พี่ผมคนนี้ เคยถูกแม่ตีกรอบและกดขี่มานาน พอหลุดกรอบมาได้ ชีวิตกลับแย่กว่าเดิมอีก พอมีทางช่วยเหลือไหมครับ

พี่คนนี้เป็นลูกสาวคนเดียวของน้าผมครับ ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องกับคุณแม่ผมอีกทีหนึ่ง เกิดก่อนผมแค่ไม่กี่เดือน แม่ผมค่อนข้างสนิทกับน้า ผมก็เลยได้มีโอกาสใกล้ชิดกับพี่คนนี้มาตั้งแต่เด็ก และได้เจอได้ไปเล่นด้วยกันทุกครั้งที่ครอบครัวผมกลับบ้านต่างจังหวัด และผมได้เห็นความรุนแรงในครอบครัวมาบ้าง บางทีแม่ก็มาเล่าให้ฟัง

ผมนับถือพี่เขาเป็นพี่สาวคนหนึ่งนะครับ เพราะผมเป็นลูกคนโตสุดล่ะ ตอนที่น้องผมยังไม่เกิด ผมก็สนิทกับพี่คนนี้มากที่สุด

ซึ่งครอบครัวพี่ผม พ่อแม่แยกทางกันตั้งแต่พี่ผมยังเล็ก พอโตขึ้น แม่ก็เริ่มตีกรอบ เหมือนหวังจะให้ลูกสาวได้ดี โดยเฉพาะตอนขึ้น ม.ปลาย พี่ผมไม่มีโอกาสได้เที่ยว ได้เล่นหลังเลิกเรียนเหมือนอย่างผมหรือเพื่อนคนอื่นๆ เลิกเรียนต้องรีบกลับบ้านทันที ถ้าวันไหนกลับเย็นเกินแม่ก็เตรียมไม้เรียวรอล่ะ และแม่พี่ผมจะเคร่งเรื่องเรียนมากๆ เทอมไหนเกรดเฉลี่ยต่ำกว่า 3.5 หรือมีวิชาไหนเกรดต่ำกว่า 3 ก็ต้องมีด่า-ลงโทษกันแล้ว พี่ผมเลยเรียนดีมาตลอด

ตอนนั้นผมคุยกับพี่ครับ ถามว่าเรียนได้เกรด 3.6-3.7 แม่พี่ไม่ให้รางวัลอะไรเลยเหรอ พี่ผมบอกว่า ไม่มีรางวัลอะไรทั้งนั้น แค่ชมยังไม่อยากชมเลย

พี่ผมหน้าตาดีด้วยนะครับ สูง 170 กว่าๆ ได้รางวัลเรื่องบุคลิก นักเรียนดีเด่น และรางวัลประกวดความสามารถวิชาต่างๆ หลายรางวัล และมีคนมาจีบหลายคนด้วย แต่แม่สั่งห้ามคบเป็นแฟนกับใครเด็ดขาด

นอกจากนี้เงินที่แม่ให้ไปเรียน ถ้าเหลือต้องเอามาคืนแม่ทุกครั้ง พี่ผมบอกว่าเคยแอบเก็บเงินซื้อ โทรศัพท์จอสี ถ่ายรูปได้ (เครื่องที่แม่ซื้อให้ตอนนั้นเป็นรุ่นจอขาวดำ) พอซื้อมาแล้วแม่เห็น โดนแม่สวดไปยกใหญ่

ตอนที่พี่ผมจบ ม.6 (จบปีเดียวกับผม แต่ผมอยู่กรุงเทพ) แม่พี่ผมโทรมาคุยโวกับแม่ผมครับ ว่าลูกสาวเขาจบ ม.6 ได้เกียรติบัตรเหรียญทอง เกรดเฉลี่ย 3.7 กว่าๆ ยกมาเป็นตัวอย่างให้ผมใหญ่

พี่ผมสอบติด ม.ธ. ซึ่งอยู่ใกล้บ้านผมด้วยนะครับ แค่แม่ไม่อนุญาตให้มาเรียนที่นี่ เพราะไกลจากบ้าน เปลืองค่าหอ ค่าเดินทาง เลยให้ลงที่ ม.ราชภัฎ ที่ อ.เมืองแทน

พอขึ้นมหาลัยแล้ว ชีวิตไม่ได้อิสระขึ้นเลย แม่ยังคงตีกรอบและตั้งกฎสารพัด เรียนเสร็จให้รีบกลับบ้าน ห้ามเที่ยว ห้ามคบแฟน ขนาดจะไปทำกิจกรรมที่ต้องค้างคืนแม่ยังไม่เต็มใจให้ไปเลย

หรือแม้กระทั่งตอนปิดเทอม ตอนที่ผมไปหาพี่ ผมและพ่อ-แม่ผมชวนพี่เขาไปช็อปปิ้ง ที่ห้างในตัวเมือง พี่ผมยังบอกเลยครับว่าต้องรีบกลับก่อนที่จะค่ำมืด ไม่งั้นแม่ด่า

และที่พีคที่สุดคือตอนที่พี่ผมอยู่ปี 3 พี่ผมไปคบแฟน พอแม่รู้ แม่ตบไม่ยั้งเลย แล้วบอกให้เลิก จนต้องยอมเลิก

พอพี่ผมจบมาได้เกียรตินิยม สาขาภาษาอังกฤษธุรกิจ แล้วเริ่มทำงาน แม่ก็ยังให้อยู่ในกรอบเหมือนเดิม ยังห้ามเที่ยว ห้ามมีแฟน ซึ่งผมมองว่า เข้าสู่ชีวิตการทำงานแล้ว ก็ไม่ควรจะมาบังคับกันอย่างนั้นแล้ว

ตอนนั้นรู้สึกว่าพี่ผมได้เงินเดือน 20,000 เลยนะครับ เพราะได้งานดี ได้ภาษาอังกฤษ แต่กลับแทบไม่ได้จับเงินเดือนตัวเองเลย เพราะแม่เป็นคนบริหารเงิน แม่เอาเงินไปซื้อวัตถุดิบทำกับข้าวขาย ซื้อของใช้ในบ้าน แล้วให้พี่ผมเป็นเบี้ยเลี้ยงรายวันเหมือนไปเรียน บัตร ATM ต้องเอาไว้ที่แม่

บางทีพี่ผมโทรมาบ่นเรื่องชีวิตให้ฟัง อยากหาทางออก เพราะเห็นเพื่อนคนอื่นๆ เขาไปสร้างเนื้อสร้างตัวกันแล้ว

ประมาณปีกว่าหลังจากนั้น พี่ผมทนไม่ไหว โทรปรึกษาญาติหลายคน รวมทั้งผมด้วย บางคนบอกให้หนีออกมา แต่บางคนก็เข้าข้างแม่ แต่พี่ผมเลือกที่จะ เก็บของ ทิ้งจดหมายลาไว้ แล้วตามเพื่อนๆ ของพี่ มาอยู่กรุงเทพ เช่าห้องพักอยู่

ตอนนั้นผมติดต่อพี่ทาง Facebook ครับ พี่ผมเพิ่งมาเริ่มเล่น Facebook ช่วงนั้นเอง

พอมาหางานทำในกรุงเทพ ตอนแรกก็ได้งานดีนะ ได้ทำงานกับค่ายโทรศัพท์ค่ายหนึ่ง ผมยังยินดีด้วยเลยที่พี่ผมหลุดกรอบนี้มาได้

ไม่กี่เดือนหลังจากนั้น แม่พี่เขาก็ป่วยหนักและเสียชีวิตลง ได้เจอพี่อีกครั้งในงานศพ เห็นพี่ผมเปลี่ยนไปมาก เริ่มแต่งหน้าทำผม แต่งตัวดูดีมีระดับ ได้ถามเรื่องชีวิตความเป็นอยู่กัน พี่ผมบอกดีขึ้นเยอะ

ประมาณ 3-4 เดือนหลังจากนั้น แม่ผมมาบอกว่า พี่ผมไปมีเรื่องกับเพื่อนร่วมงาน ถึงขั้นลงไม้ลงมือกัน จนถูกไล่ออกจากงาน ผมก็ทึ่งไปเหมือนกัน เพราะระดับพี่ผมเป็นคนดีและเรียบร้อย ไม่น่าจะไปมีเรื่องอะไรแบบนี้ได้ง่ายๆ โทรไปคุยกับพี่ ว่าเกิดอะไรขึ้น พี่ผมบอกว่าได้ไปชอบกับผู้ชายที่ทำงานคนหนึ่ง แล้วมีผู้หญิงที่อ้างตัวว่าเป็นแฟนกับผู้ชายคนนั้นเข้ามาด่า เลย "ตบ" สั่งสอนมันไป คือใช้คำพูดมาแบบนี้เลย ผมงงไปเหมือนกันเมื่อได้ยินแบบนั้น

ผมไปนัดเจอพี่หลังจากที่เกิดเรื่องได้ไม่กี่วัน คราวนี้เห็นว่าบุคลิกและตัวตนพี่ผมไม่เหมือนคนเดิมที่รู้จักแล้วครับ ถ้าแบบเดิมคือจะเรียบร้อย สำรวม พูดเพราะ แต่คราวนี้ดูเป็นผู้หญิงห้าวๆ พูดแบบไม่แคร์ใคร ขนาดคุยกับผมที่นับถือเป็นพี่น้องกันยังมีใช้คำหยาบหรือภาษาพ่อขุนเลย และที่ทึ่งที่สุดคือตอนที่พี่ผมหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบ จนผมต้องบอกว่าผมแพ้บุหรี่ แต่พี่ก็ไม่หยุดสูบนะ แต่ออกไปยืนสูบห่างๆ แทน แล้วสูบแบบสองตัวต่อกันด้วยนะ ซึ่งเท่าที่เคยเห็นคือพี่คนนี้ไม่เคยแตะต้องของแบบนี้เลย

ตอนที่มาเยี่ยมบ้านผมเมื่อต้นปี ได้คุยกับแม่ผม แม่ผมบอกเลยว่า พี่คนนี้นิสัยเปลี่ยนไปมาก ไม่ได้น่ารักเหมือนตอนยังอยู่กับแม่เขาแล้ว ตอนนี้ดูมีนิสัยเกเรและหัวร้อนง่าย ชอบรังแกคนที่อ่อนแอกว่า วันนั้นมานอนบ้านผมก็แกล้งน้องผมจนร้องไห้ แม่ผมเลยไม่อยากให้พี่คนนี้มาที่บ้านอีก

และล่าสุดมาเจอพี่คนนี้ เมื่อวานนี้เองครับ ได้ไปดื่มด้วยกันที่ร้านเหล้า พบว่าพี่ผมไม่มีงานทำเป็นหลักเป็นแหล่ง ตอนนี้ไม่ได้ทำงานอะไรนอกจากขายของออนไลน์ เงินที่ได้มาก็หมดไปกับค่าห้อง ค่ากิน และ "ค่าเที่ยว" ผมลองบอกให้หยุดเที่ยวแล้วเก็บเงินไว้ใช้อะไรดีๆ หน่อยดีกว่า เอาไปเรียนเสริม หรือลงคอร์สมัคคุเทศก์แบบผมก็ได้ แต่กลับด่าผมซะงั้น ดูเหมือนไม่ฟังใครเลย

ตอนนี้ผมเป็นห่วงมากเลยครับ เกิดอะไรขึ้นกับพี่ผมจนเปลี่ยนไปขนาดนี้ จะช่วยเหลือและแก้ไขยังไงครับ กลัวว่าต่อไปอาการจะหนักกว่านี้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่