(รูปเยอะมาก) อธิบายสาเหตุและการแก้ไข iPhone XS ถ่ายภาพ Selfie ออกมาแล้วหน้าเนียนเกินไป #BeautyGate


บทความนี้ได้แปลมาจากวิดีโอที่ออกมาแก้ต่างให้กับ iPhone รุ่นใหม่ทั้ง iPhone Xs , Xs Max และรุ่น Xr ที่กำลังจะเข้ามาขายในไทยนะครับ
ถ้าหากใครไม่สนใจบทความแปลของ จขกท. หรือสามารถฟังภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่วอยู่แล้วสามารถกดเล่นวิดีโอได้เลยครับ
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
คุณอาจจะเคยได้ยินเกี่ยวกับ BeautyGate ที่เจอปัญหาถ่ายภาพ Selfie บน iPhone Xs และ Xs Max แล้วออกมาหน้าเนียนเกินไปราวกับว่าใช้โหมด Beauty ถ่ายภาพแต่ผู้ใช้ปิดเองไม่ได้


แต่ในกระทู้นี้เราจะมาดูกันว่ามันเกิดอะไรขึ้น และเราจะแก้ไขอาการหน้าเนียนได้อย่างไร? และใช่โหมด Beauty จริงมั้ย?

สาเหตุมันมาจาก Smart HDR (HDR อัจฉริยะ) ที่เพิ่งมีมาใน iPhone Xs , Xs Max และ Xr ที่ออกแบบมาเพื่อเพิ่ม WDR หรือ Wide dynamic range

จากรูปด้านล่างต่อไปนี้จะเป็นรูปที่เปรียบเทียบระหว่าง iPhone X และ iPhone Xs

บน iPhone X หน้าตาและลำตัวมีรายละเอียดที่ชัดเจน แต่ภาพพื้นหลังดูไม่สมจริงเอาเสียเลย
แต่บน iPhone Xs สามารถเห็นรายละเอียดทุกอย่าง และสีออกแสดงออกมาได้อย่างสมจริง

ไม่เพียงเท่านั้น กระทั่งเงาก็สว่างขึ้นและมองเห็นได้อย่างชัดเจนเช่นกัน

แต่ที่น่าสนใจยิ่งกว่าก็คือตรงส่วนกางเกนยีนของ iPhone Xs ออกมาเนียนราวกับใช้ Smoothing effect เสริมเข้าไป

และยิ่งถ่ายรูปในที่ที่แสงน้อย effect นั้นยิ่งออกมาชัดเจนยิ่งขึ้นไปอีก

มี 2 เหตุผลหลักที่ทำไมมันถึงเกิดขึ้น และทั้งคู่เกี่ยวข้องโดยตรงกับ Smart HDR
ซึ่งถ้าเราถ่ายรูป HDR (High Dynamic Range) กล้องจะทำการถ่ายรูป 3 รูปคือ Shadow, Mid-tone และ Highlight และนำเอาส่วนที่ดีที่สุดจากรูปภาพสามรูปที่ถ่ายอย่างรวดเร็วมารวมเข้าด้วยกันโดยอัตโนมัติ

ซึ่งการจะทำแบบนี้ได้ปกติแล้วช่างกล้องมืออาชีพจะถ่ายรูป 3 รูปด้วยมือก่อนนำไปรวมกันในโปรแกรม Adobe Lightroom‎ เพื่อให้รูปมีรายละเอียดที่ชัดเจนและ Dynamic Range สูง
ซึ่งสามารถดูการแต่งภาพจากช่างกล้องได้ที่กระทู้นี้ครับ
>> teeShutterB << แชร์การแต่งภาพ และใส่ลายเซ็น "บนมือถือ" โดยไม่ง้อคอม "ด้วย 3 app ฟรีสุดเจ๋ง
https://pantip.com/topic/38100348

ด้วย Smart HDR เริ่มจากสิ่งแรกที่ Apple เรียกคือ Zero shutter lag กล่าวคือทุกครั้งที่ทำการเปิด App กล้อง กล้องจะทำการถ่ายรูปรอไว้แล้ว 4 รูปอย่างต่อเนื่องโดยไม่ได้ทำการบันทึกลงไปในเครื่อง เพื่อให้ได้รูปที่ดีที่สุดในทันทีที่คุณต้องการบันทึก

และในระหว่างนั้นกล้องจะทำการถ่ายรายละเอียดความสว่าง (Highlight) เพิ่มอีก 4 รูปที่ระดับความสว่างแตกต่างกัน และรายละเอียดในเงา (Shadow) เพิ่ม 1 รูปโดยเปิดชัตเตอร์ค้างไว้ (Long exposure) เพื่อให้เห็นรายละเอียดในเงาให้มากเท่าที่จะทำได้ หลังจากนั้นจะทำการวิเคราะห์ด้วย AI และนำเอาส่วนที่ดีที่สุดจากรูปภาพ 9 รูปที่ถ่ายอย่างรวดเร็วมารวมเข้าด้วยกันโดยอัตโนมัติเพื่อให้รูปมีรายละเอียดที่ชัดเจนและ Dynamic Range สูงมากกว่าการถ่าย HDR ทั่วไป

ความสามารถนี้เกิดได้จากเซ็นเซอร์กล้องหน้าและกล้องหลังตัวใหม่ที่เพิ่มความรวดเร็วในการอ่านข้อมูล ทำให้สามารถถ่ายรูปได้รวดเร็วยิ่งขึ้นไปอีก แต่ว่าก็ยังมีข้อจำกัดอีกส่วนหนึ่งก็คือ Shutter Speed ที่เกี่ยวกับเวลาในการเปิด Shutter เพื่อให้แสงผ่านเข้าไปหาเซ็นเซอร์


ซึ่ง Smart HDR ต้องการให้ทุกการประมวลผลเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว จึงต้องเร่ง Shutter Speed ให้เร็วมากขึ้นเพื่อให้ทันต่อการประมวลผลของรูป ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้แสงเข้ามาหาเซ็นเซอร์ได้น้อยลง

และเพื่อแก้ปัญหาในจุดนี้ กล้องจึงทำการเพิ่ม ISO เพื่อให้ภาพมีความสว่างมากขึ้น แต่การทำแบบมีก็ทำให้เกิด Noise มากขึ้นเช่นกัน

ในที่ที่มีแสงเพียงพอ อาจจะแยกไม่ออกเพราะเซ็นเซอร์สามารถรับแสงได้ครบตามความต้องการอยู่แล้ว

แต่ในที่แสงน้อย ISO จะถูกปรับขึ้นไปให้สูงยิ่งขึ้น จึงทำให้ภาพมี Noise เพิ่มมากขึ้น และเพื่อแก้ไขจุดนี้ Apple จึงได้เพิ่ม Noise reduction เข้าไปเพื่อลด Noise และข้อเสียของ Noise reduction ก็คือรูปจะสูญเสียความคมลงไป และดูเนียนขึ้น

และที่เราสามารถสังเกตเห็นจากกล้องหน้าได้ชัดกว่ากล้องหลังเพราะเซ็นเซอร์กล้องหน้านั้นเล็กกว่ากล้องหลังทำให้มีแสงผ่านเข้ามาหาเซ็นเซอร์ได้น้อยกว่า

ผู้พัฒนา App กล้อง Halide กล่าวมาว่าขณะนี้กล้องของ iPhone นิยมที่จะใช้ Shutter Speed ที่สูงมาก และดันค่า ISO ให้มากขึ้นแม้ว่าจะปิด HDR หรือไม่ก็ตาม


ดังนั้น Apple ไม่ได้ใช้โหมด Beauty หน้าสวยอย่างที่เป็นข่าวนะครับ

ถ้าเราไปเทียบกับกล้องของ Samsung Galaxy Note 9 ก็จะพบว่า Note 9 ก็ได้ใช้ Noise reduction เช่นกัน
จขกท. เพิ่มให้ : สงสัยกันมั้ยครับว่าทำไมนาย Unboxtherapy ถึงมีปัญหากับกล้อง iPhone Xs ว่ากล้องไม่สมจริงแต่ดันไม่เอ่ยว่า Note 9 ก็พบปัญหานี้และบอกว่าคือมือถือที่ดีที่สุดถ้ามีเงินจ่าย https://pantip.com/topic/38109204
Note 9 : https://www.youtube.com/watch?v=FTLvuDCUQOQ


ด้วยเหตุนี้เอง Smart HDR ได้ถ่ายรูปที่มีแสงและเงาเพิ่มออกมามากกว่า HDR โดยทั่วไป ทำให้รูปที่ได้นั้นทำให้ได้รูปที่มีรายละเอียดในที่ที่แสงมากและแสงน้อยมากกว่าเดิม

แต่ว่าการรวมรูปหลายๆรูปเข้าด้วยกันมากเกินไปก็ทำให้รูปเนียนขึ้นและลด Contrast ของรูปลง

แต่ความเนียนของรูปนั้นก็ไม่ได้ลดรายละเอียดของรูปลงไปเลย ถึงแม้ว่ากล้องของ iPhone X จะดูชัดกว่าก็ตาม

เมื่อได้ซูมเข้าไปก็พบว่ารูปของ iPhone Xs มีรายละเอียดที่มากกว่า ซึ่งแตกต่างจากการใช้โหมด Beauty ที่ลดความละเอียดของภาพเพื่อเพิ่มความเนียนโดยสิ้นเชิง

Contrast อธิบายโดยสั้นๆคือจะเป็นระดับความแตกต่างระหว่างส่วนที่สว่างกับส่วนที่มืดของตัวภาพ

จากรูปนี้ รูปครึ่งล่างไม่ได้มีความคมมากกว่ารูปครึ่งบน แต่รูปครึ่งล่างมี Contrast มากกว่า

ถ้าเรามาเปรียบเทียบให้เห็นได้ชัดคือ Xs Max มี Contrast น้อยกว่า Note 9 แต่รายละเอียดโดยรวมจาก Xs Max นั้นมีมาให้มากกว่า


จากตอนแรกที่กล้องหน้าของ iPhone X ดูมีรายละเอียดมากกว่ารุ่น Xs เพราะมี Contrast มากกว่า และรุ่น Xs หน้าดูเนียนเหมือนใช้โหมด Beauty

แต่ถ้าหากเราเพิ่ม Contrast เข้าไปให้รุ่น Xs จะเห็นได้ว่าหน้ากลับไปเป็นปกติและหน้าเนียนได้หายไป




โดยทางเทคนิคแล้ว Apple สามารถแก้ได้โดยง่ายๆ โดยการเพิ่ม Contrast ลงไปในซอร์ฟแวร์ของกล้อง

แต่ตอนนี้น่าจะทราบกันแล้วนะครับว่าอาการหน้านวลสามารถแก้ได้ง่ายๆ โดนการเพิ่ม Contrast เท่านั้นเอง
ที่ จขกท. ไม่ชอบเพราะเห็นอีกฝั่งเอาไปเทียบกับโหมดหน้าสวยของกล้องจากยี่ห้อจีนกันสนุกปากเลยทั้งๆที่มันไม่เหมือนกัน
และข่าวสื่อนอกประโคมให้ไอโฟนดูแย่แต่อวย Galaxy Note 9 เรื่องกล้อง ทั้งๆที่ Note 9 ก็ทำกล้องไม่ต่างจาก iPhone Xs
ถ้าใครมีความเห็นเพิ่มเติม หรือเห็นด้วย ไม่เห็นด้วยตรงไหนสามารถแชร์กันได้เลยนะครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่