตล์บ้านทรงไทยอยุธยา มีห้องพัก 5 ห้องเท่านั้น ได้เป็นส่วนตัวอย่างเต็มที่แน่นอน  แว้บแรกก็รู้สึกว่า ขลังและเป็นเรือนไทยที่แท้ทรูจนมีภาพหลายอย่างวนเข้ามาในหัว
จากที่ได้ลองพูดคุยกับคุณป้าที่ดูแลที่พักเค้าก็เล่าว่าปกติที่นี่มีแต่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมาพัก แทบจะไม่ค่อยมีคนไทยมาเท่าไรนัก นี่ผมเป็นคนไทยไม่กี่คนที่ได้มาพักที่นี่หรือนั่น !! โดยห้องที่ผมได้พักเป็นห้องท็อปเทพของที่นี่ โซนการใช้งานในห้องนี่ดูดีชิลๆเลย แต่…แต่…แต่มันเขินตรงห้องน้ำนี่แหละ !!! มีแค่เพียงผ้าม่าน พริ้วๆ บางๆ ไหวๆ กั้นเอาไว้เท่านั้น และดันมากับเพื่อน…ด้วยเนี่ยสิ
ตัดภาพมาโซนด้านนอกกันบ้าง เค้ามีศาลาให้นอนเล่นตากลมทะเลด้วย นี่แหละสิ่งที่ดีงามที่ถูกใจผมที่สุด <3 เป็นศาลาที่มีที่นอนให้เราได้เกลือกกลิ้งรับลมทะเล ไปนอนเล่นๆ นี่ก็เกือบวูบหลับยาวไปเมื่อกัน ตื่นๆ หลับนานไป ไม่ได้ถ่ายรูปกันพอดี




อีกเรื่องที่เราต้องทำครับคือการเช่ารถมอเตอร์ไซค์ อันนี้สนองนี้ดตัวเองที่อยากขี่ไปเที่ยวหามุมถ่ายรูปบนเกาะ หรือเอาไว้ขี่หาร้านข้าวกิน(อย่างหลังนี่สำคัญมาก) แล้วก็โชคดีมากที่หน้าที่พักมีร้านเช่ามอเตอร์ไซค์พอดีเลย
กำกระเป๋าตังค์ดุ๋ยๆ ไปเจรจา สิ่งที่ได้คือค่าเช่ามอเตอร์ไซค์ 250 บาท และมัดจำ 5,000 บาท
โอเค…เดินกลับเข้าโรงแรมทันที ต้องจ่ายเงินมัดจำกันราคาครึ่งหมื่น บายฮะ (บอกว่าจนก็ดูไม่เท่สิเนอะ) ซมซานมาที่ที่พัก ปรากฏว่าที่พักบอกมีบริการเช่ามอเตอร์ไซค์นะ และดูแลเรื่องค่ามัดจำให้ด้วย ส่วนเจ้าของมอเตอร์ไซค์ที่ที่พักดิลไว้ นั่งรออยู่สักพักเขาก็ขี่มอไซค์มาส่ง จัดการเซ็นเอกสารต่างๆ และรับบรีฟวิธีส่งมอเตอร์ไซค์คืน ซึ่งก็คือ จอดไว้ที่ไหนก็ได้แล้วโทรบอกเค้า เดี๋ยวเค้าขี่ไปรับเอง

เดี๋ยวๆๆๆๆ ยังไปไหนไม่ได้ เพื่อนรีบตะโกนบอกว่าเราโปรแกรมของที่พักที่จัดให้แล้ว และก็คือ การนวดสปา ครับ
ก็นะชื่อโรงแรมเค้าก็บอกอยู่ว่า บ้านสบาย แอนด์ สปา อะเนอะ ด้วยความที่เค้าจัดโปรแกรมมาให้เรา เราก็ต้องถ่ายรูปให้เค้าไว้ด้วย ก็ถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกซะหน่อยละกัน และก็…ครับรูปที่เราถ่ายมานั้นค่อนข้างต่างจากการนวดสปาที่เพื่อนๆ คุ้นชินแน่ๆ แบบที่เราคุ้นเคยมากๆ เพราะปกตินางแบบจะเป็นผู้หญิง ส่วนเราก็เอาเพื่อนชายเรามาถ่ายแทน แปลกๆ แต่ก็พอได้เนอะ เรื่องการนวดที่ศาลารับลมทะเลแบบนี้มันก็สบายหายห่วงจริงๆ (หลับไปยก)
โดยส่วนใหญ่แขกที่มานวดจะเป็นชาวต่างชาติ แวะมานวดก่อนไปเที่ยวต่อที่ Coco tam ตอนกลางคืน ส่วนเพื่อนๆคนไทยแนะนำเพื่อนต่างชาติ มาสัมผัสการนวดแบบบรรยากาศไทยๆ ได้นะครับ



นวดเสร็จก็ราวๆ 4 โมงเย็นแล้วครับ แดดร่มลมตก ตัวสบายก็ออกไปถ่ายรูปต่อ และออกสำรวจฝั่งทะเลด้านหลังที่พักกันสักหน่อย หาดด้านหลังที่พักเป็นหาดแบบ…เอ่อนี่ทะเลนะ ไปถ่ายรูปไปเดินเล่นเอาบรรยากาศนี่โอเคเลย
แต่ลงไปเล่นก็ไม่ค่อยฟินเท่าไร คนน้อยมาเหมือนเป็นหาดส่วนตัว มีร้านอาหารระดับหรูอยู่ติด
โรงแรมด้วย ขายอาหารเป็นคอร์ส และมีคอร์สแบบ dinner ใต้แสงเทียนริมหาดสำหรับคู่รัก
และสำหรับคู่เพื่อนอย่างเราล่ะ เพื่อนผมลองไปวิ่งออกกำลังกายริมหาด มันบอกว่าเป็นที่วิ่งออกกำลังกายดี วิ่งเลาะหาดได้เรื่อยๆ หลายกิโลอยู่ ซึ่งตอนนั่งถ่ายรูปอยู่ก็เจอคนวิ่ง คนพาน้องหมามาวิ่งเรื่อยๆ



ระหว่างถ่ายรูปอยู่เหลือบไปเห็นว่า มีเนินหาดอยู่กลางทะเล !!!
เหมือนว่าเป็นช่วงที่น้ำลงแล้วเนินทรายก็ค่อยๆ โผล่กลางทะเล ก็เลยมีกลุ่มคนจำนวนหนึ่งก็เดินลัดเลาะ ไปเนินทรายนั้นกัน…และมีรึเราจะไม่ไปด้วย
ปรากฏว่าพอเริ่มเดินๆ ไปที่บริเวณใต้น้ำทะเลที่แลดูเหมือนเป็นเนินทรายนั้น เต็มไปด้วยโขดหิน …
เดินไปก็เหยียบหินไปอย่างเก้ๆ กังๆ ต้องระวังไม่ให้ลืมลงทะเล เพราะดันทะลึ่งแบกกล้องไปด้วย !!
เข่าชนหินบ้าง เหยียบปะกะรัง ทุลักทะเลมากๆ และสุดท้ายเพื่อนที่คอยช่วยพยุงก็กวาดมือในน้ำแล้วเจออะไรบางอย่างเป็นแท่งๆ ยาวๆ นี่มันนนนนน…เม่นทะเล กว่าจะรู้ตัวก็ทิ่มเข้าไปที่นิ้วเรียบร้อยแล้ว
หลังจากนั้นต่างคนก็มองหน้ากัน และบอกว่า “กลับเถอะ” เดินมาได้ครึ่งทางก็กลับละ ได้แต่ปลอบใจตัวเองว่าไม่เป็นไรนะอย่างน้อยก็ได้แต่ถ่ายรูปน้องๆ ที่เล่นบนเนินทรายอย่างสนุกสนาน หึๆ;__;




กลางคืนเราไปสำรวจสถานที่เที่ยวยอดฮิต Fishman Village หรือ หมู่บ้านชาวประมง เป็นเหมือนถนนคนเดินที่เกาะสมุย และก็เจอเวทีมวยกำลังต่อยกันอยู่พอดีด้วย มีทั้งไทยมุงฝรั่งมุงแน่นเต็มรอบเวทีเลยฮะ ด้วยความเป็นตลาดนี้เป็นย่อมๆ คนเลยเยอะเป็นพิเศษ ส่วนผมกับเพื่อนก็ตัดสินใจเรื่องร้านสำหรับมื้อเย็นนี้กันหนักมาก ไปๆ มาๆ ด้วยความที่นานๆ เจอกันที มื้อเย็นบนเกาะสมุยเลยจบลงที่ Pizza com … บรรยากาศกิน Pizza รายล้อมไปด้วยฝรั่งก็บรรยากาศแปลกไปอีกแบบเหมือนกัน อิ่มอร่อยถูกใจแน่นอน 555

บรรยากาศกลางคืนมองไปอีกฝากหนึ่งของอ่าว
ชื่อสินค้า:   เกาะสมุย
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง โดยได้รับส่วนลดหรือสิทธิพิเศษจากเจ้าของสินค้าเพื่อแลกกับการรีวิว
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างแต่ได้รับผลประโยชน์อย่างอื่น เช่น บัตรกำนัล ค่าเดินทางตามจริง
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  บันทึกนักเดินทาง เที่ยวไทย เที่ยวทะเล Backpack
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่