ในช่วงที่ผมกลับบ้านที่ต่างจังหวัดไปเยี่ยมญาติผมมีเรื่องที่จะเล่าให้ฟังซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับคุณปู่ท่านได้เล่าให้ฟังว่า มีอยู่ครั้งหนึ่งตอนที่ท่านป่วยหนักจนหยุดลมหายใจญาติๆจึงได้คิดว่าปู่คงเสียแล้วจึงกำลังเตรียมเรื่องเอกสารต่างๆนาๆ และปู่เล่าให้ฟังว่าทุกอย่างตอนนั้นมืดสนิทและได้ตื่นขึ้นมาที่บ้านของตัวเองพยายามเรียกหาลุกหลาน เดินรอบบ้านก็ไม่เจอ และปู่ก็เห็นแม่ของปู่(ย่าทวดผม)ได้ถามว่าลุกหลานไปไหนหมด ก่อนที่ทวดจะยิ้มแล้วบอกว่า "เอ็งลองมองดูรอบๆบ้านดูแล้วเอ็งนึกดีๆ" ปู่เล่าว่าได้เห็นทวดและบรรพบุรุษตัวเองที่ท่านเหล่านั้นได้เสียชีวิตลงหมดแล้วอยู่ที่บ้านกันพร้อมหน้า ปู่ผมจึงถามทวดว่า ที่นี่คือที่ไหน ทวดจึงบอกว่า ที่นี่ก็คือบ้านเราบ้านที่เราอยู่ในโลกใบนี้ บ้านที่เหมือนกับโลกปัจจุบันที่เอ็งจากมา ที่นี่ไม่มีอาหาร ทุกคนอิ่มและมีกินได้จากบุญเก่าที่ทำมาและที่ลุกหลานได้ทำให้ และไม่รู้ว่าทุกคนจะอยู่ที่นี่ไปจนถึงตอนไหน ที่นี่กับที่นั่นไม่ต่างกันมาก ดวงอาทิตย์ที่นี่จะสว่างตอนตีสามจะมีเป็นเสียงระฆังที่ปลุกแทนเสียงไก่ที่นี่จะมีแสงสว่างแค่คืนวันพระใหญ่ จะมีเพื่อนบ้านก็ต่อเมื่อบ้านหลังนั้นได้มีคนเสียชีวิตมา ทุกคนที่นี่จะอยู่จนบุญเก่าได้หมด เนื้อหนังรูปร่างจะอยู่ในสภาพก่อนตาย และยังมีอีกหลายคนที่ผ่านมายังที่นี่ไม่ได้(คิดว่าน่าจะบางคนตายโดยพกความแค้นติดตัวจึงทำให้ไม่สามารถออกจากโลกก่อนได้การฆาตกรรมหรือประสบอุบัติเหตุ) ทวดเล่าว่าถ้ามีบ้านหลังใหนกำลังสร้างขึ้นที่นี่แปลว่าบ้านหลังนั้นกำลังจะมีคนตาย ทุกคนในโลกนี้ใช้ชีวิตเหมือนโลกเก่าที่ตนเคยจากมาเพียงแต่ว่าที่นี่ไม่มีสายลม ไม่มีสัตว์เลี้ยง ไม่มีวัดวา ไม่มีโรงเรียน ผีหรือวิญญาณที่ดีเขาไม่มีหรอกกลัวพระ มีแต่อยากเจอพระจะได้กราบอีกสักครั้ง และบ้านสองหลังในโลกปัจจุบันและโลกวิญญาณจะบรรจบอยู่ในระนาบเดียวกัน(น่าจะประมาณ2หลังทับซ้อนกันเป็นหลังเดียว)แค่ปีละครั้งวันนั้นคือวัน ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๐ ใช่แล้วนั่นคือวันสารทไทยหรือบุญข้าวสาก(ในภาคอิสาน) โลกสองโลกจะบรรจบกันผู้คนที่โลกวิญญาณจะได้เห็นหน้าลุกหลานแค่ไม่กี่นาทีจนกว่าธูปที่จุดวางในเครื่องเซ่นนั้นจะดับลง ในการเดินทางไปที่วัดจะไปได้แค่เส้นทางที่ก่อนตายได้แห่ศพไปทางนั้น และในทันใดนั้นปู่ก็ได้ยินเสียงเหมือนเสียงหยดน้ำที่ค่อยๆมีเสียงเบาๆจนดังขึ้นเรื่อยทวดและบรรพบุรุษคนอื่นๆจึงบอกปู่ว่าถึงเวลาที่ต้องกลับไปยังที่ๆเอ็งได้จากมาแล้ว ปู่ยังไม่ทันจะได้บอกรักและคิดถึงบรรพบุรุษเลย โลกกลับหมุนและได้มืดลงอีกครั้ง และปู่ได้ฟื้นขึ้นมาซึ่งตอนนั้นเตรียมจัดงานศพอยุ่ ทุกคนต่างตกใจและแปลกใจ แต่ทุกคนไม่รีรอจึงได้เข้าไปกอดปู่ หลังจากนั้น 9 เดือนให้หลังปู่ได้เสียชีวิตลงอย่างสงบพร้อมรอยยิ้ม "ป่านนี้ปู่ผมคงไปมีความสุขแล้วแหละ" "ที่มีคนเคยบอกแต่เด็กๆว่า ถ้ามาญาติพ่อแม่พี่น้องที่เสียไปจะเขามองเราจากสวรรค์ ที่จริงอาจไม่ใช่สวรรค์ อาจจะเป็นบ้านอีกหลังของเราที่อยู่ในที่ไหนสักแห่งก็ได้"
.
ผมไม่รู้หรอกว่าความจริงคืออะไร ไม่รู้ว่าปู่ไปเจอมาจริงๆ หรือแค่ฝันไป อาจจะคล้ายๆเมืองลับแล/เมืองบังบด แต่การได้เห็นรอยยิ้มของปู่ที่เล่ามันทำให้ผมมีความสุขโดนไม่สนว่าเรื่องที่กำลังฟังเป็นเรื่องจริงแค่ไหน #แล้วคุณล่ะคุณคิดว่าโลกแห่งวิญญาญเป็นแบบไหน
คุณคิดว่าโลกของวิญญาณเป็นแบบไหนหรอ ใช่แบบที่ผมได้ยินมาหรือเปล่า?
.
ผมไม่รู้หรอกว่าความจริงคืออะไร ไม่รู้ว่าปู่ไปเจอมาจริงๆ หรือแค่ฝันไป อาจจะคล้ายๆเมืองลับแล/เมืองบังบด แต่การได้เห็นรอยยิ้มของปู่ที่เล่ามันทำให้ผมมีความสุขโดนไม่สนว่าเรื่องที่กำลังฟังเป็นเรื่องจริงแค่ไหน #แล้วคุณล่ะคุณคิดว่าโลกแห่งวิญญาญเป็นแบบไหน