เรื่องนี้ ไม่ใช่เรื่องของเจ้าของล็อกอินนะคะ
เจ้าของเรื่องยืมล็อกอินเพื่อลงเรื่องนี้ใน pantip.com ค่ะ
__________________________________________________________
เรากับแฟนคบกันมา8ปี (เพิ่งครบรอบเมื่อวันที่10ตค.) เราเจอกับแฟนตอนไปเรียนต่อที่ออสฯ ที่ผ่านมาเราสองคนรักกันดี เข้าใจกัน ตลอดเวลา 8 ปีที่คบกันมาเราทั้งคู่ไม่เคยมีเรื่องทะเลาะกันรุนแรงเลย และกำลังจะแต่งงานกันในวันที่ 12 มค. 62 งานแต่งทุกอย่างดำเนินการ เตรียมพร้อมมากว่า 50% ตัดชุดแล้ว ของชำร่วย ของรับไหว้กองเต็มบ้าน เราไม่เคยคิดเลยว่าวันนึงเรื่องราวของเราจะต้องจบ
อดีตแฟนเราเป็นคนหน้าตาดี นิสัยดูสุภาพเรียบร้อย ไม่เจ้าชู้ ไม่เคยทำอะไรหรือแสดงพฤติกรรมว่าเจ้าชู้เลย ติดเรามาก คุยกันตลอด ไปไหนจะโทรหาเราตลอด เลิกงานกลับมาก็มาอยู่ด้วยกัน เพื่อนทุกคนยังไม่เชื่อว่าเค้าจะเป็นคนแบบนี้ ก่อนเกิดเรื่องเค้าเพิ่งย้ายมาทำงานที่ใหม่ ในฐานะ ผจก.ร้านอาหารชื่อดังอยู่ในห้างแถวราชประสงค์และที่นี่ก็เป็นสถานที่ที่ทำให้เค้าพบกับผู้หญิงอีกคน
จุดเริ่มต้นของจุดจบคือวันพฤหัสที่ 3 ตค.61
ตอนเย็นเค้ากลับบ้าน เดินมาบอกเลิก มาบอกว่าไม่รัก ไม่รู้สึกเหมือนเดิมแล้ว ร้องไห้ฟูมฟายขอโทษ เราช็อคปนงง ทั้งที่ไม่ได้มีเรื่องทะเลาะกันมาก่อน พูดคุยกันดีๆ ถามเหตุผล ผู้ชายให้เหตุผลว่าไม่รู้สึกรักเหมือนเดิมไม่รู้สึกชู้สาวแต่รู้สึกเหมือนเป็นคนในครอบครัวคนนึง(ส่วนตัวเรามองว่าการที่เราคบกับใคร จนรู้สึกว่าคนๆนั้นเป็นเหมือนคนในครอบครัวมันก็น่าจะเป็นเรื่องที่ดีมาก เพราะเท่ากับว่าเราสองคนมีความผูกพันกันมากๆ แต่กลายเป็นว่าเราคิดไปเองคนเดียว)
เราพยายามถามว่าเพราะอะไร กดดันเรื่องงานแต่งรึป่าว ถ้าเรื่องนั้น เราเบรคก่อนก็ได้นะ แล้วเรามาปรับความเข้าใจกัน มาเริ่มกันใหม่ งานแต่งไม่ได้สำคัญเท่าความสัมพันธ์ของเรานะ แต่เค้ายืนยันจะไม่ยกเลิกงานแต่ง และจะแต่ง ใช้คำว่า “จะทำให้”
เราคุยกันนานมาก เราถามเค้าไปตรงๆว่ามีคนใหม่หรือป่าว ถ้ามีก็บอกเรามาได้นะ เค้าตอบมาว่าไม่มี ยืนยันหนักแน่นว่าไม่มีใครจริงๆ ถ้าเค้ามีใครเรื่องคงจะจบง่ายกว่านี้ เราพยายามหาสาเหตุที่เเท้จริง คือถ้าเค้าบอกว่าเหตุผลเพราะการกระทำของเรา เราก็พร้อมที่จะปรับปรุงแก้ปัญหา จนในที่สุดผู้ชายก็สารภาพว่า รู้สึก “อึดอัดถูกกดดัน ให้เหตุผลว่าส่วนนึงเป็นเพราะเรา”
เค้าบอกว่าเค้ารู้สึดอึดอัดและฝืนใจทำและเก็บไว้ในใจมาตลอด ในทุกครั้งที่เรามีปัญหากัน เราไม่เคยทะเลาะกันรุนแรงเลย เพราะเรามักจะตกลงกันได้เสมอ เค้าบอกว่าที่เค้าตกลงเพราะไม่อยากมีปัญหากับเรา ความจริงแล้วเค้าอึดอัดและฝืนใจ ซึ่งเราไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเค้ารู้สึกแบบนั้น เราคิดแต่ว่าคน 2 คนมีปัญหากันมาก็คุยกันก้หาทางออกร่วมกันและข้อตกลงนั้นมันก็น่าจะเป็นข้อตกลงที่ทั้งสองฝ่ายยอมรับร่วมกันแล้ว ( ลึกๆในใจเรายังคงคิดว่าเค้าแค่อาจจะยังสับสนกับความรู้สึกตัวเองในหลายๆเรื่องเพราะใกล้ถึงงานแต่งแล้วแค่นั้น )
เรื่องจบที่ตกลงกันว่าเขาขอเวลาคิด ขอเวลาตัดสินใจว่าจะเอายังไง และช่วงนี้เขาขอไปนอนบ้านแม่เขา (ปกติอยู่ด้วยกันที่บ้านเรา) เราก็โอเคเพราะคิดแค่ว่าคงต้องให้เวลากับเค้า ให้เค้าได้มีเวลาคิดทบทวนความรู้สึกตัวเองดูสักระยะหนึ่ง
รุ่งเช้าเราเครียดมาก งงไปหมด ทำงานไม่ได้ จนคิดว่าอยากให้เขารู้ว่าเรารัก เลิกงานเราเอาเค้กไปฝากเขาที่ทำงาน มองหน้าเขา เขาถามเรามาว่า “ทำแบบนี้คาดหวังอะไร เธอหวังว่ามันจะเป็นเหมือนเดิมหรอ” เราตอบว่า “เราไม่คาดหวังอะไร จะตัดสินใจอะไร ก็ขอให้รู้ไว้ว่าไม่ต้องสงสารเรา”
วันศุกร์ที่ 5 ต.ค. เค้ากลับมาบอกว่าอยากขอลองพยายามด้วยกันใหม่ เราก็ยอมรับผิดทุกเรื่องว่าเราอาจจะละเลย ไม่สวีทหวานเหมือนตอนแรกๆ แต่เรารักเขามาก เราจะพยายามปรับปรุงตัว จะประคองความรักของเรา เราจะมาเริ่มต้นกันใหม่อีกครั้ง
ตอนแรกทุกอย่างเหมือนจะไปได้ด้วยดี แต่สุดท้ายก็ไปไม่รอด เขาเปลี่ยนไป ดีได้แค่2-3 วันแรก เราพยายามเต็มที่ แสดงความรัก วันที่ตรงกับวันครบรอบ เราก็ซื้อของเซอร์ไพรส์ (แต่เค้าไม่มีอะไรเลย) และเราโพสรูปคู่ในfb แต่เขาไม่แม้แต่จะกดaccept การ tag รูปให้ขึ้นโชว์ในหน้าฟีดเค้า
เราเริ่มรู้สึกว่าคำพูดของเค้าที่บอกว่าเราจะลองพยายามกันใหม่ในวันนั้น มันตรงข้ามกับคำพูดและการกระทำของเค้า มันคงไปไม่รอด เราไม่มีความสุข ร้องไห้บ่อยมากในหนึ่งวัน กินอะไรไม่ลง กินอะไรไม่ได้เลย จนภายในไม่ถึง5วัน น้ำหนักเราลงไป4โล
วันอาทิตย์ที่ 14 ต.ค. สุดท้ายเขาก็บอกว่า เค้าฝืนใจไม่ได้ เราซึ่งทำใจมาระดับนึงแล้ว และคิดว่าอยู่ด้วยกันไม่ได้ ก็ไม่ได้ ถ้าเค้าไม่รักเราแล้ว เราก็ยอมเลิกด้วยดี จะไม่มีงานแต่งเกิดขึ้นอีก จูงมือกันไปคุยกับผู้ใหญ่ฝ่ายเรา
ตลอดเวลาที่คุยกับผู้ใหญ่ของเรา เค้าเอาแต่ร้องไห้ และเอาแต่พูดขอโทษ
วันจันทร์ที่ 15 ต.ค.
เราคิดโทษตัวเองว่าที่เลิกกันส่วนนึงเป็นเพราะเราทำให้เค้ารู้สึกอึดอัดและกดดันเค้า เราไม่คิดและไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเค้าแอบมีใครอีกคนนึงลับหลังเราและนั่นคือสาเหตุจริงๆที่ทำให้เขากล้าที่จะบอกเราว่าไม่รักเราเหมือนเดิมแล้ว
หลังจากนั้นไม่กี่ชม.ความจริงหลายๆอย่างมันก็เริ่มเผยออกมาให้เราได้รู้มากขึ้น เราเพิ่งมารู้ว่าเขาแอบมีไอจีอีกอันนึง และไอจีนั้นก็มีผญ.คนนึงฟอลโลเขาอยู่ ผญ.ดูเป็นคนมีหน้าที่การงานดี เคยใช้ชีวิตอยู่ตปท. ทำงานในบริษัทคสอ.ดังระดับโลก ที่ออฟฟิศอยู่ตึกเดียวกัน
เพื่อนเราได้ส่งกระทู้พันทิพ
https://pantip.com/topic/38125878 อันนึงมาให้เพราะเห็นว่าหัวข้อกระทู้มันคล้ายกับเรื่องราวของเรามาก ( แต่จขกท.ได้ลบเนื้อหาในกระทู้ไปหมดแล้ว ) ตอนแรกเราก็ไม่แน่ใจ แต่พอลองอ่านดูจากคอมเม้นเหตุการณ์ต่างๆ เรื่องราวมันคล้ายกับเรื่องของเรามาก จนในที่สุดเราก็ได้มีโอกาสอ่านเนื้อหาในกระทู้นั้น ทำให้เราค่อนข้างมั่นใจว่าเป็นเรื่องราวของเรา แต่ก็ยังติดใจกับข้อความว่า “จขกท.เป็นคนเจ้าชู้มาก “ มันทำให้เราเริ่มไม่แน่ใจว่าใช่เค้าจริงๆหรือป่าวเพราะเรารู้สึกว่าอดีตแฟนเราไม่ใช่คนเจ้าชู้
เราตัดสินใจคุยกับเค้าอีกครั้งเพราะเราอยากรู้ความจริง เค้ายังคงยืนยันว่าไม่มีใครและกระทู้นี้ก้ไม่ใช่ของเค้า แต่ด้วยหลักฐานที่เรามี สุดท้ายเค้าก็ยอมสารภาพว่าเป็นกระทู้ของเค้าเอง ( เราเห็นกระทู้ที่ใช้แอคเคาน์เดียวกันโพสเรื่องรถ BM รุ่นเดียวกันกับที่เค้าใช้ เรื่องเลยโป๊ะ )
เราถามเค้าว่า ที่เขียนว่าเป็นคนเจ้าชู้มากในกระทู้ก่อนหน้านี้ มันคืออะไร เค้าบอกมาว่า มันคือเรื่องราวในอดีตตอนที่เรากับเค้าอยู่ห่างกัน เขาแอบไปเที่ยว ไปกินข้าวกับผญอื่นลับหลังเราสมัยที่เขาอยู่ออสเตรเลีย แต่เราเรียนจบและกลับมาไทยก่อนแล้ว เค้าบอกว่าแค่นี้เค้าก็รู้สึกว่าเค้าเจ้าชู้แล้ว ( เรามารู้ทีหลังว่า มันไม่ใช่เรื่องอดีตเลย มันคือสิ่งที่เค้าทำอยู่ในปัจจุบันทั้งหมด แต่เขายังโกหกต่อไปว่ามันเป็นเรื่องในอดีต)
เราถามเค้าเรื่องผญ.ที่บอกว่าเจอมา 2 เดือน เค้าบอกว่ารู้จักกับผญจากที่ทำงานเพราะเป็นแค่ลูกค้าที่ร้านเฉยๆ เท่านั้น ผู้หญิงคนนี้เป็นคนเข้าหาเค้าก่อน และเค้าก็รู้สึกกับผู้หญิงคนนี้ แต่เค้ายังยืนยันว่า ไม่เคยมีอะไรกับผญ.คนนั้น และไม่เคยไปไหนด้วยกันข้างนอก ที่สำคัญคือเค้าสองคนเลิกติดต่อกันไปแล้วเพราะบอกผู้หญิงคนนั้นไปแล้วว่ามีแฟนแล้ว
แต่สำหรับเรารู้สึกว่ามันต้องมีอะไรมากกว่านี้ เราจึงตัดสินใจโทรไปหาผญ.คนนั้น ( เราได้เบอร์ผู้หญิงคนนั้นมาตั้งแต่วันแรกที่รู้ว่าแฟนเก่าเรามีไอจีลับอีกอันแล้ว ) ครั้งแรกผญไม่ได้รับสาย(เพราะว่าแฟนเรามีการบอกผญ.ไว้ล่วงหน้าแล้วว่าถ้ามีเบอร์แปลกหรือมีใครมาแอดเฟรนหรือมาฟอลโลไม่ต้องรับ) ผญ.ก็คงจะไปบอกแฟนเราและเอาเบอร์เราไปให้ดูว่าเราโทรหา จนแฟนเราโทรมาด่าเรา ตะคอก ขึ้นเสียงใส่เรา เรามีปากเสียงกันรุนแรง พอเราวางสายไปเราก็เห็นมิสคอลของผญ.คนนั้น เราตัดสินใจโทรกลับไปทำให้ได้คุยกับผญคนนั้น
เรา : บอกว่าเราชื่อ ... นะคะ คุณกับผู้ชายคุยกัน แล้วก็มีอะไรกันแล้วใช่มั้ยคะ
ผญ.: ค่ะ
เรา : ขอบคุณนะที่ยอมรับโทรศัพท์เรา เราถามว่าไปเจอกันได้ยังไง แล้วคุยกันตั้งแต่เมื่อไหร่ เอาเวลาที่ไหนไปเจอกัน ไปคุยกัน เพราะแฟนเราอยู่กับเราและคุยกันตลอดเวลา ยังคุยกันอยู่หรือป่าว
ผญ.: ยังคุยกัน ไลน์หากันอยู่ทุกวัน มันไม่ยากหรอกค่ะที่เราจะเจอกัน เพราะที่ทำงานเราอยู่ที่เดียวกัน แค่ลงมาก็เจอกันได้แล้ว คุยกันทุกวันตอนเช้าและตอนกลับจากที่ทำงาน และบ้าน*ก็อยู่ใกล้กัน ( *บ้านนั้นเป็นบ้านของเราไม่ใช่บ้านแฟนเก่าเรา )
แฟนเก่าเราก็คุยกับเราทุกวันหลังกลับจากที่ทำงาน มีแค่ช่วงหลังๆที่เราโทรไปบางครั้งสายไม่ว่าง แต่เค้าให้เหตุผลว่าเค้าคุยกับแม่ ในขณะเดียวกันเวลาที่เราโทรไปเค้าก็จะบอกผญ.คนนั้นว่าที่ทำงานโทรมา
ผญ. : เห็นแฟนเก่าเราบอกว่าแม่เค้าไม่ค่อยชอบหรอ
เรา : ไม่ใช่หรอก เค้าก็ไม่ชอบทุกคนนั่นแหล่ะ ถ้าคิดจะใช้ชีวิตคู่อยู่ด้วยกันจริงๆก้ต้องใช้ความรักและอดทนมากๆนะ และเรายังบอกอีกว่าแฟนเก่าพูดกับเราว่า เค้าไม่โง่พอที่จะยอมแลกความสัมพันธ์ 8 ปีของเค้ากับผญ.ที่เพิ่งรู้จักกันแค่ 2 เดือนหรอก
ผญ.: อ๋อ ไม่หรอกค่ะ ไม่ได้คิดจริงจังไปถึงขั้นนั้นหรอกค่ะ แต่ก็ "Good to know" นะคะ
เค้าบอกผญ.คนนั้นว่าบ้านที่อยู่ตอนนี้กำลังจะถูกยึด จึงต้องย้ายไปอยู่ที่ใหม่ (บ้านที่เค้าบอกว่าจะถูกยึดมันคือบ้านของเราเองซึ่งไม่ได้จะโดนยึดอะไรเลย) และก่อนหน้านี้เกือบ 1 สัปดาห์เค้าบอกผญ.คนนี้ว่าเค้าไปทำความสะอาดบ้านแถวบางนากับคนใช้สองคน ( ซึ่งคนที่ไปด้วยสองคนนั้นก็คือเรากับเด็กทำงานบ้านที่บ้านเราเอง) และ ผญ.คนนี้บอกว่าเพิ่งรู้ว่าเรากับแฟนกำลังจะแต่งงานกันเมื่อวันก่อนนี้เอง ผญ.ดูนิ่งๆไม่ตกใจ และไม่รู้สึกผิดอะไรแม้จะรู้ว่าเรากับแฟนเลิกกัน เค้าคงยังไม่เข้าใจว่าเค้าได้กลายเป็นส่วนนึงในการทำลายความสัมพันธ์ 8 ปีของผู้หญิงคนนึง ที่กำลังจะเริ่มต้นชีวิตคู่ในอีกไม่กี่เดือน
จากนี้ไปเรากับแฟนเราก็คงต่างคนต่างอยู่ เราคิดมาตลอดว่าเรารู้จักแฟนเราดีมากๆแต่เหตุการณ์นี้มันทำให้เรารู้สึกว่าเราคิดผิด แท้จริงแล้วเราไม่ได้รู้จักตัวตนหรือนิสัยของเขาจริงๆเลยแม้แต่น้อย เราไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะโกหกเรามาตลอด เหตุการณ์ครั้งนี้มันทำให้เรารู้สึกว่าระยะเวลา 8 ปีที่ผ่านมาเราไม่รู้จักคนคนนี้เลย เค้าคือใคร ตัวตนของเค้าที่ผ่านมามันหายไปในพริบตา เราไม่รู้เลยว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาเรื่องไหนเป็นเรื่องจริง เรื่องไหนเป้นเรื่องโกหก หลอกลวงที่เค้าสร้างขึ้นมาเพื่อทำให้เราเชื่อใจและไว้ใจ
เรื่องนี้ถ้าเราจะโทษตัวเอง เราคิดว่าส่วนนึงเป็นเพราะเราอาจดูแลความรักของเราไม่ดีพอ ไว้ใจ เชื่อใจมากเกินไปจนไม่ระเเคะระคาย แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ทำให้รู้ว่าเรายังมีคนที่รักเรามากแค่ไหน เรายังมีเพื่อน มีครอบครัวเคียงข้างเราตลอด สำหรับเราเเค่เสียคนที่ไม่รักเราไปหนึ่งคน แต่สำหรับเค้าเค้าได้ทำลายตัวเอง และเสียคนที่รักเค้าในชีวิตไปอีกหลายคน
เราถูกผู้ชายที่คบมา8ปี และกำลังจะแต่งงานกันบอกเลิกเพราะเจอคนใหม่ที่คบมา2เดือน
เจ้าของเรื่องยืมล็อกอินเพื่อลงเรื่องนี้ใน pantip.com ค่ะ
__________________________________________________________
เรากับแฟนคบกันมา8ปี (เพิ่งครบรอบเมื่อวันที่10ตค.) เราเจอกับแฟนตอนไปเรียนต่อที่ออสฯ ที่ผ่านมาเราสองคนรักกันดี เข้าใจกัน ตลอดเวลา 8 ปีที่คบกันมาเราทั้งคู่ไม่เคยมีเรื่องทะเลาะกันรุนแรงเลย และกำลังจะแต่งงานกันในวันที่ 12 มค. 62 งานแต่งทุกอย่างดำเนินการ เตรียมพร้อมมากว่า 50% ตัดชุดแล้ว ของชำร่วย ของรับไหว้กองเต็มบ้าน เราไม่เคยคิดเลยว่าวันนึงเรื่องราวของเราจะต้องจบ
อดีตแฟนเราเป็นคนหน้าตาดี นิสัยดูสุภาพเรียบร้อย ไม่เจ้าชู้ ไม่เคยทำอะไรหรือแสดงพฤติกรรมว่าเจ้าชู้เลย ติดเรามาก คุยกันตลอด ไปไหนจะโทรหาเราตลอด เลิกงานกลับมาก็มาอยู่ด้วยกัน เพื่อนทุกคนยังไม่เชื่อว่าเค้าจะเป็นคนแบบนี้ ก่อนเกิดเรื่องเค้าเพิ่งย้ายมาทำงานที่ใหม่ ในฐานะ ผจก.ร้านอาหารชื่อดังอยู่ในห้างแถวราชประสงค์และที่นี่ก็เป็นสถานที่ที่ทำให้เค้าพบกับผู้หญิงอีกคน
จุดเริ่มต้นของจุดจบคือวันพฤหัสที่ 3 ตค.61
ตอนเย็นเค้ากลับบ้าน เดินมาบอกเลิก มาบอกว่าไม่รัก ไม่รู้สึกเหมือนเดิมแล้ว ร้องไห้ฟูมฟายขอโทษ เราช็อคปนงง ทั้งที่ไม่ได้มีเรื่องทะเลาะกันมาก่อน พูดคุยกันดีๆ ถามเหตุผล ผู้ชายให้เหตุผลว่าไม่รู้สึกรักเหมือนเดิมไม่รู้สึกชู้สาวแต่รู้สึกเหมือนเป็นคนในครอบครัวคนนึง(ส่วนตัวเรามองว่าการที่เราคบกับใคร จนรู้สึกว่าคนๆนั้นเป็นเหมือนคนในครอบครัวมันก็น่าจะเป็นเรื่องที่ดีมาก เพราะเท่ากับว่าเราสองคนมีความผูกพันกันมากๆ แต่กลายเป็นว่าเราคิดไปเองคนเดียว)
เราพยายามถามว่าเพราะอะไร กดดันเรื่องงานแต่งรึป่าว ถ้าเรื่องนั้น เราเบรคก่อนก็ได้นะ แล้วเรามาปรับความเข้าใจกัน มาเริ่มกันใหม่ งานแต่งไม่ได้สำคัญเท่าความสัมพันธ์ของเรานะ แต่เค้ายืนยันจะไม่ยกเลิกงานแต่ง และจะแต่ง ใช้คำว่า “จะทำให้”
เราคุยกันนานมาก เราถามเค้าไปตรงๆว่ามีคนใหม่หรือป่าว ถ้ามีก็บอกเรามาได้นะ เค้าตอบมาว่าไม่มี ยืนยันหนักแน่นว่าไม่มีใครจริงๆ ถ้าเค้ามีใครเรื่องคงจะจบง่ายกว่านี้ เราพยายามหาสาเหตุที่เเท้จริง คือถ้าเค้าบอกว่าเหตุผลเพราะการกระทำของเรา เราก็พร้อมที่จะปรับปรุงแก้ปัญหา จนในที่สุดผู้ชายก็สารภาพว่า รู้สึก “อึดอัดถูกกดดัน ให้เหตุผลว่าส่วนนึงเป็นเพราะเรา”
เค้าบอกว่าเค้ารู้สึดอึดอัดและฝืนใจทำและเก็บไว้ในใจมาตลอด ในทุกครั้งที่เรามีปัญหากัน เราไม่เคยทะเลาะกันรุนแรงเลย เพราะเรามักจะตกลงกันได้เสมอ เค้าบอกว่าที่เค้าตกลงเพราะไม่อยากมีปัญหากับเรา ความจริงแล้วเค้าอึดอัดและฝืนใจ ซึ่งเราไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเค้ารู้สึกแบบนั้น เราคิดแต่ว่าคน 2 คนมีปัญหากันมาก็คุยกันก้หาทางออกร่วมกันและข้อตกลงนั้นมันก็น่าจะเป็นข้อตกลงที่ทั้งสองฝ่ายยอมรับร่วมกันแล้ว ( ลึกๆในใจเรายังคงคิดว่าเค้าแค่อาจจะยังสับสนกับความรู้สึกตัวเองในหลายๆเรื่องเพราะใกล้ถึงงานแต่งแล้วแค่นั้น )
เรื่องจบที่ตกลงกันว่าเขาขอเวลาคิด ขอเวลาตัดสินใจว่าจะเอายังไง และช่วงนี้เขาขอไปนอนบ้านแม่เขา (ปกติอยู่ด้วยกันที่บ้านเรา) เราก็โอเคเพราะคิดแค่ว่าคงต้องให้เวลากับเค้า ให้เค้าได้มีเวลาคิดทบทวนความรู้สึกตัวเองดูสักระยะหนึ่ง
รุ่งเช้าเราเครียดมาก งงไปหมด ทำงานไม่ได้ จนคิดว่าอยากให้เขารู้ว่าเรารัก เลิกงานเราเอาเค้กไปฝากเขาที่ทำงาน มองหน้าเขา เขาถามเรามาว่า “ทำแบบนี้คาดหวังอะไร เธอหวังว่ามันจะเป็นเหมือนเดิมหรอ” เราตอบว่า “เราไม่คาดหวังอะไร จะตัดสินใจอะไร ก็ขอให้รู้ไว้ว่าไม่ต้องสงสารเรา”
วันศุกร์ที่ 5 ต.ค. เค้ากลับมาบอกว่าอยากขอลองพยายามด้วยกันใหม่ เราก็ยอมรับผิดทุกเรื่องว่าเราอาจจะละเลย ไม่สวีทหวานเหมือนตอนแรกๆ แต่เรารักเขามาก เราจะพยายามปรับปรุงตัว จะประคองความรักของเรา เราจะมาเริ่มต้นกันใหม่อีกครั้ง
ตอนแรกทุกอย่างเหมือนจะไปได้ด้วยดี แต่สุดท้ายก็ไปไม่รอด เขาเปลี่ยนไป ดีได้แค่2-3 วันแรก เราพยายามเต็มที่ แสดงความรัก วันที่ตรงกับวันครบรอบ เราก็ซื้อของเซอร์ไพรส์ (แต่เค้าไม่มีอะไรเลย) และเราโพสรูปคู่ในfb แต่เขาไม่แม้แต่จะกดaccept การ tag รูปให้ขึ้นโชว์ในหน้าฟีดเค้า
เราเริ่มรู้สึกว่าคำพูดของเค้าที่บอกว่าเราจะลองพยายามกันใหม่ในวันนั้น มันตรงข้ามกับคำพูดและการกระทำของเค้า มันคงไปไม่รอด เราไม่มีความสุข ร้องไห้บ่อยมากในหนึ่งวัน กินอะไรไม่ลง กินอะไรไม่ได้เลย จนภายในไม่ถึง5วัน น้ำหนักเราลงไป4โล
วันอาทิตย์ที่ 14 ต.ค. สุดท้ายเขาก็บอกว่า เค้าฝืนใจไม่ได้ เราซึ่งทำใจมาระดับนึงแล้ว และคิดว่าอยู่ด้วยกันไม่ได้ ก็ไม่ได้ ถ้าเค้าไม่รักเราแล้ว เราก็ยอมเลิกด้วยดี จะไม่มีงานแต่งเกิดขึ้นอีก จูงมือกันไปคุยกับผู้ใหญ่ฝ่ายเรา
ตลอดเวลาที่คุยกับผู้ใหญ่ของเรา เค้าเอาแต่ร้องไห้ และเอาแต่พูดขอโทษ
วันจันทร์ที่ 15 ต.ค.
เราคิดโทษตัวเองว่าที่เลิกกันส่วนนึงเป็นเพราะเราทำให้เค้ารู้สึกอึดอัดและกดดันเค้า เราไม่คิดและไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเค้าแอบมีใครอีกคนนึงลับหลังเราและนั่นคือสาเหตุจริงๆที่ทำให้เขากล้าที่จะบอกเราว่าไม่รักเราเหมือนเดิมแล้ว
หลังจากนั้นไม่กี่ชม.ความจริงหลายๆอย่างมันก็เริ่มเผยออกมาให้เราได้รู้มากขึ้น เราเพิ่งมารู้ว่าเขาแอบมีไอจีอีกอันนึง และไอจีนั้นก็มีผญ.คนนึงฟอลโลเขาอยู่ ผญ.ดูเป็นคนมีหน้าที่การงานดี เคยใช้ชีวิตอยู่ตปท. ทำงานในบริษัทคสอ.ดังระดับโลก ที่ออฟฟิศอยู่ตึกเดียวกัน
เพื่อนเราได้ส่งกระทู้พันทิพ https://pantip.com/topic/38125878 อันนึงมาให้เพราะเห็นว่าหัวข้อกระทู้มันคล้ายกับเรื่องราวของเรามาก ( แต่จขกท.ได้ลบเนื้อหาในกระทู้ไปหมดแล้ว ) ตอนแรกเราก็ไม่แน่ใจ แต่พอลองอ่านดูจากคอมเม้นเหตุการณ์ต่างๆ เรื่องราวมันคล้ายกับเรื่องของเรามาก จนในที่สุดเราก็ได้มีโอกาสอ่านเนื้อหาในกระทู้นั้น ทำให้เราค่อนข้างมั่นใจว่าเป็นเรื่องราวของเรา แต่ก็ยังติดใจกับข้อความว่า “จขกท.เป็นคนเจ้าชู้มาก “ มันทำให้เราเริ่มไม่แน่ใจว่าใช่เค้าจริงๆหรือป่าวเพราะเรารู้สึกว่าอดีตแฟนเราไม่ใช่คนเจ้าชู้
เราตัดสินใจคุยกับเค้าอีกครั้งเพราะเราอยากรู้ความจริง เค้ายังคงยืนยันว่าไม่มีใครและกระทู้นี้ก้ไม่ใช่ของเค้า แต่ด้วยหลักฐานที่เรามี สุดท้ายเค้าก็ยอมสารภาพว่าเป็นกระทู้ของเค้าเอง ( เราเห็นกระทู้ที่ใช้แอคเคาน์เดียวกันโพสเรื่องรถ BM รุ่นเดียวกันกับที่เค้าใช้ เรื่องเลยโป๊ะ )
เราถามเค้าว่า ที่เขียนว่าเป็นคนเจ้าชู้มากในกระทู้ก่อนหน้านี้ มันคืออะไร เค้าบอกมาว่า มันคือเรื่องราวในอดีตตอนที่เรากับเค้าอยู่ห่างกัน เขาแอบไปเที่ยว ไปกินข้าวกับผญอื่นลับหลังเราสมัยที่เขาอยู่ออสเตรเลีย แต่เราเรียนจบและกลับมาไทยก่อนแล้ว เค้าบอกว่าแค่นี้เค้าก็รู้สึกว่าเค้าเจ้าชู้แล้ว ( เรามารู้ทีหลังว่า มันไม่ใช่เรื่องอดีตเลย มันคือสิ่งที่เค้าทำอยู่ในปัจจุบันทั้งหมด แต่เขายังโกหกต่อไปว่ามันเป็นเรื่องในอดีต)
เราถามเค้าเรื่องผญ.ที่บอกว่าเจอมา 2 เดือน เค้าบอกว่ารู้จักกับผญจากที่ทำงานเพราะเป็นแค่ลูกค้าที่ร้านเฉยๆ เท่านั้น ผู้หญิงคนนี้เป็นคนเข้าหาเค้าก่อน และเค้าก็รู้สึกกับผู้หญิงคนนี้ แต่เค้ายังยืนยันว่า ไม่เคยมีอะไรกับผญ.คนนั้น และไม่เคยไปไหนด้วยกันข้างนอก ที่สำคัญคือเค้าสองคนเลิกติดต่อกันไปแล้วเพราะบอกผู้หญิงคนนั้นไปแล้วว่ามีแฟนแล้ว
แต่สำหรับเรารู้สึกว่ามันต้องมีอะไรมากกว่านี้ เราจึงตัดสินใจโทรไปหาผญ.คนนั้น ( เราได้เบอร์ผู้หญิงคนนั้นมาตั้งแต่วันแรกที่รู้ว่าแฟนเก่าเรามีไอจีลับอีกอันแล้ว ) ครั้งแรกผญไม่ได้รับสาย(เพราะว่าแฟนเรามีการบอกผญ.ไว้ล่วงหน้าแล้วว่าถ้ามีเบอร์แปลกหรือมีใครมาแอดเฟรนหรือมาฟอลโลไม่ต้องรับ) ผญ.ก็คงจะไปบอกแฟนเราและเอาเบอร์เราไปให้ดูว่าเราโทรหา จนแฟนเราโทรมาด่าเรา ตะคอก ขึ้นเสียงใส่เรา เรามีปากเสียงกันรุนแรง พอเราวางสายไปเราก็เห็นมิสคอลของผญ.คนนั้น เราตัดสินใจโทรกลับไปทำให้ได้คุยกับผญคนนั้น
เรา : บอกว่าเราชื่อ ... นะคะ คุณกับผู้ชายคุยกัน แล้วก็มีอะไรกันแล้วใช่มั้ยคะ
ผญ.: ค่ะ
เรา : ขอบคุณนะที่ยอมรับโทรศัพท์เรา เราถามว่าไปเจอกันได้ยังไง แล้วคุยกันตั้งแต่เมื่อไหร่ เอาเวลาที่ไหนไปเจอกัน ไปคุยกัน เพราะแฟนเราอยู่กับเราและคุยกันตลอดเวลา ยังคุยกันอยู่หรือป่าว
ผญ.: ยังคุยกัน ไลน์หากันอยู่ทุกวัน มันไม่ยากหรอกค่ะที่เราจะเจอกัน เพราะที่ทำงานเราอยู่ที่เดียวกัน แค่ลงมาก็เจอกันได้แล้ว คุยกันทุกวันตอนเช้าและตอนกลับจากที่ทำงาน และบ้าน*ก็อยู่ใกล้กัน ( *บ้านนั้นเป็นบ้านของเราไม่ใช่บ้านแฟนเก่าเรา )
แฟนเก่าเราก็คุยกับเราทุกวันหลังกลับจากที่ทำงาน มีแค่ช่วงหลังๆที่เราโทรไปบางครั้งสายไม่ว่าง แต่เค้าให้เหตุผลว่าเค้าคุยกับแม่ ในขณะเดียวกันเวลาที่เราโทรไปเค้าก็จะบอกผญ.คนนั้นว่าที่ทำงานโทรมา
ผญ. : เห็นแฟนเก่าเราบอกว่าแม่เค้าไม่ค่อยชอบหรอ
เรา : ไม่ใช่หรอก เค้าก็ไม่ชอบทุกคนนั่นแหล่ะ ถ้าคิดจะใช้ชีวิตคู่อยู่ด้วยกันจริงๆก้ต้องใช้ความรักและอดทนมากๆนะ และเรายังบอกอีกว่าแฟนเก่าพูดกับเราว่า เค้าไม่โง่พอที่จะยอมแลกความสัมพันธ์ 8 ปีของเค้ากับผญ.ที่เพิ่งรู้จักกันแค่ 2 เดือนหรอก
ผญ.: อ๋อ ไม่หรอกค่ะ ไม่ได้คิดจริงจังไปถึงขั้นนั้นหรอกค่ะ แต่ก็ "Good to know" นะคะ
เค้าบอกผญ.คนนั้นว่าบ้านที่อยู่ตอนนี้กำลังจะถูกยึด จึงต้องย้ายไปอยู่ที่ใหม่ (บ้านที่เค้าบอกว่าจะถูกยึดมันคือบ้านของเราเองซึ่งไม่ได้จะโดนยึดอะไรเลย) และก่อนหน้านี้เกือบ 1 สัปดาห์เค้าบอกผญ.คนนี้ว่าเค้าไปทำความสะอาดบ้านแถวบางนากับคนใช้สองคน ( ซึ่งคนที่ไปด้วยสองคนนั้นก็คือเรากับเด็กทำงานบ้านที่บ้านเราเอง) และ ผญ.คนนี้บอกว่าเพิ่งรู้ว่าเรากับแฟนกำลังจะแต่งงานกันเมื่อวันก่อนนี้เอง ผญ.ดูนิ่งๆไม่ตกใจ และไม่รู้สึกผิดอะไรแม้จะรู้ว่าเรากับแฟนเลิกกัน เค้าคงยังไม่เข้าใจว่าเค้าได้กลายเป็นส่วนนึงในการทำลายความสัมพันธ์ 8 ปีของผู้หญิงคนนึง ที่กำลังจะเริ่มต้นชีวิตคู่ในอีกไม่กี่เดือน
จากนี้ไปเรากับแฟนเราก็คงต่างคนต่างอยู่ เราคิดมาตลอดว่าเรารู้จักแฟนเราดีมากๆแต่เหตุการณ์นี้มันทำให้เรารู้สึกว่าเราคิดผิด แท้จริงแล้วเราไม่ได้รู้จักตัวตนหรือนิสัยของเขาจริงๆเลยแม้แต่น้อย เราไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะโกหกเรามาตลอด เหตุการณ์ครั้งนี้มันทำให้เรารู้สึกว่าระยะเวลา 8 ปีที่ผ่านมาเราไม่รู้จักคนคนนี้เลย เค้าคือใคร ตัวตนของเค้าที่ผ่านมามันหายไปในพริบตา เราไม่รู้เลยว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาเรื่องไหนเป็นเรื่องจริง เรื่องไหนเป้นเรื่องโกหก หลอกลวงที่เค้าสร้างขึ้นมาเพื่อทำให้เราเชื่อใจและไว้ใจ
เรื่องนี้ถ้าเราจะโทษตัวเอง เราคิดว่าส่วนนึงเป็นเพราะเราอาจดูแลความรักของเราไม่ดีพอ ไว้ใจ เชื่อใจมากเกินไปจนไม่ระเเคะระคาย แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ทำให้รู้ว่าเรายังมีคนที่รักเรามากแค่ไหน เรายังมีเพื่อน มีครอบครัวเคียงข้างเราตลอด สำหรับเราเเค่เสียคนที่ไม่รักเราไปหนึ่งคน แต่สำหรับเค้าเค้าได้ทำลายตัวเอง และเสียคนที่รักเค้าในชีวิตไปอีกหลายคน