
#บันทึกของเจมส์
#บันทึกถึงหลีเป๊ะ
25-27 กันยายน 2561
“สวัสดีครับท่านผู้ชมขอต้อนรับสู่ Island อยากมีแฟน There’s a chance ในดินแดนมหัศจรรย์ ”
เพลงนี่ดังในหัวตั้งแต่เริ่มทริป น้ำใสๆ หาดทรายขาวๆ ท้องฟ้าสีสดๆ เกาะสวาทหาดสวรรค์มหัศจรรย์ข้ามโลก
แต่ก่อนจะถึงจุดนั้น…….
เดินทางไปให้ถึงก่อนดีกว่า
แม่เจ้าโว้ยยยยย กว่าจะถึง เหมือนเดินทางไปสุดขอบโลก เชื่อมจุดต่อไปดาวอังคาร ยาวนานเหลือเกิน เครื่องบิน — รถตู้ — เรือใหญ่ — เรือเล็ก วันนึงพอดี!!
อย่าถามว่าคุ้มมั้ย? แหม๊ะ !! ไม่อยากให้ใช้คำนั้นเลย ให้ใช้ว่า “ สมเหตุสมผล ” กับการเดินทางเพื่อไปชมสิ่งงามๆ ของโลกใบนี้ (ดูดีเป็นบ้า !!)
เรื่องเล่าเต็มๆ เชิญไปที่
https://bit.ly/2EjLJf1
ฝาก
https://www.facebook.com/jamesthepetrichor/
ขอบใจเด้อ
3
2
1 Gooooooooooooooo !
25 กันยายน : เดินทางด้วยสมองฝอยฝอย นอนกันน้อย แต่นอนนะ
นอนกันไปคนล่ะ 2 ชั่วโมงกว่า ไม่รู้ทำไรกันอยู่ ตาโหลๆ ต้องขึ้นเครื่องเที่ยวเช้าสุด 06.45 น. นิดๆ เห็นจะได้
ll ร้านโกปี่เตี่ยม ll
ถึง สนามบินหาดใหญ่ประมาณ 8 โมงเกือบครึ่ง เครื่องเลทบางอะไรบ้าง ด้วยความหิวโหยและต้องรอขึ้นรถตู้ตอน 10.30 น. เลยไปหาอะไรกินกันที่ ร้านโกปี่เตี่ยม ในสนามบินหาดใหญ่ เป็นร้านอาหารที่มีทั้งชากาแฟ ติ่มซำ ข้าวมันไก่ เรากินอะไรกันแบบง่ายๆ เร็วๆ เพราะตอนนั้นมันโหยกันเหลือเกิน
เสร็จแล้วเดินไปถามที่เคาเตอร์ แอร์เอเชีย ว่ารถตู้ที่จะมารับไปส่งท่าเรือปากบารานั้นจะต้องรอที่ไหนยังไง น้องพนักงานบอก เดินไปข้างหน้าเลยค่ะ จะเจอคนถือป้ายรอรับ
10.30 น. ไม่ขาด แต่เกินไปหลายนาที รถตู้ก็มาจอด เพื่อนร่วมทางของเราหลักๆ ก็เป็นต่างชาติ หลับๆ ตื่นๆ เดี๋ยวฝนเดี๋ยวแดด สิริรวม 2 ชั่วโมงก็ถึง ท่าเรือปากบารา จ.สตูล รถตู้จอดหน้าบริษัททัวร์ เราก็ได้รับสติ๊กเก้อสีแดงติดหน้าอก ติดกระเป๋า แล้วก็รอขึ้นเรือ
เราฝากกระเป๋าไว้ตรงสำนักงานทัวร์ ไปหาของยังชีพที่เซเว่นก่อน เพราะข่าวเขาว่าของบนเกาะแพง หลังจากนั้นก็เอาของแล้วก็ไปท่าเรือ ซึ่งท่าเรือจะอยู่ตรงข้ามกับบริษัททัวร์ เดินเข้าไปเลย ตรงยาวๆ ไป เจ้าหน้าที่หน้าทางเข้าจะขอเช็คตั๋วก่อน แล้วเราก็เข้าไปเอาบัตรคิวขึ้นเรือที่เคาเตอร์ อ่ะ แล้วก็รอ รอเรือมา
เกือบๆชั่วโมงเรือก็มา คนเรือเขาก็เริ่มขนของลงเรือก่อน แล้วค่อยให้คนลง ตอนลงเขาก็จะเรียกเลขตามลำดับ
เรือออกจากท่ามานานแล้ว แดดเริ่มเลียขา เลียหน้าเลียแขน หลับแล้วตื่น ตื่นแล้วหลับ มองเห็นเด็กน้อยวัยสองขวบชาวจีน หลับจนตื่น จนนิ่ง นิ่งแบบไม่พูดไม่จา ตาเหม่อลอย ดูเอาเถอะ นานจนน้องช๊อคไปเลย
17.++ น. เราก็ถึงจนได้ โผล่หน้าพ้นจากเรือ เดี๋ยวนะ !!! คือ เดี๋ยวนะ !! นี่มันโป๊ะเรือ แล้วคือ ลอยอยู่กลางทะเล โถ่เอ้ยยยย หาดทรายเห็นอยู่ใกล้ๆ แต่ฉันยังไปไม่ถึง
“ต้องว่ายน้ำไปต่อป่าวว่ะ” เสียงเพื่อนถามไม่จริงจังกลั้วเสียงหัวเราะ โคลงเคลง โงนเงน อ้วกไม่อ้วก อ้วกไม่อ้วก
แล้วก็ได้ยินพี่คนเรือบอกว่า
“เดี๋ยวรอเรือเล็กไปส่งที่หาดนะครับ น้ำลง เรือใหญ่เข้าไม่ได้จะชนปะการัง” อ๋ออออ เข้าใจได้ไม่งอแง

เราขึ้นเรือที่หาด Sunrise เนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วง Low Season เรือจะจอดรับส่งที่หาดนี้ ถ้าช่วง High จะเป็นหน้าหาดพัทยา
ระหว่างที่เพื่อนกำลังทุลักทุเลกับกระเป๋าลากบนหาดทราย ชายผิวเข้มก็เอื้อมมือมาคว้ากระเป๋าแล้วบอกว่า
“เดี๋ยวพี่ช่วย” พี่แกคงดูทรงแล้วว่า กว่าจะพ้นหาดคงรุ่งสางได้ชมพระอาทิตย์ขึ้นตรงนี้พอดี

เดินไปจนสุดทิวสน เลี้ยวขวาเดินไปหลัง โรงเรียน
เราเปิด google map เดินไป Hostel ที่เราจองไว้ เดินไม่ถึง 20 นาที ผ่านไปทางหลังโรงเรียนบ้านเกาะอาดัง เดินต่ออีกหน่อยๆก็เข้าสู่ Walking Street แหล่งชุมนุมของนักท่องเที่ยวและบริษัททัวร์ต่างๆ รวมไปถึงร้านค้า ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ช่างเนืองแน่น แต่กลับไม่รู้สึกอึดอัด เดินไปสุดทางก็จะถึงหาดพัทยา ที่ไม่ได้อยู่ชลบุรี (ยังจะเล่น)


เข้าสู่ Walking Street

ll The Street Hostel ll
ในที่สุดก็ถึงที่พัก เช็คอินได้กุญแจเรียบร้อย ในพวงจะรวม คีย์การ์ดเข้าตึก กุญแจห้อง กุญแจล๊อคเกอร์เก็บของส่วนตัว ห้องเราอยู่ชั้นสอง เราจองเป็นห้องรวม แบบ Bunk Beds หรือเตียงสองชั้นนั่นเอง ค่าเตียงคืนล่ะ 350 บาทต่อคน
ฉันชอบที่นี่นะ ที่พักยังดูใหม่ การจัดวางทุกอย่างเหมาะเจาะไม่เกะกะ ห้องอาบน้ำ ห้องส้วมแยกเป็นสองฝั่ง มีไดร์เป่าผม มีที่ตากผ้า มีโถงให้นั่งเล่นกินข้าว มีตู้เย็น จานชามช้อนแก้ว ที่ชอบที่สุดก็คือที่นอนผ้าห่มฟูๆ
บริเวณโถงนั่งเล่น

หันหลังให้โถงนั่งเล่นมองไปด้านหลัง ขวาคือห้องส้วม ซ้ายคือห้องอาบน้ำ มีอย่างล่ะ 3 ห้อง

ฝั่งห้องอาบน้ำ

เตียงนอน


ที่นี่ไม่มีผ้าเช็ดตัวให้นะ ถ้าอยากใช้ก็เช่าผืนล่ะ 20 บาท เปลี่ยนใหม่ก็จ่ายใหม่
ข้อเดียวที่จะติซะหน่อย ก็คือความสะอาด ฝุ่นเอย ผม คราบในห้องน้ำ ชักโครก ค่อนข้างชัดเมื่อมองด้วยตาเปล่า แต่ก็อาจจะเพราะช่วง low คนไม่ค่อยมาเที่ยว หน้า high อาจเป๊ะกว่านี้
ตกค่ำอาบน้ำแปลงกายเสร็จ เราไปกินข้าวเย็น จำร้านไม่ได้ล่ะ หันหลังให้ทางเข้า walking street เลี้ยวขวาไป ร้านจะอยู่ทางซ้ายมือ จำได้ว่าปลาย่าง ชื่อที่เราไม่รู้จักนั้น เนื้อแน่นอร่อยไม่ธรรมดา และผักแนมเปรี้ยวๆ มันๆ กินจนเจ้าของร้านเอาผักแนมมาแถมให้ ออ เกาะนี้มี 7–11 อยู่หน้าทางเข้า walking street นั่นแหละ
หลังจากนั้นเราก็ไปจองเรือ เพื่อพาเราออกทะเล อารมณ์อยากอยู่ในทะเลอ่ะ!! ไปเกาะต่างๆไม่ได้ก็ขอไปอยู่กลางทะเลก็ได้ ต่อปากต่อคำกับพี่เจ้าของบริษัทกันอย่างสนุกสนานเบ็ดเสร็จได้ราคาเหมาที่ลำล่ะ 2300 รวมอาหารเที่ยง เราเหมาแค่ครึ่งวัน เพราะช่วงบ่ายอยากมานั่งเล่นเดินเล่น ไปดูพระอาทิตย์ตกดิน
คืนนี้ รีบนอนดีกว่า เพราะถ้านอนน้อย พรุ่งนี้เราจะไม่ 100% เดี๋ยวจะโก่งคอให้อาหารปลากันไม่หยุดไม่หย่อนซะ
ll 26 กันยายน ll : บอกแล้วไงว่าเกาะปิด!!! จ่ายค่าปรับมา !!
ll Elephant Coffee House & Bar ll
หมายมั่นปั้นใจดูรีวิวมาเรียบร้อย ว่ากาแฟและอาหารเช้าต้องร้านนี้ ออกจากที่พักก็ตรงดิ่งไปเลย
ถ่ายจากหน้าร้าน กลางร้าน และจากหลังร้าน



ชอบแฮะ
ร้านไม่หรูหรา แต่มีเสน่ห์และ feeling cool เคาเตอร์เป็นเรือ โต๊ะเก้าอี้ที่นั่งเป็นไม้ เบาะรองนั่งเป็นผ้าถุงเย็บทรงสี่เหลี่ยมรองรับรูปทรงของตูดได้เหมาะเจาะ พื้นและผนังเป็นปูนดิบ มีหนังสือให้อ่าน หลังร้านมีต้นไม้แผ่ร่มใบ เชื่อมต่อกับหลังคาของร้าน แดดส่องรำไร อากาศถ่ายเทได้สะดวก

ร้านนี้มีตั้งแต่อาหารเช้า ลากยาวยันเย็น มีเครื่องดื่มที่ทำให้เลือดสูบฉีดพร้อมกับบรรยากาศดนตรีสดในยามค่ำคืน
ความรักษ์โลกของร้านนี้คือ มีห้องน้ำ มีน้ำ แต่ไม่มีทิชชู่พร้อมคำเตือนสติว่า ก่อนหน้านี้ไม่มีกระดาษ เราอยู่กันมายังไง มีผ้าปาเต๊ะ หรือผ้าถุงสำหรับเป็นผ้าเช็ดมือเช็ดปาก หลอดที่ใช้ก็เป็นกระดาษ ใครจะมาซื้อกาแฟกลับบ้าน ก็ใส่แก้วกระดาษให้ ส่วนน้ำดื่มมีให้ฟรี แต่บริการตัวเองนะจ้ะ

เราสั่งอาหารเช้าชุดใหญ่สองชุดแบบเดียวกัน ซึ่งประกอบไปด้วย หนมปังปิ้งกรอบๆ 2 แผ่นไม่แน่ใจว่าทาเนยด้วยมั้ย ไข่ดาวสองฟอง หมูก้อน ไส้กรอก เบค่อนกรอบๆ มันฝรั่งทอดและถ้วยผลไม้น่าเอ็นดูที่หั่นผลไม้สี่เหลี่ยมขนาดพอดีคำ ทั้งกล้วยหอม สัปปะรด แตงโมง และ มะม่วงสุก
ll ดำน้ำ เล่นน้ำ ll
“ หวัดดีครับพี่ ผมชื่อบอย และนี่น้องชายผม เดี๋ยวผมจะไปเกณฑ์ทหาร และจะให้น้องชายดูแลกิจการต่อ เลยต้องพามาดูงานครับ” เสียงเจื้อยแจ้วของน้องเจ้าของเรือระหว่างทางเดินไปขึ้นเรือหน้าหาด Sunrise เพื่อที่จะพาเราไปลอยทะเลในวันนี้
หาดทุกหาดดำน้ำดูปะการังได้ทั้งหมด แต่ถ้าอยากเจออะไรให้เยอะแยะกว่านี้ก็ โน่นนนนน กลางทะเล เกาะรอบนอกรอบใน ไปดำกันเลยปะการังเจ็ดสีมณีเด้ง แต่!!
ต้องไม่ใช่ Low Season อย่างที่ฉันไปนะ ฮ่าฮ่า



ll Sunset Beach ll
เราเช่าเรือแค่ครึ่งวัน เพราะเราอยากพักช่วงบ่าย แล้วก็ไปดูพระอาทิตย์ตกดิน เข้าที่พักอาบน้ำพักผ่อนกันเรียบร้อยเราก็ออกมาหาไรกิน เสร็จแล้วก็เดินไปดูพระอาทิตย์ตกดินที่หาด Sunset




คลื่นทะเลที่นิ่งสงบ กระทบกับแสงอาทิตย์อัสดงเป็นประกายระยิบระยับ สีทะเลเริ่มเปลี่ยนไปตามสีของท้องฟ้าที่เด่นชัดเหมือนใครเอาพู่กันจุ่มสีทุกสีมาสะบัดทิ้งไว้ให้มันซึมซาบและผสมกันไปเองก็ไม่ปาน
ขากลับที่พัก แท็กซี่หลี่เป๊ะ คนล่ะ 50 บาท คันนึงนั่งได้ 2 คน หรืออย่างเก่งก็ไม่ควรเกิน 3 ลักษณะรถคือมอเตอร์ไซค์พ่วงข้างมีหลังคานั่นเอง
คืนนั้นเรานั่งคุยเล่นกันตรงโถง แล้วก็ขำกับการมา แบบไม่ดูวันดูเดือนของเรา ไม่ดึกมากนักต่างคนก็ต่างแยกย้ายกันไปเข้านอน
ปล. วันนี้เราโดนค่าปรับด้วย เพราะดันเข้าไปในเขตเกาะอาดัง สมควรโดน
[CR] L I P E : หลีปัง ดังเป๊ะเป๊ะ : LOW SEASON
#บันทึกถึงหลีเป๊ะ
25-27 กันยายน 2561
“สวัสดีครับท่านผู้ชมขอต้อนรับสู่ Island อยากมีแฟน There’s a chance ในดินแดนมหัศจรรย์ ”
เพลงนี่ดังในหัวตั้งแต่เริ่มทริป น้ำใสๆ หาดทรายขาวๆ ท้องฟ้าสีสดๆ เกาะสวาทหาดสวรรค์มหัศจรรย์ข้ามโลก
แต่ก่อนจะถึงจุดนั้น…….
เดินทางไปให้ถึงก่อนดีกว่า
แม่เจ้าโว้ยยยยย กว่าจะถึง เหมือนเดินทางไปสุดขอบโลก เชื่อมจุดต่อไปดาวอังคาร ยาวนานเหลือเกิน เครื่องบิน — รถตู้ — เรือใหญ่ — เรือเล็ก วันนึงพอดี!!
อย่าถามว่าคุ้มมั้ย? แหม๊ะ !! ไม่อยากให้ใช้คำนั้นเลย ให้ใช้ว่า “ สมเหตุสมผล ” กับการเดินทางเพื่อไปชมสิ่งงามๆ ของโลกใบนี้ (ดูดีเป็นบ้า !!)
เรื่องเล่าเต็มๆ เชิญไปที่ https://bit.ly/2EjLJf1
ฝาก https://www.facebook.com/jamesthepetrichor/
ขอบใจเด้อ
3
2
1 Gooooooooooooooo !
25 กันยายน : เดินทางด้วยสมองฝอยฝอย นอนกันน้อย แต่นอนนะ
นอนกันไปคนล่ะ 2 ชั่วโมงกว่า ไม่รู้ทำไรกันอยู่ ตาโหลๆ ต้องขึ้นเครื่องเที่ยวเช้าสุด 06.45 น. นิดๆ เห็นจะได้
ll ร้านโกปี่เตี่ยม ll
ถึง สนามบินหาดใหญ่ประมาณ 8 โมงเกือบครึ่ง เครื่องเลทบางอะไรบ้าง ด้วยความหิวโหยและต้องรอขึ้นรถตู้ตอน 10.30 น. เลยไปหาอะไรกินกันที่ ร้านโกปี่เตี่ยม ในสนามบินหาดใหญ่ เป็นร้านอาหารที่มีทั้งชากาแฟ ติ่มซำ ข้าวมันไก่ เรากินอะไรกันแบบง่ายๆ เร็วๆ เพราะตอนนั้นมันโหยกันเหลือเกิน
เสร็จแล้วเดินไปถามที่เคาเตอร์ แอร์เอเชีย ว่ารถตู้ที่จะมารับไปส่งท่าเรือปากบารานั้นจะต้องรอที่ไหนยังไง น้องพนักงานบอก เดินไปข้างหน้าเลยค่ะ จะเจอคนถือป้ายรอรับ
10.30 น. ไม่ขาด แต่เกินไปหลายนาที รถตู้ก็มาจอด เพื่อนร่วมทางของเราหลักๆ ก็เป็นต่างชาติ หลับๆ ตื่นๆ เดี๋ยวฝนเดี๋ยวแดด สิริรวม 2 ชั่วโมงก็ถึง ท่าเรือปากบารา จ.สตูล รถตู้จอดหน้าบริษัททัวร์ เราก็ได้รับสติ๊กเก้อสีแดงติดหน้าอก ติดกระเป๋า แล้วก็รอขึ้นเรือ
เราฝากกระเป๋าไว้ตรงสำนักงานทัวร์ ไปหาของยังชีพที่เซเว่นก่อน เพราะข่าวเขาว่าของบนเกาะแพง หลังจากนั้นก็เอาของแล้วก็ไปท่าเรือ ซึ่งท่าเรือจะอยู่ตรงข้ามกับบริษัททัวร์ เดินเข้าไปเลย ตรงยาวๆ ไป เจ้าหน้าที่หน้าทางเข้าจะขอเช็คตั๋วก่อน แล้วเราก็เข้าไปเอาบัตรคิวขึ้นเรือที่เคาเตอร์ อ่ะ แล้วก็รอ รอเรือมา
เกือบๆชั่วโมงเรือก็มา คนเรือเขาก็เริ่มขนของลงเรือก่อน แล้วค่อยให้คนลง ตอนลงเขาก็จะเรียกเลขตามลำดับ
เรือออกจากท่ามานานแล้ว แดดเริ่มเลียขา เลียหน้าเลียแขน หลับแล้วตื่น ตื่นแล้วหลับ มองเห็นเด็กน้อยวัยสองขวบชาวจีน หลับจนตื่น จนนิ่ง นิ่งแบบไม่พูดไม่จา ตาเหม่อลอย ดูเอาเถอะ นานจนน้องช๊อคไปเลย
17.++ น. เราก็ถึงจนได้ โผล่หน้าพ้นจากเรือ เดี๋ยวนะ !!! คือ เดี๋ยวนะ !! นี่มันโป๊ะเรือ แล้วคือ ลอยอยู่กลางทะเล โถ่เอ้ยยยย หาดทรายเห็นอยู่ใกล้ๆ แต่ฉันยังไปไม่ถึง
“ต้องว่ายน้ำไปต่อป่าวว่ะ” เสียงเพื่อนถามไม่จริงจังกลั้วเสียงหัวเราะ โคลงเคลง โงนเงน อ้วกไม่อ้วก อ้วกไม่อ้วก
แล้วก็ได้ยินพี่คนเรือบอกว่า “เดี๋ยวรอเรือเล็กไปส่งที่หาดนะครับ น้ำลง เรือใหญ่เข้าไม่ได้จะชนปะการัง” อ๋ออออ เข้าใจได้ไม่งอแง
เราขึ้นเรือที่หาด Sunrise เนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วง Low Season เรือจะจอดรับส่งที่หาดนี้ ถ้าช่วง High จะเป็นหน้าหาดพัทยา
ระหว่างที่เพื่อนกำลังทุลักทุเลกับกระเป๋าลากบนหาดทราย ชายผิวเข้มก็เอื้อมมือมาคว้ากระเป๋าแล้วบอกว่า “เดี๋ยวพี่ช่วย” พี่แกคงดูทรงแล้วว่า กว่าจะพ้นหาดคงรุ่งสางได้ชมพระอาทิตย์ขึ้นตรงนี้พอดี
เราเปิด google map เดินไป Hostel ที่เราจองไว้ เดินไม่ถึง 20 นาที ผ่านไปทางหลังโรงเรียนบ้านเกาะอาดัง เดินต่ออีกหน่อยๆก็เข้าสู่ Walking Street แหล่งชุมนุมของนักท่องเที่ยวและบริษัททัวร์ต่างๆ รวมไปถึงร้านค้า ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ช่างเนืองแน่น แต่กลับไม่รู้สึกอึดอัด เดินไปสุดทางก็จะถึงหาดพัทยา ที่ไม่ได้อยู่ชลบุรี (ยังจะเล่น)
เข้าสู่ Walking Street
ll The Street Hostel ll
ในที่สุดก็ถึงที่พัก เช็คอินได้กุญแจเรียบร้อย ในพวงจะรวม คีย์การ์ดเข้าตึก กุญแจห้อง กุญแจล๊อคเกอร์เก็บของส่วนตัว ห้องเราอยู่ชั้นสอง เราจองเป็นห้องรวม แบบ Bunk Beds หรือเตียงสองชั้นนั่นเอง ค่าเตียงคืนล่ะ 350 บาทต่อคน
ฉันชอบที่นี่นะ ที่พักยังดูใหม่ การจัดวางทุกอย่างเหมาะเจาะไม่เกะกะ ห้องอาบน้ำ ห้องส้วมแยกเป็นสองฝั่ง มีไดร์เป่าผม มีที่ตากผ้า มีโถงให้นั่งเล่นกินข้าว มีตู้เย็น จานชามช้อนแก้ว ที่ชอบที่สุดก็คือที่นอนผ้าห่มฟูๆ
บริเวณโถงนั่งเล่น
หันหลังให้โถงนั่งเล่นมองไปด้านหลัง ขวาคือห้องส้วม ซ้ายคือห้องอาบน้ำ มีอย่างล่ะ 3 ห้อง
ฝั่งห้องอาบน้ำ
เตียงนอน
ที่นี่ไม่มีผ้าเช็ดตัวให้นะ ถ้าอยากใช้ก็เช่าผืนล่ะ 20 บาท เปลี่ยนใหม่ก็จ่ายใหม่
ข้อเดียวที่จะติซะหน่อย ก็คือความสะอาด ฝุ่นเอย ผม คราบในห้องน้ำ ชักโครก ค่อนข้างชัดเมื่อมองด้วยตาเปล่า แต่ก็อาจจะเพราะช่วง low คนไม่ค่อยมาเที่ยว หน้า high อาจเป๊ะกว่านี้
ตกค่ำอาบน้ำแปลงกายเสร็จ เราไปกินข้าวเย็น จำร้านไม่ได้ล่ะ หันหลังให้ทางเข้า walking street เลี้ยวขวาไป ร้านจะอยู่ทางซ้ายมือ จำได้ว่าปลาย่าง ชื่อที่เราไม่รู้จักนั้น เนื้อแน่นอร่อยไม่ธรรมดา และผักแนมเปรี้ยวๆ มันๆ กินจนเจ้าของร้านเอาผักแนมมาแถมให้ ออ เกาะนี้มี 7–11 อยู่หน้าทางเข้า walking street นั่นแหละ
หลังจากนั้นเราก็ไปจองเรือ เพื่อพาเราออกทะเล อารมณ์อยากอยู่ในทะเลอ่ะ!! ไปเกาะต่างๆไม่ได้ก็ขอไปอยู่กลางทะเลก็ได้ ต่อปากต่อคำกับพี่เจ้าของบริษัทกันอย่างสนุกสนานเบ็ดเสร็จได้ราคาเหมาที่ลำล่ะ 2300 รวมอาหารเที่ยง เราเหมาแค่ครึ่งวัน เพราะช่วงบ่ายอยากมานั่งเล่นเดินเล่น ไปดูพระอาทิตย์ตกดิน
คืนนี้ รีบนอนดีกว่า เพราะถ้านอนน้อย พรุ่งนี้เราจะไม่ 100% เดี๋ยวจะโก่งคอให้อาหารปลากันไม่หยุดไม่หย่อนซะ
ll 26 กันยายน ll : บอกแล้วไงว่าเกาะปิด!!! จ่ายค่าปรับมา !!
ll Elephant Coffee House & Bar ll
หมายมั่นปั้นใจดูรีวิวมาเรียบร้อย ว่ากาแฟและอาหารเช้าต้องร้านนี้ ออกจากที่พักก็ตรงดิ่งไปเลย
ถ่ายจากหน้าร้าน กลางร้าน และจากหลังร้าน
ชอบแฮะ ร้านไม่หรูหรา แต่มีเสน่ห์และ feeling cool เคาเตอร์เป็นเรือ โต๊ะเก้าอี้ที่นั่งเป็นไม้ เบาะรองนั่งเป็นผ้าถุงเย็บทรงสี่เหลี่ยมรองรับรูปทรงของตูดได้เหมาะเจาะ พื้นและผนังเป็นปูนดิบ มีหนังสือให้อ่าน หลังร้านมีต้นไม้แผ่ร่มใบ เชื่อมต่อกับหลังคาของร้าน แดดส่องรำไร อากาศถ่ายเทได้สะดวก
ร้านนี้มีตั้งแต่อาหารเช้า ลากยาวยันเย็น มีเครื่องดื่มที่ทำให้เลือดสูบฉีดพร้อมกับบรรยากาศดนตรีสดในยามค่ำคืน
ความรักษ์โลกของร้านนี้คือ มีห้องน้ำ มีน้ำ แต่ไม่มีทิชชู่พร้อมคำเตือนสติว่า ก่อนหน้านี้ไม่มีกระดาษ เราอยู่กันมายังไง มีผ้าปาเต๊ะ หรือผ้าถุงสำหรับเป็นผ้าเช็ดมือเช็ดปาก หลอดที่ใช้ก็เป็นกระดาษ ใครจะมาซื้อกาแฟกลับบ้าน ก็ใส่แก้วกระดาษให้ ส่วนน้ำดื่มมีให้ฟรี แต่บริการตัวเองนะจ้ะ
เราสั่งอาหารเช้าชุดใหญ่สองชุดแบบเดียวกัน ซึ่งประกอบไปด้วย หนมปังปิ้งกรอบๆ 2 แผ่นไม่แน่ใจว่าทาเนยด้วยมั้ย ไข่ดาวสองฟอง หมูก้อน ไส้กรอก เบค่อนกรอบๆ มันฝรั่งทอดและถ้วยผลไม้น่าเอ็นดูที่หั่นผลไม้สี่เหลี่ยมขนาดพอดีคำ ทั้งกล้วยหอม สัปปะรด แตงโมง และ มะม่วงสุก
ll ดำน้ำ เล่นน้ำ ll
“ หวัดดีครับพี่ ผมชื่อบอย และนี่น้องชายผม เดี๋ยวผมจะไปเกณฑ์ทหาร และจะให้น้องชายดูแลกิจการต่อ เลยต้องพามาดูงานครับ” เสียงเจื้อยแจ้วของน้องเจ้าของเรือระหว่างทางเดินไปขึ้นเรือหน้าหาด Sunrise เพื่อที่จะพาเราไปลอยทะเลในวันนี้
หาดทุกหาดดำน้ำดูปะการังได้ทั้งหมด แต่ถ้าอยากเจออะไรให้เยอะแยะกว่านี้ก็ โน่นนนนน กลางทะเล เกาะรอบนอกรอบใน ไปดำกันเลยปะการังเจ็ดสีมณีเด้ง แต่!! ต้องไม่ใช่ Low Season อย่างที่ฉันไปนะ ฮ่าฮ่า
ll Sunset Beach ll
เราเช่าเรือแค่ครึ่งวัน เพราะเราอยากพักช่วงบ่าย แล้วก็ไปดูพระอาทิตย์ตกดิน เข้าที่พักอาบน้ำพักผ่อนกันเรียบร้อยเราก็ออกมาหาไรกิน เสร็จแล้วก็เดินไปดูพระอาทิตย์ตกดินที่หาด Sunset
คลื่นทะเลที่นิ่งสงบ กระทบกับแสงอาทิตย์อัสดงเป็นประกายระยิบระยับ สีทะเลเริ่มเปลี่ยนไปตามสีของท้องฟ้าที่เด่นชัดเหมือนใครเอาพู่กันจุ่มสีทุกสีมาสะบัดทิ้งไว้ให้มันซึมซาบและผสมกันไปเองก็ไม่ปาน
ขากลับที่พัก แท็กซี่หลี่เป๊ะ คนล่ะ 50 บาท คันนึงนั่งได้ 2 คน หรืออย่างเก่งก็ไม่ควรเกิน 3 ลักษณะรถคือมอเตอร์ไซค์พ่วงข้างมีหลังคานั่นเอง
คืนนั้นเรานั่งคุยเล่นกันตรงโถง แล้วก็ขำกับการมา แบบไม่ดูวันดูเดือนของเรา ไม่ดึกมากนักต่างคนก็ต่างแยกย้ายกันไปเข้านอน
ปล. วันนี้เราโดนค่าปรับด้วย เพราะดันเข้าไปในเขตเกาะอาดัง สมควรโดน
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้