ตอบ อธิบาย ปกิณกะเวลา ๖.๑๔ นาฬิกา
เรื่อง สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
“เช่นเดียวกัน เมื่อเราเข้ามา ดู มาสอบสวน มาบอก ก็พึงจะพูดบทไปแต่ข้อสังเกตที่เกิดขึ้น ในแต่ละแห่ง ละอย่าง เราไปได้เร็วกว่าเขามาก ผิดกับคนอื่น ๆ ลิบลับ ก็ต้องยอมรับตนเอง ทั้งว่า ตนช้าเต่าที่สุด เป็นเต่าก็ตาม แต่ก็ให้เห็นเร็วกว่าหอยทาก เป็นไหน ๆ นำหน้าไปแล้ว นับประมาณจนไม่ถ้วน จึงจะชวนคุยกะใครเลยสักรายบ้างนั้น เราก็คงจะทำไม่ได้มาก เพราะจะเท่ากับว่า พาทุกคนย้อนตนทำล้าหลัง ทั้งที่ตนเเองเป็นคนบอกทางบอกทิศอยู่หัวเรือ เอง เป็นคนโบกสะบัดธงชัยอยู่เองแล้วแท้ ๆ”
“ฉะนั้น จึงจะฟังคำแจ้งเตือน ทุกคนบ้าง อันกำหนดรู้ตามทันบ้างไม่ทันบ้าง จากเว็บไซต์พระไตรปิฎกยกมาเอง เอามาเป็นข้อสังเกต ส่งบทพิจารณา ปลิ้นอาภรณ์ข้างในตัว ในส่วนลึก เอาส่วนอ่อนบางนั้น ๆ เอามาแผ่คลี่ ออก ให้ทุกคนที่อาจมีความละเอียด ช่วยกันหาช่วยกันเห็น ในส่วนที่ควรจะตกเป็นคติอุทาหรณ์ ไปแก่การพัฒนาชาติ และพัฒนาสังคม ทางการศึกษา ช่วยกันต่อไป โดยที่พวกเราไม่คิดพูดไปแค่แต่เรื่อง พันทิป หรือพูดก็แค่เรื่องระหว่างบัญชีกับบัญชี ซึ่งมักเป็นแต่แค่ปัญหา ที่ไม่อาจเป็นประโยชน์ ในที่ ที่ใครทุกคน จะเข้าไปดูแลแก้ไขช่วยกัน”
“การช่วยกัน ในสารูป สรุปพวกเรา เป็นผู้ร่วมตนในภัทระกัปป์ปัจจุบัน เราก็ควรจะให้เห็นว่า ควรพูดเป็นปัจจุบัน ควรจะพูดกันอย่างไรบ้าง ไม่พูดข้าม พูดขวาง พูดกระทำอย่างไร ไม่พูดเข้าพวก วกวนพัวพันกันแต่กิจของพันทิป ออกส่วนตัว หรือสองสามบัญชี แค่เท่านั้น จะไม่ทำกันอย่างไร, และสำคัญ ไม่ทำหัวอกหัวใคร่ สอดเสียด หาเที่ยวเล่นอย่างเด็กจะอยู่ ไปทั่ว ๆ ทุกแห่ง ทุกแท็ก ไม่เว้นได้ อย่างนั้นเราก็ไม่ควรจะเป็นตัวอย่าง พากระทำ เพราะว่า อาณัติกสัญญาอย่างปรกติ เป็นสิ่งประจำตน ของฝ่ายเทพวุ้นโพลิโม่ กะชอ และนานา (อ้าง. อย่างนิเทศ ๑๐ ก่อนนั้น) และแม้กระทั่งกลุ่มบัญชี ประเภท พวกวิจัยงานออกแบบเว็บไซต์ อย่างของนายบุณนาน (อ้าง. สมตุติ) เขาก็คงมีเข้ามามาก อยู่แล้ว แบบนั้นเป็นประจำ”
“ซึ่งเป็นสิ่งสมควร ตามแต่พวกมีจริตไร้เดียงสา ตามแต่จำนวนมาก พอสมควรดีอยู่แล้ว และพวกชื่อว่าบุญนาน นั้น ก็ได้ไร้เดียงสา ติดตามข้าพเจ้ามาด้วย แล้ว จำนวนหนึ่งราย ซึ่งสิ่งที่บอกเล่าทุกอย่างมานั้น เขาเข้าใจ แต่ว่าเขาก็ยังจะต้องโพล่ง ความสำรวมตนไว้ไม่ได้ ของเขา ตามนิสัย ที่เขาต้องแสดงตอบ บอกออกมาเสมอ เพื่อเสนอ, ซึ่งทุกสิ่งก็มักอาศัยตัวจะอ้างความดี แบบความคลุกคลี ตามความไร้เดียงสา อันนั้นเอง, ฉะนั้น ข้าพเจ้าจึงยังจะปิดปัญหา ตามบทคำถาม ที่ตั้งใจไว้ อย่างกับตนเองเป็นแต่พระเตปิฎกธร นั้น ข้าพเจ้ายังทำไม่ได้, เพราะผู้ใดชำนาญจะมีกะใจเชื่อ ใช้แต่ชื่อบัญชีสมมุติเพียงบัญชีเดียวนั้น ในนี้ ยังมีอยู่น้อยตัว น้อยราย” (อ้าง. นิเทศ ๑๐ ปุราเภทสุตตนิเทศ มานั้น)
“ฉะนั้น เอง การจะเกิดปฏิธรรม กัมมะสังวรณ์ สังเวช ที่ลงกัน ลงประโยคอย่างคนพูดบอกแนวเดียวกัน ตามความดีตาม เฉพาะความดีปัจจุบันนั้น เราจึงยังคงจะต้องคอยมองหากันต่อ ๆ ไป เผื่อจะพบ วันหนึ่ง เฉพาะที่ข้าพเจ้าบอกสมมุติมาแล้วบ้าง ก็เช่นกันนั้นเอง ว่าตนเองกระทำอย่างคนที่กระทำการงาน อยู่ในโรงพิมพ์ใหญ่ แห่งจักรวาล ในปัจจุบันภัทรกัป ของพวกเรา ตลอดจิตวิญญาณของตน ร่างกาย กระทำการงาน อยู่ก็แต่ใน เฉพาะโรงพิมพ์ และสำนักพิมพ์ ของพระนิตยะปัจเจกพุทธเจ้า ชีวิตวิเศษ ซึ่งองค์ท่านเป็นเจ้าของพระศาสนานี้ ในฝ่ายแผนกอภิบาลองค์ความรู้หนังสือเพื่อการสืบทอดความหมาย ติดต่อไปในดินแดนทุกแดนในพระอาณาเขต ที่เป็นแดนมนุษย์”
“ปุจฉา—วิสัชนา ปกิณกะเวลา ๖.๑๔ ย้อนตรวจเวลาขึ้นคำถามมาแล้วนั้น สามลำดับก่อนจะถึงนี้ เป็นคำถามใกล้ ๆ นี้ ที่ข้าพเจ้าตรวจดูเอง พบเลขปกิณกะเวลา นั้นมีอยู่ คือ เลข ๖ และ ๔ เพราะฉะนั้นจึงจะคิดเทียบบอกเล่า ตระเตรียมสาธก ยกความหรือขึ้นศัพท์อย่างไรไว้บ้าง ตลอดตามคำถาม ที่ทาบตัวเลขบอกเวลาโดนกันบ้าง มานั้น”
“อาณัติกะสัญญา หรือนิมิตดั่งนี้ ข้าพเจ้า เห็นเป็นเรื่องของการสำรวมใจก่อนจะนอน หรือว่าสำรวมใจ ก่อนที่จะกระทำตนไปในอิริยาบถ อันใดอันหนึ่งโดยไม่ขาดสาย ซึ่งเป็นไปตามภาระกิจ, ผู้ถามนั้น ประพฤติวิสาสะ จะถามออกอย่างนั้น แล้วก็เป็นอันจบไป, เป็นอันว่า ไม่ต้องหาสาเหตุ หรือข้อสังเกตอะไรกว่านั้น, ในที่ต่อมา ก็คือ การให้บทอนุโลม ต่ออาณัติกะสัญญา ประกาศแท็กของตัว ว่างานเป็นศาสนาพุทธ! ข้อดั่งว่านี้ ข้าพเจ้าขอสรุปให้สารูปว่า ควรอย่างนั้นไม่ได้, แต่ที่ควร ควร จะถามย้อนไปเสียดีกว่า “ว่าอะไร? จึงจะไม่เป็นศาสนาพุทธสำหรับท่าน”, ซึ่งก็ควรจะต้องมีอยู่แท้ แล้วก็ควรเอาออกมาตั้งซะบ้าง จึงจะไม่เบียดพื้นที่ส่วนกลางไปมากมายเสียจนเกินไป, เพราะว่า ถ้าใครทุกคน คิดแต่จะอวดเรื่อง ๘๐ % ของประเทศ อยู่ตลอดทุกเมื่อ ทุกเวลา อันที่ทาง พื้นที่จะใช้ประโยชน์อะไรอื่น นั้น ก็คงจะไม่สามารถมีได้”
“ดังนั้น ทุกท่าน ก็ควรจะย้อนถามเอา ถึงว่า เราควรถามเขา ว่า! ท่านเองจะแสดงสิ่งที่ไม่ใช่ศาสนาพุทธ ให้ได้ตกมาเป็นอุทาหรณ์ กับสังคมของเรา จากตัวอย่าง ดี ๆ ไว้ได้บ้าง อย่างไร?”
ปกิณกะเวลา ๖.๑๔ นาฬิกา
เรื่อง สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
“เช่นเดียวกัน เมื่อเราเข้ามา ดู มาสอบสวน มาบอก ก็พึงจะพูดบทไปแต่ข้อสังเกตที่เกิดขึ้น ในแต่ละแห่ง ละอย่าง เราไปได้เร็วกว่าเขามาก ผิดกับคนอื่น ๆ ลิบลับ ก็ต้องยอมรับตนเอง ทั้งว่า ตนช้าเต่าที่สุด เป็นเต่าก็ตาม แต่ก็ให้เห็นเร็วกว่าหอยทาก เป็นไหน ๆ นำหน้าไปแล้ว นับประมาณจนไม่ถ้วน จึงจะชวนคุยกะใครเลยสักรายบ้างนั้น เราก็คงจะทำไม่ได้มาก เพราะจะเท่ากับว่า พาทุกคนย้อนตนทำล้าหลัง ทั้งที่ตนเเองเป็นคนบอกทางบอกทิศอยู่หัวเรือ เอง เป็นคนโบกสะบัดธงชัยอยู่เองแล้วแท้ ๆ”
“ฉะนั้น จึงจะฟังคำแจ้งเตือน ทุกคนบ้าง อันกำหนดรู้ตามทันบ้างไม่ทันบ้าง จากเว็บไซต์พระไตรปิฎกยกมาเอง เอามาเป็นข้อสังเกต ส่งบทพิจารณา ปลิ้นอาภรณ์ข้างในตัว ในส่วนลึก เอาส่วนอ่อนบางนั้น ๆ เอามาแผ่คลี่ ออก ให้ทุกคนที่อาจมีความละเอียด ช่วยกันหาช่วยกันเห็น ในส่วนที่ควรจะตกเป็นคติอุทาหรณ์ ไปแก่การพัฒนาชาติ และพัฒนาสังคม ทางการศึกษา ช่วยกันต่อไป โดยที่พวกเราไม่คิดพูดไปแค่แต่เรื่อง พันทิป หรือพูดก็แค่เรื่องระหว่างบัญชีกับบัญชี ซึ่งมักเป็นแต่แค่ปัญหา ที่ไม่อาจเป็นประโยชน์ ในที่ ที่ใครทุกคน จะเข้าไปดูแลแก้ไขช่วยกัน”
“การช่วยกัน ในสารูป สรุปพวกเรา เป็นผู้ร่วมตนในภัทระกัปป์ปัจจุบัน เราก็ควรจะให้เห็นว่า ควรพูดเป็นปัจจุบัน ควรจะพูดกันอย่างไรบ้าง ไม่พูดข้าม พูดขวาง พูดกระทำอย่างไร ไม่พูดเข้าพวก วกวนพัวพันกันแต่กิจของพันทิป ออกส่วนตัว หรือสองสามบัญชี แค่เท่านั้น จะไม่ทำกันอย่างไร, และสำคัญ ไม่ทำหัวอกหัวใคร่ สอดเสียด หาเที่ยวเล่นอย่างเด็กจะอยู่ ไปทั่ว ๆ ทุกแห่ง ทุกแท็ก ไม่เว้นได้ อย่างนั้นเราก็ไม่ควรจะเป็นตัวอย่าง พากระทำ เพราะว่า อาณัติกสัญญาอย่างปรกติ เป็นสิ่งประจำตน ของฝ่ายเทพวุ้นโพลิโม่ กะชอ และนานา (อ้าง. อย่างนิเทศ ๑๐ ก่อนนั้น) และแม้กระทั่งกลุ่มบัญชี ประเภท พวกวิจัยงานออกแบบเว็บไซต์ อย่างของนายบุณนาน (อ้าง. สมตุติ) เขาก็คงมีเข้ามามาก อยู่แล้ว แบบนั้นเป็นประจำ”
“ซึ่งเป็นสิ่งสมควร ตามแต่พวกมีจริตไร้เดียงสา ตามแต่จำนวนมาก พอสมควรดีอยู่แล้ว และพวกชื่อว่าบุญนาน นั้น ก็ได้ไร้เดียงสา ติดตามข้าพเจ้ามาด้วย แล้ว จำนวนหนึ่งราย ซึ่งสิ่งที่บอกเล่าทุกอย่างมานั้น เขาเข้าใจ แต่ว่าเขาก็ยังจะต้องโพล่ง ความสำรวมตนไว้ไม่ได้ ของเขา ตามนิสัย ที่เขาต้องแสดงตอบ บอกออกมาเสมอ เพื่อเสนอ, ซึ่งทุกสิ่งก็มักอาศัยตัวจะอ้างความดี แบบความคลุกคลี ตามความไร้เดียงสา อันนั้นเอง, ฉะนั้น ข้าพเจ้าจึงยังจะปิดปัญหา ตามบทคำถาม ที่ตั้งใจไว้ อย่างกับตนเองเป็นแต่พระเตปิฎกธร นั้น ข้าพเจ้ายังทำไม่ได้, เพราะผู้ใดชำนาญจะมีกะใจเชื่อ ใช้แต่ชื่อบัญชีสมมุติเพียงบัญชีเดียวนั้น ในนี้ ยังมีอยู่น้อยตัว น้อยราย” (อ้าง. นิเทศ ๑๐ ปุราเภทสุตตนิเทศ มานั้น)
“ฉะนั้น เอง การจะเกิดปฏิธรรม กัมมะสังวรณ์ สังเวช ที่ลงกัน ลงประโยคอย่างคนพูดบอกแนวเดียวกัน ตามความดีตาม เฉพาะความดีปัจจุบันนั้น เราจึงยังคงจะต้องคอยมองหากันต่อ ๆ ไป เผื่อจะพบ วันหนึ่ง เฉพาะที่ข้าพเจ้าบอกสมมุติมาแล้วบ้าง ก็เช่นกันนั้นเอง ว่าตนเองกระทำอย่างคนที่กระทำการงาน อยู่ในโรงพิมพ์ใหญ่ แห่งจักรวาล ในปัจจุบันภัทรกัป ของพวกเรา ตลอดจิตวิญญาณของตน ร่างกาย กระทำการงาน อยู่ก็แต่ใน เฉพาะโรงพิมพ์ และสำนักพิมพ์ ของพระนิตยะปัจเจกพุทธเจ้า ชีวิตวิเศษ ซึ่งองค์ท่านเป็นเจ้าของพระศาสนานี้ ในฝ่ายแผนกอภิบาลองค์ความรู้หนังสือเพื่อการสืบทอดความหมาย ติดต่อไปในดินแดนทุกแดนในพระอาณาเขต ที่เป็นแดนมนุษย์”
“ปุจฉา—วิสัชนา ปกิณกะเวลา ๖.๑๔ ย้อนตรวจเวลาขึ้นคำถามมาแล้วนั้น สามลำดับก่อนจะถึงนี้ เป็นคำถามใกล้ ๆ นี้ ที่ข้าพเจ้าตรวจดูเอง พบเลขปกิณกะเวลา นั้นมีอยู่ คือ เลข ๖ และ ๔ เพราะฉะนั้นจึงจะคิดเทียบบอกเล่า ตระเตรียมสาธก ยกความหรือขึ้นศัพท์อย่างไรไว้บ้าง ตลอดตามคำถาม ที่ทาบตัวเลขบอกเวลาโดนกันบ้าง มานั้น”
“อาณัติกะสัญญา หรือนิมิตดั่งนี้ ข้าพเจ้า เห็นเป็นเรื่องของการสำรวมใจก่อนจะนอน หรือว่าสำรวมใจ ก่อนที่จะกระทำตนไปในอิริยาบถ อันใดอันหนึ่งโดยไม่ขาดสาย ซึ่งเป็นไปตามภาระกิจ, ผู้ถามนั้น ประพฤติวิสาสะ จะถามออกอย่างนั้น แล้วก็เป็นอันจบไป, เป็นอันว่า ไม่ต้องหาสาเหตุ หรือข้อสังเกตอะไรกว่านั้น, ในที่ต่อมา ก็คือ การให้บทอนุโลม ต่ออาณัติกะสัญญา ประกาศแท็กของตัว ว่างานเป็นศาสนาพุทธ! ข้อดั่งว่านี้ ข้าพเจ้าขอสรุปให้สารูปว่า ควรอย่างนั้นไม่ได้, แต่ที่ควร ควร จะถามย้อนไปเสียดีกว่า “ว่าอะไร? จึงจะไม่เป็นศาสนาพุทธสำหรับท่าน”, ซึ่งก็ควรจะต้องมีอยู่แท้ แล้วก็ควรเอาออกมาตั้งซะบ้าง จึงจะไม่เบียดพื้นที่ส่วนกลางไปมากมายเสียจนเกินไป, เพราะว่า ถ้าใครทุกคน คิดแต่จะอวดเรื่อง ๘๐ % ของประเทศ อยู่ตลอดทุกเมื่อ ทุกเวลา อันที่ทาง พื้นที่จะใช้ประโยชน์อะไรอื่น นั้น ก็คงจะไม่สามารถมีได้”
“ดังนั้น ทุกท่าน ก็ควรจะย้อนถามเอา ถึงว่า เราควรถามเขา ว่า! ท่านเองจะแสดงสิ่งที่ไม่ใช่ศาสนาพุทธ ให้ได้ตกมาเป็นอุทาหรณ์ กับสังคมของเรา จากตัวอย่าง ดี ๆ ไว้ได้บ้าง อย่างไร?”