มีใครเคยดรอปเรียนตอนม.6ไปหาประสบการณ์ชีวิตก่อนขึ้นมหาวิทยาลัยบ้างครับ?

ผมเป็นเด็กม.6ธรรมดาคนนึงครับ ไม่ได้สับสนในทางที่จะไปต่อ แต่รู้สึกยังไม่พร้อมที่จะไปต่อ
เพราะยังมีปัญหาส่วนตัวที่ผมยังต้องแก้ปัญหาอยู่
เรื่องเงินเนี่ย ครอบครัวของผมค่อนข้างมีปัญหามานานมากแล้วครับ แม่ก็ส่งเสียลูกอยู่คนเดียว มีลูกสามคน ส่วนผมเป็นลูกคนเล็ก (ส่วนพ่อก็เสียนานแล้ว)
บ้านที่ผมอยู่เป็นบ้านใหญ่อยู่กันสองครอบครัวครับ โดยมีธุรกิจของบ้านนี้อยู่(ขอไม่บอกนะครับ) แต่ธุรกิจนี้ตั้งแต่พ่อเสียไปก็เริ่มรายได้ถอยลงๆ.... แต่ยังดีที่แม่ผมยังหารายได้เสริมด้วยการขายอาหารตอนเสาร์-อาทิตย์ (โดยมีผมช่วยปัจจุบัน) แต่ก็ทำมาสิบปีแล้วตั้งแต่ก่อนพ่อเสีย
แต่เงินแค่นั่นมันไม่พอ พี่ชาย พี่สาวผมเรียนมหาลัย ส่วนผมกำลังจะขึ้นมหาลัย ทำให้ในที่สุดต้องขายบ้านที่ปริมณทล (บ้านปัจจุบันผมอยู่จังหวัดทางภาคอีสาน) ซึ่งพอขายได้เนี่ย ก็มีส่วนแบ่งของเงิน เมื่อผมได้รับมาช่วงแรก ผมก็เอาไปซื้อของมากมาย จนในที่สุดตอนเปิดเทอมผมก็กำหนดเงินที่จะใช้แต่ละเดือน แม่ผมก็จะมาตรวจบัญชีว่าผมใช้อะไรไป ซึ่งผมพยายามลดค่าใช้จ่ายมาตลอด เพราะเงินนี้ต้องเอาไปใช้ตอนขึ้นมหาวิทยาลัยด้วย ซึ่งแม่ผมก็มักจะบอกตลอดว่าถ้าใช้เงินแบบนี้มันจะไม่พอ ซึ่งผมก็รู้และลดค่าใช้จ่ายมาตลอด จนผมเริ่มเครียด แล่วก็นึกอะไรออกว่า ทำไมผมไม่ลองดรอปเพื่อหาเงินไปหล่ะ....
เรื่ิองการเรียนของผมก็ไม่ได้ดีมาก ถึงแม้สามเทอมแรกจะเฉลี่ยได้3.7 แต่พอม.5เทอมสองกิจกรรมเยอะ ผมมีแฟน นู่นนี่นั่น ผมแบ่งหลายอย่างไม่ได้ ในที่สุดเกรดตกมาที่3.45 ตอนนั้นกังวลมากเพราะ แม่ไม่ไม่อยากให้ต่ำกว่า3.7 พอเทอมต่อมาตั้งใจขยัน แต่สุดท้าย มีหลายเรื่องเกิดขึ้น ทั้งปัญหาสุขภาพเรื้อรังของผม (ผมเป็นภูมิแพ้และมีเสมหะอยู่ในคอตลอดเวลา แล้วปีนี้มันหนักขึ้นมากด้วย) ซึ่งมันรบกวนสมาธิในการตั้งใจเรียนของผม แล้วก็ผมเป็นตัวแทนรร.เกี่ยวกับกิจกรรมบางอย่าง ซึ่งหลายๆครั้งผมก็พลาดโอกาสที่ได้คะแนนไป (ดีแค่มีรางวัลระดับประเทศอยู่1รางวัล แต่ถ้าเอาไปส่งคณะที่อยากเข้ามันจะคนละเรื่องกันเลย) และปัญหาด้านความเครียดเพราะตั้งแต่ต้นเทอมมาผมทะเลาะหนักกับที่บ้านมาเกือบสิบครั้งแล้ว จนในที่สุด เกรดเทอมนี้ผมอยู่ที่3.01(ณ ขณะนี้ที่บ้านยังไม่รู้) แต่โชคดีที่เกรดห้าเทอมผมเฉลี่ยที่3.5เป๊ะๆ เพราะอาศัยเกรดจากสามเทอมแรก
แต่ก็นั่นแหละครับ ผมทำใจกับเกรดได้ แต่แม่คงต้องอธิบายยาวหน่อย
ที่จริงมีอีกเรื่องคือผมไปสมัครค่ายๆหนึ่งเป็นค่ายเกี่ยวกับคณะที่ผมสนใจของม.ดังซึ่งเป็นค่ายที่มีแบบทดสอบให้ทำ ผมได้ใช้เวลาทบทวนหลายวันประณีตจนทำแบบทดสอบเสร็จ แม่ผมหวังมากว่าผมจะติดค่ายนี่ แต่เมื่อผมไม่ติด คำที่ได้ยินตอนแม่พูดคือ"แค่นี้ก็ไม่ติด"  ตอนนั้นคือเจ็บใจมาก มันทำให้รู้สึกว่าเราอ่อนประสบการณ์เกินไปรึปล่าว
่แม่อยากให้ผมติดม.รัฐดีๆทุกคนในบ้านคิดว่าผมเก่งแต่ความจริงไม่ใช่ผมไม่ใช่คนเก่งผมแค่ขยัน เทอมล่าสุดผมก็ขยันที่สุดเท่าที่จะทำได้เพราะติดปัญหาสุขภาพจริงๆ
แม่บอกเอกชนแพงไม่มีเงิน แต่พูดว่าถ้าขึ้นมหาวิทยาลัยให้กู้กยศ. ผมก็เลยงงว่ามัน.เอกชนก็กู้ได้ไม่ใช่เหรอ เคยจะถามแต่ดูแล้วแม่ผมตอนนี้เขายังยึดติดว่าถ้าจบม.รัฐก็หางานง่ายกว่า อธิบายกว่านี้คงยาก และความรู้ของผมก็ช้ากว่าอีกหลายแสนคนทั่วประเทศเหลือเกิน...
ผมเป็นคนประสบการณ์หลายๆอย่างน้อยมาก มอเตอร์ไซค์ทุกวันนี้ยังขับไม่คล่องเพราะที่บ้านกังวลมากเกินไป จนผมต้องให้เพื่อนสอน หลายๆอย่างผมยังทำไม่ค่อยเป็นเพราะแทบไม่ได้ทำเอง ทั้งๆที่ผมอยากทำ เพิ่งมาทำได้ตอนม.6...
หลายๆอย่างเข้ามาในหัว ความกดดัน ความรู้สึก เรื่องต่างๆที่ผมไม่อาจเล่าในนี้ได้ มันถาโถมเข้ามาหมด จนอยู่ๆผมก็รู้สึกอยากลองไปหาประสบการณ์ชีวิต อยากไปทำงานหาเงินที่ไกลๆ อยากอยู่คนเดียว อยากรักษาอาการตอนนี้ให้หาย อยากลองใช้เวลาทบทวนหาหนังสือหลายๆเรื่องมาอ่านแล้วไปอยู่ในสภาพแวดล้อมที่รู้สึกดีกว่านี้(สภาพแวดล้อมที่บ้านผมสำหรับผมแล้วแย่มาก) แล้วกลับมาเรียนต่อด้วยความรู้สึกที่พร้อมจริงๆ
อ่านมาถึงตรงนี้อาจจะคิดว่าผมเบื่อที่บ้าน แต่ปล่าวเลย ผมเบื่อตัวเองที่ไม่สำเร็จอะไรในชีวิต
เคยคิดหาความสุขไม่เจอจนสมองเกือบจะคิดสั้น แต่พอไปเจอโลกกว้างมากๆ เจอคนมากมาย ก็รู้สึกอยากจะมีชีวิตต่อ อยากช่วยเหลือคนอื่น
จริงๆเหมือนกระทู้ระบาย แต่ผมต้องการปรึกษาจริงๆครับ
หากใช้ภาษาแล้วดูไม่เหมาะสมขออภัยด้วยนะครับ
ขอน้อมรับทุกความคิดเห็น
ปล.ที่ผมหมายถึงคือจบม.6แล้วดรอปซักปีสองปีแล้วขึ้นมหาวิทยาลัยนะครับ ไม่ใช่ดรอปกลางเทอม(กลัวสื่อสารผิดครับ555)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่