JJNY : 4in1 โคราชไร้เงาองค์กรลงทะเบียน ส.ว./ติงดันร่างพ.ร.บ.ยา/ดิ่งยกแผงข้าวปาล์มมะพร้าว/อีสานลาข้าวโพดหลังนา

กระทู้คำถาม
โคราชไร้เงา 'องค์กร' ลงทะเบียน ส.ว.วันที่ 2 ปชช. 800 คนร่วมแสดงความเห็น 'แบ่งเขตเลือกตั้ง ส.ส.' (คลิป)
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_1181386

เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศ การเปิดรับลงทะเบียนองค์กรที่มีสิทธิแนะนำชื่อบุคคล เพื่อสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) วันที่ 2 ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (ก.ก.ต.) ประจำจังหวัดนครราชสีมา ต.จอหอ อ.เมือง จ.นครราชสีมา ยังคงเป็นไปด้วยความเงียบเหงา โดยไม่มีองค์กรใดเดินทางมายื่นเอกสารและหลักฐาน เพื่อขอลงทะเบียนแม้แต่องค์กรเดียว โดยทาง ก.ก.ต.ประจำจังหวัดนครราชสีมา ได้จัดสถานที่รับสมัครไว้ที่ห้องรับรองชั้นที่ 2 ของสำนักงาน ก.ก.ต. และมีเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกในเรื่องการรับลงทะเบียน รวมทั้งคอยแนะนำผู้มาลงทะเบียนไว้พร้อม แต่ที่ผ่านมายังไม่มีองค์กรมายื่นของลงทะเบียนแม้แต่องค์กรเดียว

นายศิริชัย วิริยพงศ์ ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า การเปิดรับลงทะเบียนองค์กรที่มีสิทธิ์แนะนำชื่อบุคคล เพื่อสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาในครั้งนี้ ทางก.ก.ต.ประจำจังหวัดนครราชสีมา ได้จัดสถานที่ไว้ที่ชั้น 2 ของสำนักงาน ก.ก.ต. โดยเริ่มเปิดรับลงทะเบียนตั้งแต่วันที่ 15-24 ตุลาคม 2561 ซึ่งวันนี้เป็นวันที่ 2 ของการเปิดรับลงทะเบียนแล้ว แต่ก็ยังไม่มีองค์กรใดมายื่นขอลงทะเบียนแม้แต่องค์กรเดียว ทั้งนี้อาจจะเป็นเพราะว่าการลงทะเบียนองค์กรต้องมีการเตรียมเอกสาร และหลักฐานต่างๆ อย่างรอบคอบ อีกทั้งบางองค์กรก็อาจจะยังหาตัวผู้ที่จะเป็นตัวแทนองค์กรไม่ได้ จึงทำให้ยังไม่มีความพร้อมที่จะเดินทางมายื่นลงทะเบียนในช่วงวันแรกๆ แต่ถึงอย่างไรก็ตาม จ.นครราชสีมา เป็นจังหวัดใหญ่ที่สุดของประเทศ ไม่นับรวมกรุงเทพมหานคร ซึ่งมีองค์กรที่อยู่ใน 10 กลุ่มอาชีพมากมาย ดังนั้นตนเชื่อว่าแต่ละกลุ่มจะมาขอลงทะเบียนในช่วงใกล้ๆ โค้งสุดท้ายของการเปิดรับลงทะเบียนแน่นอน

นายศิริชัย ส่วนเรื่องการทำรูปแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง ส.ส. ในพื้นที่ จ.นครราชสีมานั้น เดิมมีอยู่ 15 เขต แต่ล่าสุดเหลืออยู่ 14 เขต และมีอยู่ 3 รูปแบบที่ ก.ก.ต.เสนอ ขณะนี้ก็ได้มีประชาชนมาแสดงความคิดเห็นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด มีผู้แสดงความคิดเห็นมาแล้วกว่า 800 ราย โดยมีทั้งผู้ที่เห็นด้วยกับ 3 รูปแบบที่ ก.ก.ต.เสนอ และผู้ที่ไม่เห็นด้วย ซึ่งมีทั้งที่เสนอให้มีการแบ่งเขตเลือกตั้งใหม่ทั้งหมด โดยตนจะนำรูปแบบที่ประชาชนเสนอใหม่ทั้งหมด ส่งไปให้ ก.ก.ต.ส่วนกลางพิจารณาต่อไป




สภาเภสัชฯ ติง สธ.ดันร่างพ.ร.บ.ยา ไม่เป็นไปตามที่คิด ห่วงเอื้อร้านสะดวกซื้อขายยา
https://www.matichon.co.th/local/quality-life/news_1181476

เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม  ที่กระทรวงสาธารณสุข ภก.นิลสุวรรณ ลีลารัศมี นายกสภาเภสัชกรรม แถลงข่าวกรณีร่างพ.ร.บ.ยา พ.ศ.. ว่า  ตามที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ยกร่างพ.ร.บ.ยาพ.ศ….ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) เสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นั้น พบว่าในเนื้อหาไม่ได้เป็นไปเหมือนที่ตกลงกันไว้ก่อนหน้านั้น คือเรื่องร้านขายยา ซึ่งเดิมมี 2 ประเภท คือขย.1 หรือร้ายขายยาที่มีเภสัชกรประจำร้าน และ ขย.2 คือร้านขายยาที่ไม่ต้องมีเภสัชกร ซึ่งเป็นกลุ่มที่ไม่ให้มีเพิ่มแล้ว แต่ในร่างกฎหมายที่เสนอนี้ พบว่ามีการเพิ่มมาตรา 24 (3) ระบุว่าการขายปลีกยาแผนปัจจุบันที่ไม่ใช่ยาที่จ่ายโดยเภสัชกร หรือยาตามใบสั่งยา ผู้มีหน้าที่ปฏิบัติการจะเป็นผู้ประกอบวิชาชีพเภสัชกรรม ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม ทันตกรรม การพยาบาลและการผดุงครรภ์ หรือผู้ผ่านากรอบรมโดยอย.ก็ได้ โดยเฉพาะประโยคที่บอกว่าผู้ผ่านการอบรมโดยอย.นั้นเพิ่งจะมีการใส่เพิ่มเข้าไปโดยที่ไม่เคยมีการคุยกันมาก่อน ทางกลุ่มจึงตั้งข้อสังเกตว่าหรือนี่จะเป็นการเพิ่มร้านขายยาพันธุ์ใหม่เข้ามาแทนที่ร้านขย.2 ที่กำลังจะหมดไป อีกทั้งร้านยาใหม่ยังไม่มีหมดอายุ

ภก.นิลสุวรรณ กล่าวอีกว่า วันนี้  (16 ต.ค.) จึงได้ทำหนังสือถึงเลขาธิการอย. เพื่อขอให้ตัดมาตรา 24 (3) ออกทั้งหมด หรือไม่อย่างนั้นก็ตัดตั้งแต่คำว่า “หรือผู้ผ่านการอบรมโดยอย.” ออกไป นอกจากนี้ขอเรียกร้องให้แก้ไขตัดมาตรา 117 ที่เปิดกว้าง และซ้ำซ้อนให้แพทย์ที่มีคลินิกสามารถจ่ายยาอันตรายได้ ออกไปด้วย และจะทำหนังสือถึงเลขาธิการ ครม.เพื่อคัดค้านและถอดถอนเรื่องนี้ออกไปจนกว่าจะมีการแก้ไข แต่หากสุดท้ายผ่านครม.ไปทั้งอย่างนั้น ก็จะตามไปคัดค้านที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาด้วย อย่างไรก็ตาม ขอเรียกร้องให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และเลขาธิการอย.ออกมาชี้แจงเรื่องนี้

“คนที่เข้ามาอบรมเป็นใครก็ไม่รู้ ไม่ใช่แพทย์ ไม่ใช่เภสัชกร ซึ่งห่วงผู้บริโภคที่จะได้รับผลกระทบคนกลุ่มนี้คือใคร เราสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น คล้ายว่าเป็นการเปิดร้านยาให้บุคคลที่ 3 ซึ่งสอดคล้องกับการวิพากษ์วิจารณ์ว่ามีนายทุนใหญ่เข้ามาเปิดร้านขายสะดวกซื้อโดยไม่ต้องมีเภสัชกรดูแล แล้วหลักการอบรมประกันได้หรือไม่ว่าประชาชนจะได้รับการดูแลความปลอดภัย เป็นการถอยหลังลงคลอง มาบอกว่าไทยแลนด์ 4.0 แบบนี้จะมองหน้าใครได้ เฉพาะการเก็บรักษายาก็เป็นเรื่องใหญ่ ซึ่งต้องมีการควบคุมอุณหภูมิให้ดี ที่ร้านขายยาจะมีตู้กระจกควบคุมอุณหภูมิ แต่ถ้าขายยาตามร้านสะดวกซื้อ ก็เกิดคำถามว่าเก็บได้มาตรฐานหรือไม่  ซึ่งถ้าเก็บไม่ดี ยาจะหมดอายุไวกว่าที่ระบุในฉลาก แล้วคนขายในร้านสะดวกซื้อรู้หรือไม่ว่ายาหมดอายุแล้ว ถ้าเป็นเภสัชขายยาหมดอายุยังเอาผิดได้ แต่กับร้านสะดวกซื้อเอาผิดไม่ได้ ยาไม่ใช่ขนม ไม่ใช้อาหารเสริม มีคุณอนันต์ แต่ก็มีโทษมหันต์ ดังนั้นควรให้มีการขายยาในร้านขายยาเท่านั้น ”ภก.นิลสุวรรณ กล่าว

สินค้าเกษตรดิ่งเหวยกแผง! "ปาล์ม-ข้าว-มะพร้าว" 3 ม็อบ เขย่ารัฐระส่ำ
http://www.thansettakij.com/content/333454

ร้อนทั้งแผ่นดิน! วันพรุ่งนี้ (17 ต.ค. 61) ชาวสวน "ปาล์ม" เหยื่อรายใหม่! โผล่แฉ! รัฐบริหารล้มเหลว ราคาดิ่งเหว 2.50 บาทต่อกิโลกรัม นัดเดือด! ขู่เผาโลงศพ 'บิ๊กตู่' โชว์ศาลากลางกระบี่ ก่อนบุกกรุง 18 ต.ค. 2561 ด้าน "มะพร้าว" รอฟังผลบอร์ดน้ำมันฯ ชี้ชะตา ข้อเรียกร้องไม่ได้ตามรับปาก พร้อมเคลื่อนทัพทันที "ข้าว" แบ่งเค้กยังไม่ลงตัว ม็อบสหกรณ์ฯ ขู่ยกระดับปักหลักยาว 19 ต.ค. 2561 จี้ทบทวนมติ "จำนำยุ้งฉางใหม่"

เดือด! ขู่เผาโลงศพ "บิ๊กตู่"

นายชโยดม สุวรรณวัฒนะ ประธานชมรมคนปลูกปาล์มน้ำมัน จ.กระบี่ เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า สถานการณ์ราคาผลปาล์มคละ วันนี้ (16 ต.ค. 61) อยู่ที่ 2.50 บาทต่อกิโลกรัม ส่วนสมาชิกจังหวัดสกลนครหนักกว่าอีก โดนพ่อค้ากดราคา 2.30 บาทต่อกิโลกรัม ต่ำกว่าต้นทุนการผลิต ที่สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ราคา 3.07 บาท ต่อกิโลกรัม ขณะที่ ปาล์มขวดลิตรยังอยู่ที่ขวดละ 42 บาท กำไรไปอยู่ที่โรงกลั่น พ่อค้า วันนี้รัฐบาลทำอะไรกันอยู่ ไม่ทนแล้ว วันพรุ่งนี้ (17 ต.ค. 61) พบกันหน้าศาลากลางจังหวัดกระบี่ พร้อมเชิญชวนให้บรรทุกปาล์มมาคนละ 1 คันรถ เพื่อมาเทกองตรงหน้าศาลากลางจังหวัดกระบี่ พร้อมกับจะเผาโลงศพนายกรัฐมนตรี และถัดอีกวัน ก็คือ ในวันที่ 18 ต.ค. 2561 จะบุกกรุงเพื่อให้รัฐบาลช่วยเหลือราคาปาล์มตกต่ำ

สอดคล้องกับ นายพันศักดิ์ จิตรรัตน์ ประธานคณะกรรมการด้านปาล์มน้ำมันและพืชพลังงาน สภาเกษตรกรแห่งชาติ และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ในคณะอนุกรรมการบริหารจัดการปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มด้านการตลาด กล่าวว่า ผลจากราคาตกต่ำมาอย่างต่อเนื่อง ทางสภาเกษตรกรแห่งชาติได้ทำหนังสือถึงกระทรวงพาณิชย์ เพื่อขอให้จัดประชุมคณะอนุกรรมการฯ เพื่อแก้ปัญหา เนื่องจากสต็อกน้ำมันปาล์มดิบลดลงเหลือ 3.7 แสนตัน ในเดือน ก.ค. 2561 แต่ราคาปาล์มน้ำมันที่เกษตรกรขายได้กลับมีแนวโน้มลดลง

"ผมเคยเข้าประชุมร่วมกับนายกรัฐมนตรี ท่านมีความตั้งใจสั่งการแก้ปัญหาราคาสินค้า แต่เมื่อสั่งการแล้วไม่สามารถลงไปสู่ภาคปฏิบัติได้ ปัญหาสำคัญ ก็คือ คีย์แมน ปลัดกระทรวง อธิบดี ไม่ทำงานร่วมมือกัน ปัญหาของเกษตรกรจึงถูกเพิกเฉยมาจนถึงทุกวันนี้ อืดเป็นเรือเกลือ !!"

ไม่ไว้ใจรัฐแก้ หวั่นถูกหลอกยื้อเวลา

ด้าน นายพงษ์ศักดิ์ บุตรรักษ์ ประธานเครือข่ายผู้ปลูกมะพร้าวอินทรีย์ จ.ประจวบคีรีขันธ์ และในฐานะผู้ประสานงานชาวสวนมะพร้าว กล่าวว่า การประชุมคณะกรรมการพืชน้ำมันและน้ำมันพืช ในวันที่ 18 ต.ค. 2561 ผลที่ประชุมจะออกมาตามที่รับปากไว้หรือไม่ ถ้าไม่ได้แล้วมีการเล่นละครตบตา งานนี้ชาวสวนลุกฮือแน่นอน! ยันต้องเป็นไปตามมติวันที่ 14 ต.ค. 2561 ตามสัญญา

จี้ทบทวนมติ จำนำยุ้งฉางใหม่

นายศมณัฏฐ์ สุขก้อน ประธานกรรมการสหกรณ์การเกษตรเมืองตรอน จำกัด อ.ตรอน จ.อุตรดิตถ์ กล่าวว่า ที่ประชุมเมื่อวันที่ 11 ต.ค. 2561 ที่ผ่านมา นายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ ชี้แจงแนวทางการปฎิบัติโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2561/62 ทางสหกรณ์ทั่วประเทศมีมติเป็นเอกฉันต์ให้เป็นไปตามมติที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 24 ก.ค. 2561 คือ ให้สหกรณ์ตันละ 1,000 บาท และเกษตรกรตันละ 500 บาท และวิธีการเก็บรักษาข้าวเปลือกตามโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกของสถาบันเกษตรกร ขอให้ใช้วิธีการเทกอง โดยมีรูปแบบเหมือนปีที่ผ่านมา เนื่องจากการเก็บโดยใช้ถุงบิ๊กแบ็ก จะมีค่าใช้จ่ายในการจัดซื้อถุงลูกละ 300 บาท และต้องใช้เวลาในการกรอกข้าวเปลือกเป็นเวลานาน

ส่วนข้าวเปลือกตามโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าว สหกรณ์/กลุ่มเกษตรกร จะขอรับผิดชอบในการเป็นเจ้าของเอง ซึ่งทางอธิบดีรับปากว่า จะนำเรื่องดังกล่าวไปแจ้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อนำเสนอไปที่ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี ต่อไป แต่สหกรณ์ไม่เชื่อ วันที่ 19 ต.ค. นี้ จะปักหลักยาวที่ศาลากลางจังหวัดอุตรดิตถ์ เพื่อรอผลสรุปจากรัฐ ว่า จะเปลี่ยนตามคำเรียกร้องของสหกรณ์ทั้งประเทศหรือไม่ อย่างไร

แหล่งข่าววงการข้าว กล่าวว่า จำนำยุ้งฉางในโครงการนี้ สหกรณ์จะต้องซื้อข้าวสมาชิก จะไปซื้อข้าวคนอื่นไม่ได้ จะต้องบริการสมาชิกสหกรณ์ ไม่ใช่แสวงหากำไรจากสมาชิก จริง ๆ แล้วต้องแสวงหาเพื่อให้สมาชิกมีอำนาจการต่อรองของตลาดในเรื่องการชะลอการขาย แต่กลับกลายเป็นว่า ถ้ามีโครงการนี้จะได้กำไรก่อน ไม่ได้มองเห็นเลยว่า สมาชิกจะต้องมาก่อน จะต้องได้ก่อน กระทำอย่างนี้เป็นการแปรเปลี่ยนเจตนารมณ์ของสหกรณ์หรือไม่ อย่างไร
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่