เด็กซิ่ว เหยื่อของระบบการศึกษา Part1

ผมเป็นคนหนึ่งที่เคยวาดฝันไว้ว่าชีวิตหลังจากซิ่วสำเร็จจะไปได้สวย ระหว่างที่ซิ่วอยู่ก็ทุ่มเวลาทั้งหมดให้กับการอ่านหนังสือ มั่นใจว่าจะทำสำเร็จ ฝากชีวิตทั้งหมดไว้กับการซิ่วครั้งนี้เลยก็ว่าได้ ในช่วงท้ายเกือบจะทำไม่สำเร็จ แต่สุดท้ายก็สอบติดอย่างที่หวัง ตอนนั้นดีใจ รู้สึกว่าโลกทั้งใบสวยงามไปหมด ใช้ชีวิตอย่างสบายใจอยู่แบบนั้นนานเลย โดยหารู้ไม่ว่ามีวิกฤติครั้งใหญ่กว่าเดิม รออยู่อีกไม่ไกล

ในช่วงม.ปลาย ผมลังเลระหว่างหมอกับวิศวฯ เปลี่ยนใจไปมาอยู่หลายครั้ง ช่วงหนึ่งอยากเข้านิเทศฯ แต่ก็รู้ดีอยู่แล้ว ว่าคนจ่ายค่าเทอมต้องไม่เห็นด้วยแน่ๆ ตัวเลือกนี้จึงถูกตัดออกไปพร้อมกับน้ำตา ในค่ำคืนอันแสนเจ็บปวดที่ผมไม่อยากจะจดจำ สุดท้ายผมตกลงกับตัวเองได้ตอนม.6 ว่าจะเลือกหมอ ทำให้อ่าหนังสือไม่ทัน และลงเอยด้วยการซิ่ว แต่ก็ไม่ได้อ่านหนังสืออยู่บ้านเฉยๆ ผมเลือกเข้าเรียนคณะวิศวฯไปก่อน เผื่อซิ่วไม่ติด จะได้ไม่ต้องเสียไปหนึ่งปีเต็มๆ

ระหว่างที่ซิ่วอยู่นี้ ผมตระหนักแล้วว่าหากทำตัวเหมือนตอนม.6 มีหวังคว้าน้ำเหลวเหมือนเดิมแน่ๆ สิ่งที่ผมทำคือดรอปวิชาเรียนที่คณะ จนเหลือเพียง 9 หน่วยกิต ตามเกณฑ์การรักษาสภาพนักศึกษา และปรับเปลี่ยนแผนการอ่านหนังสือใหม่ทั้งหมด วิชาที่ถนัดอย่างคณิตฟิสิกส์ถูกลดเวลาการทำโจทย์ลงไป ส่วนที่ไม่ถนัดอย่างชีวะ เคมี ก็ถูกเพิ่มเวลาการอ่านหนังสือ โดยอ่านอย่างมีแบบแผน มีการคำนวณปริมาณที่ต้องอ่านในแต่ละวัน เพื่อเป็นการตั้งเป้าหมายย่อย ให้ยังผลความสำเร็จไปถึงเป้าหมายใหญ่ก่อนการสอบจะเริ่ม มีการทำช็อตโน๊ตสำหรับทบทวนเนื้อหาทั้งหมดในช่วงหนึ่งสัปดาห์ก่อนสอบ ซึ่งช็อตโน๊ตนี้ก็สามารถเป็นเช็กลิสต์ไปในตัว ว่าเนื้อหาส่วนไหนบ้างที่อ่านไปแล้ว ส่วนไหนยังที่ไม่ได้อ่าน ต่างจากตอนม.6 ที่อ่านอย่างไร้ระเบียบแบบแผน ตรงไหนอ่านแล้วก็ถูกอ่านซ้ำ ตรงไหนยังไม่ได้ ก็ถูกมองข้ามไปจนถึงวันสอบ

แผนการใหม่ทั้งหมดทั้งมวลนี้ ผมฉุกคิดเมื่อได้ฟังมุมมองของพ่อ ท่านบอกว่า ‘สอบไม่ติดหลายๆครั้ง มันแสดงให้เห็นว่าเรายังไม่พร้อม’ คำว่า ‘พร้อม’ ผมว่าเป็นคีย์เวิร์ดสำคัญเลย เพราะที่ผ่านมา ผมมัวแต่สรรหาโจทย์ยากๆมาทำ เพื่อทำให้ตัวเอง ‘เก่ง’ โดยไม่ได้คำนึงถึงความรู้พื้นฐานที่มีอยู่เลย วันนั้นผมถึงได้รู้ว่าก่อนจะข้ามขั้นไปโจทย์ยากๆ ก็ต้องปูพื้นให้แน่นเสียก่อน หรือทำตัวเองให้ ‘พร้อม’ นั่นเอง

โม้ซะเยอะเลย มาสรุปข้อคิดที่ได้จากบทความ Part1 นี้กันดีกว่า

1 การซิ่วไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด ทางที่ดีค้นหาตัวเองให้เจอตั้งแต่ ม.ปลาย ดีกว่า (สามารถติดตามบทความเกี่ยวกับการค้นหาตนเองได้ที่ แฟนเพจ: ‘บันทึกของนักล่าฝัน’ ซึ่งจะเขียนออกมาในเร็วๆนี้)

2 ความขยันไม่ใช่คำตอบเสมอไป การอ่านอย่างมีประสิทธิภาพ และการวางแผนตั้งเป้าหมายย่อย ให้นำไปสู่เป้าหมายใหญ่ต่างหาก ที่ทำให้เรามีแผนที่ชีวิต

3 ความพร้อมสำคัญกว่าความเก่ง การปูพื้นสำคัญกว่าการวิ่งหาโจทย์ยากๆมาทำ

4 การทบทวนหนึ่งสัปดาห์ก่อนสอบสำคัญมาก นี่เป็นเหตุผลที่ผมทำช็อตโน๊ตขึ้นมา เพราะเนื้อหาที่เราอ่านมานานแล้ว มันก็ต้องลืมกันบ้างเป็นธรรมดา

5 สุขภาพอย่างให้ร่วง มันไม่สนุกแน่ๆ ถ้าวันสอบเราเข้าไปนั่งหลับ แทนที่จะได้ใช้สมองอย่างเต็มที่ คืนก่อนสอบ แม้จะอ่านไม่ทัน ก็ต้องนอนให้พอนะครับ
6 ทำไมชื่อกระทู้ต้องต่อด้วยคำว่า ‘เหยื่อของระบบการศึกษา’ จะได้รู้กันใน Part2

เขาว่ากันว่าฟ้าหลังฝนสวยงามเสมอ ผมเชื่ออย่างนั้นอยู่เป็นปีหลังจากซิ่วสำเร็จ ทว่ามันไม่มีอะไรรับประกันได้ ว่าจะไม่มีพายุลูกใหญ่กว่าเดิมเข้ามาเยือนชีวิตเรา…

อย่าลืมติดตาม Part2 นะครับ ในวันที่ 20 ต.ค. นี้ เสร็จแล้วจะเอาลิ้งมาลงใน comment ใต้กระทู้ หรือติดตามอีกช่องทาง ทางเฟซบุ๊คแฟนเพจ: บันทึกของนักล่าฝัน
https://m.facebook.com/บันทึกของนักล่าฝัน-848930048611946

#นักเขียน

นี่ลิ้ง part2
https://pantip.com/topic/38183465
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่