มาแบ่งปันประสบการณ์ทำงานในสายงานวิศวกรคุณภาพ ตามโรงงานครับ QA, QC

สวัสดีครับ วันนี้มีเรื่องราวประสบการณ์ของตำแหน่งทางด้าน Quality Engineer (Automotive industry) มาแบ่งปันครับ
โดยแรกเริ่มเดิมที ผมทำงานในวงการอุตสาหกรรมรถยนต์มาอย่างยาวนาน (ประมาณ 7 ปี )
และผ่านบริษัทมาตั้งแต่ Tier2 >Tier1>OEM (Car maker)
ด้านตำแหน่งงานที่เคยทำก็มีตั้งแต่  SQE > IQC > QA > Senior QE > Sup. QA
เลยอยากมาแบ่งปัน ประสบการณ์ทำงานเผื่อจะมีประโยชน์ต่อเพื่อนสมาชิกนะครับ
หมายเหตุ  สิ่งที่ผมจะเล่านั้น มาจากประสบการณ์ตรงนะครับ อาจจะต่างกันไปบ้างก็ขอให้มาช่วยกันแบ่งปันกันนะครับ

Supplier Quality Engineer (SQE)
ด้วยเนื้องานแล้ว นี่เป็นตำแหน่งที่ผมชอบที่สุดเลย สนุกมาก ทำงานแบบ Proactive ตลอด เพราะด้วยเนื้องานหลักคือการ
Audit supplier, Evaluation supplier, Feedback claim, Monitor problem ซึ่งแต่ล่ะงานก็มีความสนุกของมันอยู่
ถ้าใครได้ทำตำแหน่งนี้ ผมบอกเลยว่าอ้วนแน่ เพราะกินฟรีตลอด ต้องออกไปหา Supplier บ่อย และจุดสำคัญคือการสร้างความสัมพันธ์ กับ Supplier ให้ได้
ซึ่งจะทำให้เราทำงานกับ Supplier ได้ง่ายขึ้นครับ ขอให้มาช่วย Sort, Replacement จะทำได้ง่ายขึ้นครับ
ข้อเสีย ถ้าคุณไม่แม่น Process ของ Supplier จริง คุณอาจโดนหลอกได้ครับ คนที่จะมาอยู่ตรงนี้ต้องมีลูกล่อลูกชน เพื่อควบคุม Supplier ให้อยู่ครับ

Incoming Quality Control
งานนี้โดยส่วนมากจะนั่งอยู่ที่โรงงานครับ คอยวัดงานว่า Part ที่ส่งมาจาก Supplier จะไม่มีปัญหาเมื่อเราทำงานส่งเข้าไปในไลน์การผลิต
ข้อดีของตำแหน่งนี้คือ คุณจะได้รู้จัก Supplier เยอะครับ เวลาแจ้งงานเสีย ให้เขามา Sort หรือ Replacement และข้อดีอีกข้อคือตอนปีใหม่
คุณจะได้กระเช้าเยอะมาก มีทั้งเป็นกลม เป็นแบนเพียบเลย
ข้อเสีย คุณจะเจอปัญหากับทาง Production บ่อยครับ เมื่อมีงานเสียหลุดเข้าไปในการผลิต ซึ่งเขาก็จะโวยวายว่าปล่อยงานเสียมาได้ไง

Quality Assurance Engineer (QA)
ตำแหน่งงานนี้จะปวดหัวมากเลย เลยต้องรับผิดชอบในส่วนงานของ ทั้งการตัดสินใจว่างานที่ผลิตจะใช้ หรือ Scrap และยังต้องมารับปัญหางาน
Claim จากทาง Customer อีก ซึ่งการตอบเราจะใช้ 8D report และกว่าจะจบในแต่ล่ะ Claim ได้นี่ลากเลือดเลยครับ ข้อดีของงานนี้คือ
คุณจะก้าวกระโดดด้านความคิดเลย กล้าตัดสินใจ เพราะ Production เขารอเราตัดสินใจนานไม่ได้ เราต้องฟันธง และรับผิดชอบต่อ
การตัดสินใจนั้นครับ ทางลูกค้าเขาก็จะฟังเรา เพราะเราเป็นเจ้าของ Product  แต่การตอบ 8D report ทุกครั้งต้อง reasonable นะครับ
ข้อเสีย คุณต้องปะทะหลายฝ่ายมาก ทั้ง Production และ ทางลูกค้าต้องเอาเหตุผลและ หลักฐานไปต่อสู้มากมายครับ

Senior Quality Engineer (Sr. QE)
คุณจะดูเรื่องคุณภาพในเชิงระบบมากขึ้นครับ ซึ่งแน่นอนว่าต้องเกี่ยวพันกับระบบคุณภาพ IATF16949:201ุ6 ต้องเริ่มศึกษาข้อกำหนด และเอาข้อ
กำหนดต่างๆมาปรับใช้กับคุณภาพโดยรวมของโรงงาน อย่างเช่นต้องเริ่มทำงานประเมินความเสี่ยงในแต่ล่ะ process คิดเป็นภาพรวมกว้างๆมากขึ้น
เก็บผลการทำงานจาก น้องๆ QA, QC เอามารวมรวมแล้วดู Performance โดยรวมของโรงงาน อันไหนที่ต้องลงไปช่วย อันไหนที่ปล่อยให้น้องมันแสดงฝีมือ
ข้อเสีย คุณจะโดนคาดหวังสูงขึ้นครับ คุณได้รับความกดดันโดยตรงจากทาง Sup. QA เขาจะคอยมาถามเราโดยตรงถึงปัญหาต่างๆ ซึ่งเราต้องตอบให้ได้ รู้ทุกเรื่องครับ

Supervisor Quality Engineer (Sup. QA)
ตำแหน่งนี้ โดนคาดหวังโดยตรงจากทาง Management ครับ คุณอาจไม่ต้องรู้ทุกเรื่อง เพราะไปถามกับ Sr. QA ได้ แต่ต้องแก้ปัญหาให้ได้ทุกเรื่องครับ ไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ มีเพียงปัญหาด้าน Budget
ของแผนกเท่านั้นที่คุณไม่ต้องเข้าไปเกี่ยวข้องครับ ข้อดีตำแหน่งนี้  คุณได้ดูภาพรวมของทั้งโรงงานมากขึ้น ได้รู้จักบริหารคนเช่นการวาง Q-gate การใช้เครื่องมือทาง สถิติมากขึ้น
ได้เริ่มเป็นหัวหอกในการจัดกิจกรรม QCC ต้องพิจารณากิจกรรมใหม่ๆเพื่อลด Defect rate ตาม target ของ management  ต้องเริ่มเขียน procedure เพื่อจะมาควบคุมคุณภาพทั้งโรงงาน
ข้อเสีย เหนื่อยน้อยลง แต่เครียดมากขึ้น และมากขึ้นไปอีกถ้าไม่ได้ตามเป้าทีวางไว้

ที่ผมมาแชร์วันนี้ แค่อยากจะมาถ่ายทอดสิ่งที่เคยเจอ เพื่อเก็บไว้เตือนตัวเองว่าเราเคยทำอะไร และผ่านอะไรมาบ้าง ท้อบ้าง ไปจับปัญหา Recall รถบ้างชีวิตก็วุ่นวายดีนะครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่